บทที่ 180 ชาติกำเนิดไม่ธรรมดา
“ท่านอ๋อง ใคร่ขอถามหน่อยว่าผู้หญิงที่หลบหนีออกมาจากถ้ำโจร ทำไมจึงยังคงสถานะอย่างไร้ตำหนิเพคะ” บนใบหน้ากู้จี้เหยามีรอยฝ่ามือแสบร้อน ยามที่เผชิญหน้ามาฟ้องกับซ่านจินจื๋อถึงกับปล่อยโฮ
การกระทำอันหยาบกระด้างของซ่านจินจื๋อ เซียวไห่ที่อยู่ด้านข้างยังต้องเงียบเสียง มองดูคนผุ้นี้ที่ถูกซูพ่านเอ๋อลากเข้ามา
บุตรสาวสองคนแห่งตระกูลกู้ ดูเหมือนเป็นศัตรูกันเสียมากกว่า
“อีกอย่างหม่อมฉันแค่กล่าวลอยๆ นางก็ตบหม่อมฉันทันที….”
“ออกไปเสีย” ซ่านจินจื๋อกล่าวเสียงเบา ก้มหน้าดูฎีกาที่อยู่ในมือต่อ
กู้จี้เหยาถูกลากออกไปอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะร่ำไห้อย่างไร ซ่านจินจื๋อก็เหมือนไม่ต้องการที่จะเชื่อ
ซึ่งกู้จี้เหยาไม่ทราบ สองมือของกู้อ้าวเวยที่ได้รับความหนาวเย็น ยามนี้ถึงแม้ว่าแผลจะหายดีแล้วแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง ปกติแม้จะเขียนบนใบสั่งยาก็ยังต้องหยุดหลายครั้ง รอยฝ่ามือชัดเจนขนาดนี้ มือของกู้อ้าวเวยที่ไร้เรี่ยวแรงหักคอไก่จะตบใครไหว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อกลับจำได้ว่าเหมือนกับนางไม่เคยอ้วนเลย
“เฉิงซาน ไปบำรุงให้นางดีๆ แล้วสั่งห้องครัวทำอาหารไปส่งมากหน่อย”
“แต่…พระชายาได้ส่งชิงต้ายไปซื้อของทานที่ร้านอาหารไป๋เว่ยแล้วพะย่ะค่ะ” เฉิงซานกระอักกระอ่วน
ใบหน้าซ่านจินจื๋อมืดครึ้มลงทันที “นางใช้เงินของจวนไปเท่าไหร่?”
ยามนั้นเฉิงซานกลับรู้สึกตกที่นั่งลำบากมากกว่าเดิม ได้แต่ลดเสียงพูด “ไม่เพียงไม่ใช้เงินภายในจวน ก่อนหน้าช่วงที่พระชายาไม่อยู่ แม่นางฉีหรัวได้มอบเงินมาให้หนึ่งพันสองร้อยตำลึงถึงจวน แล้วยังได้มอบสองพันตำลึงเก็บรักษาที่โรงยา ทุกๆสิบวันด้านร้านยาจี้ซื่อถางก็ส่งเงินมาให้หลายสิบตำลึง นับๆดูแล้ว แค่เงินส่วนตัวของพระชายาอย่างน้อยที่สุดก็สักสามพันตำลึงแล้วพะย่ะค่ะ”
เยอะขนาดนั้นเชียว
ซ่านจินจื๋อกลับไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยนางจะฉลาดเฉลียวเช่นนี้ เงินในจวนอ๋องจิ้งของเขาก็ไม่ใช่แค่หลายพันตำลึง ซึ่งก็มากพอกับค่าครองชีพของพวกเขา
เขาครุ่นคิดสักพักและผุดลุกขึ้นมาทันที แล้วมุ่งหน้าไปวิหารเฟิ่งหมิง
เขายังต้องการสอบถามอาการป่วยของซูพ่านเอ๋ออยู่พอดี
เมื่อเปิดประตูบานใหญ่ของวิหารเฟิ่งหมิง ที่นี่โล่งโจ้งไร้ผู้คน ไม่มีคนรับใช้อื่นๆ จนคล้ายกับว่าเหลือเพียงกู้อ้าวเวยที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ห้องหับอื่นๆในทุกตารางพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยฝุ่น ยังเห็นใยแมงมุมจำนวนหนึ่งด้วย
ภายในห้องโถง ป๋ายเสากำลังหมอบกินอะไรบางอย่างอยู่ที่มุมโต๊ะ
กู้อ้าวเวยเล่นถูไถหัวของป๋ายเสาบ่อยครั้ง แล้วจึงหันกลับมาทานข้าวของตน
“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงไม่เข้าไป?” เฉิงซานกระซิบถาม
“ลงโทษปรับเงินพ่อบ้านสามเดือน” เมื่อกล่าวประโยคนี้จบซ่านจินจื๋อทำได้เพียงต่อต้านความคิดที่จะร่วมทานข้าวกับนาง แล้วกลับมาที่ห้องหนังสืออีกครั้ง “ข่าวลือในจวนวันนี้กู้จี้เหยากุขึ้นทั้งหมดใช่หรือไม่”
“ใช่พะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมได้ส่งคนไปจัดการแล้ว”เฉิงซานลดเสียงเบา เหตุการณ์เรื่องนี้แค่กลุ่มคนที่อยู่ในจวนร่ำลือกันเท่านั้น คนข้างนอกทราบความจริงแค่ว่ากู้อ้าวเวยกลับมาจากหลิ่งหนานตระกูลหยุน
“คืนนี้ข้าจะไปหานาง”
“ทางด้านแม่นางซูยังรออยู่นะพะย่ะค่ะ” เฉิงซานประหลาดใจ
“คืนเดียวไม่เป็นไรหรอก ก็บอกว่าข้าไปเพื่อสอบถามอาการป่วยของซูพ่านเอ๋อแล้วกัน” ซ่านจินจื๋อหยิบพู่กันของตนขึ้นมาใหม่ จัดการกิจธุระในมือของตนต่อโดยไม่ลืมที่จะรายงานความปลอดภัยต่อองค์ฮ่องเต้
ช่วงกลางคืนอากาศเย็นเล็กน้อย กู้อ้าวเวยเหน็ดเหนื่อยจนแทบไม่ไหวจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว ป๋ายเสาที่นอนหมอบอยู่บนหัวเตียงเล่นกับเรือนผมสีดำบนหมอนของนางจนกระจัดกระจาย จู่ๆมันถูกยกขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อนำป๋ายเสาไปวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ นั่งบนกราบเตียงมองดูใบหน้าด้านข้างของกุ้อ้าวเวย
รอยคล้ำใต้ตาของนางไม่เคยจางหาย การเดินทางที่ผ่านมาไม่เคยลบหายไปจากฝันร้ายของนาง ซ่านจินจื๋อทำได้แค่เฝ้ามองแต่กลับไม่รู้ว่านางโดนอะไรมาบ้างในค่ำคืนนั้น
เขาปีนขึ้นมาบนเตียง กอดคนไว้ในอ้อมแขนเหมือนดังก่อน แต่เมื่อสัมผัสข้อมือนางกลับพบว่านางขมวดคิ้วเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของซ่านจินจื๋อจึงยิ่งเพิ่มความอ่อนโยน
ตัวกู้อ้าวเวยนั้นกลัวว่าจะบอบบางมากกว่าแจกันดอกไม้เสียอีก
ค่ำคืนที่นอนหลับสนิท กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมาขอบฟ้ายังไม่สว่างดี นางกลับดูไม่ประหลาดใจที่เห็นคนผู้นี้มาอยู่ข้างกายบ่อยๆ เพียงแต่วันนี้นางรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพื้น เมื่อเปิดหน้าต่างออกก็มีฝนตกปรอยๆที่หน้าต่าง
ป๋ายเสาถูไถกับเท้าอุ่นๆของนาง ส่งเสียงร้องคราง มาวๆ
“เป็นอะไร?” ซ่านจินจื๋อก็ตื่นขึ้นมานั่งมองนางจากบนเตียง
“หม่อมฉันรู้สึกว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น”กู้อ้าวเวยเอาแต่มองนอกหน้าต่าง สำหรับลางสังหรณ์ของนางไม่มีอะไรบอกเหตุแม้แต่น้อย แต่การการเต้นหัวใจของนางเริ่มเร่งถี่รัวไม่อาจสงบลงได้ นางสวมเสื้อคลุมออกไปข้างนอกอย่างลวกๆ ชิงต้ายยังคิดจะห้ามนางไว้แต่ไม่เป็นผล
กู้อ้าวเวยมาถึงแค่นอกประตูจวนอ๋อง หยุนฝูก็คุกเข่าอยู่หน้าประตู ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็คือผู้นำตระกูลหยุน”
หยุนฝูโขกศีรษะต่อกู้อ้าวเวยอย่างหนักแน่น ความรุนแรงนั้นได้กระแทกที่กลางหัวใจขอองนางอย่างหนักหน่วง
ซ่านจินจื๋อที่กำลังถือร่มเร่งตามมายังข้างกายนาง มองหยุนฝูที่อยู่ตรงหน้าทโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
กู้อ้าวเวยกดบานประตูเอาไว้แน่น
เป็นนางที่โง่เขลา
เหตุใดหยุนชิงหยางต้องหานางมาอุปถัมภ์ เหตุใดหยุนชิงหยางต้องการให้นางแก้ไขความขัดแย้งระหว่างโหวเซ่อด้วยตนเอง เหตุใดหยุนชิงหยางถึงต้องการรั้งอยู่ที่หลิ่งหนาน…
สายฝนที่ค่อยๆตกลงมาชั่วพริบตาก็กลายเป็นฝนห่าใหญ่ กู้อ้าวเวยประคองหยุนฝูขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ท่านปู่รู้ทุกอย่างแล้วเหตุใดจึงไม่บอกข้า!”
ความสัมพันธ์แห่งสายเลือด จารึกอยู่ในหัวใจไม่อาจลืม
ไม่แปลกใจตั้งแต่ที่นางจากหลิ่งหนานตระกูลหยุนมาก็ผวาตื่นจากฝันทุกค่ำคืน
“เป็นเพราะโหวเซ่อตระกูลจูและตระกูลหยุนเกื้อกูลส่งเสริมกันและกัน นายท่านหยุนเป็นรุ่นสุดท้ายที่ร่างกายติดทรพิษตระกูลหยุน แต่เขาไม่ต้องการให้ท่านเจ็บปวดใจ บัดนี้ได้ฝังอยู่ใต้ไหล่เขาเทียนซานขอรับ” หยุนฝูกัดริมฝีปากไว้แน่น สายฝนโชลมไหลอาบใบหน้าของเขาเรื่อยๆ
“เหอะ….”กู้อ้าวเวยส่งเสียงเย้ยหยันตัวเองแล้วดันหยุนฝูออกไป
ทุกอย่างไม่มีแม้แต่ลางบอกเหตุ นางสับสนจนทำอะไรไม่ถูก หยุนชิงหยางสมกับที่เป็นปู่ของนางจริงๆ ปิดบังไว้อย่างดีเช่นนี้
“แล้วชิงจื๋อล่ะ?” กู้อ้าวเวยเช็ดน้ำตาที่นองหน้า
“นายน้อยชิงจื๋อยังอยู่ในตระกูลหยุน เพียงแต่ว่า ตำแหน่งผู้นำของตระกูลหยุนนี้…”
แววตากู้อ้าวเวยดำมืด ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังต้องการนำนางเข้ามาใกล้ๆ แต่กลับเห็นแววตาอันเด็ดเดี่ยวของนาง กู้อ้าวเวยลดเสียงกล่าวเบาๆ “เจ้ารีบกลับไปที่หลิ่งหนานตระกูลหยุน แล้วฝากคำพูดข้าไป””
“ขอรับ”
“ข้าจะรับตำแหน่งผู้นำตระกูล ทุกๆเดือนส่งจดหมายแจ้งสถานการณ์โดยให้ข้าเป็นคนตัดสิน ทางด้านฝ่าบาทข้าจะไปพบด้วยตนเองในภายหลัง สุดท้ายหากข้าตาย ตำแหน่งผู้นำตระกูลหยุนมอบให้แม่นางชุดขาวสืบทอดชั่วคราว” กู้อ้าวเวยปาดน้ำตา ผลักหยุนฝูเบาๆ “ครอบครัวตระกูลหยุนไม่อาจสิ้นสุดลงในมือข้า”
“ขอรับ ท่านผู้นำ” หยุนฝูฝ่าเข้าไปในสายฝน
ทว่าเมื่อกู้อ้าวเวยบ่ายหน้ากลับมา ก็บังเอิญเห็นซ่านจินจื๋อมองตนด้วยความพรั่นพรึงเล็กน้อย จึงเพียงแค่ยกมุมปาก ผลักเขาออกแล้วเดินเข้าไปข้างในเพียงลำพัง เฉิงซานที่ปรี่เข้ามากลับไม่อาจห้ามปรามกู้อ้าวเวยเอาไว้ได้ ได้แต่ให้ชิงต้ายเข้าไปปรนนิบัติรับใช้ ส่วนตนมาประกบข้างกายซ่านจินจื๋อ
แต่กลับได้ยินซ่านจินจื๋อที่ยืนอยู่ริมประตูบ่นพึมพำกับตนเอง “กู้อ้าวเวย ที่แท้ชาติกำเนิดเจ้าไม่ธรรมดา เหตุใดจนป่านนี้ข้าเพิ่งจะดูออก