บทที่ 228 วันราชสมภพใกล้มาเยือน
“เยว่ล้มเหลวในการทำหน้าที่เองเจ้าค่ะ พักหลังอ๋องจิ้งจงใจทีไม่จงใจทีตระเวนในหมู่ข้าราชบริพารทุกคน อีกอย่างอ๋องจิ้งพาซูพ่านเอ๋อคนนั้นออกไปเที่ยวเล่นตลอด และดึงพรรคพวกเด็กในสลัมของการสอบฤดูใบไม้ผลิในปีนี้” เยว่คุกเข่าอยู่บนพื้น สองมือวางไว้ข้างลำตัว “เป็นไปได้ว่าอ๋องจิ้งจงใจทำให้พวกสอดแนมทั้งหลายปั่นป่วน เยว่เองก็ไม่รู้เรื่องที่ในเรือนหู้ปู้เซ่อหลางต้องพิษด้วยนะเจ้าคะ
ดูท่าซ่านจินจื๋อจะซ่อนกิจการในจวนของหู้ปู้เซ่อหลางเป็นอย่างดีเยี่ยงนี้เชียว
แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้น โชคดียิ่งกว่าที่ซ่านเซิ่งหานจะลงมือกับหู้ปู้เซ่อหลาง
“เพียงแต่ พระองค์ทรงทราบข่าวคราวของหู้ปู้เซ่อหลางตั้งแต่เมื่อไรเจ้าคะ” เยว่เงยหน้าขึ้นมาทันใด
“แน่นอนว่าพระชายาจิ้งต้องเป็นคนบอกให้รู้อยู่แล้ว หากว่านางคาบข่าวมาไม่ได้เลยสักนิด เช่นนั้นเก็บนางไว้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว” ซ่านเซิ่งหานกล่าวอย่างเบาหวิว แต่ในใจกลับนึกวิธีจะต่อกรกับหู้ปู้เซ่อหลางได้แล้วว่าควรทำอย่างไรดี
หู้ปู้เซ่อหลางคนนี้สามารถได้รับความวางไว้ใจจากฮ่องเต้ได้ จะต้องมีวิธีการบางอย่างแน่นอน และเอาคนไปแลกเปลี่ยนได้มากกว่าที่กู้อ้าวเวยพูดมาด้วย แต่ก็ไม่สู้ให้ตอนที่ฮ่องเต้ทรงมีพระชนม์ชีพและไว้ชีวิตเขาสักคน วันหน้ายังพอจะเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้มากกว่านี้
เยว่ช้อนสายตามอง เห็นซ่านเซิ่งหานคล้ายกับคิดใจความสำคัญอยู่ หัวใจดวงน้อยกลับสู่หน้าท้อง ดูท่าพระองค์ก็ไม่ได้แยแสพระชายาจิ้งสักเท่าไร เป็นนางที่คิดมากไปเอง
เสร็จเรื่องนี้ ซ่านเซิ่งหานคิดอยากจะเก็บหู้ปู้เซ่ออหลางไว้ ทำได้เพียงให้เยว่มุ่งไปสืบในยามราตรี
ในเวลาเดียวกัน ตำหนักอ๋องจิ้งมีเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงหนึ่งชุดวางลงมา คนที่มาพร้อมกับสิ่งนี้ก็ยังมีสาวใช้ในจวนอีกด้วย “นี่คือเสื้อผ้างานเลี้ยงวันราชสมภพที่ท่านอ๋องเลือกให้กับพระชายาด้วยตนเอง พิธีอวยพรได้เตรียมการไว้แล้ว และยังมีของเหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่เหล่าคนรับใช้ของหู้ปู้เซ่อหลางเขียนเอาไว้ทั้งหมด พระชายาโปรดตรวจสอบด้วย”
“พอซ่านจินจื๋ออ้าปาก ก็จะให้คนช่วยเหลือ ฝากความไปบอกเขาที” กู้อ้าวเวยกำขนมพุทราแดงหนึ่งชิ้น ขาสองข้างซ้อนทับกันอย่างไม่สุภาพ มืออีกข้างหนึ่งพลิกบันทึกประวัติศาสตร์ ขบคิดเนิ่นนาน จึงเอ่ยต่อไป “บอกกับเขาว่าข้ายังอยากได้หนังสือทางการแพทย์บางแห่งอีก อาการเจ็บป่วยในหู้ปู้เซ่อหลางที่ติดต่อกันนั้นเป็นพิษชนิดหนึ่ง พิษไม่มากพอจะคร่าชีวิตได้ง่ายๆ ทางข้าก็ไม่สะดวกในการทดสอบยา ทางที่ดีที่สุดยังคงเป็นการหาในหนังสือทางการแพทย์จะดีกว่า”
“เจ้าค่ะ พระชายา” สาวใช้นำคนหลั่งไหลออกไปอีกครั้ง
ชิงต้ายหอบกล่องไม้ที่บรรจุเสื้อผ้าอู้ฟู่หรูหราเดินเข้ามา และแย้มยิ้มพิมพ์ใจ “ลายของอาภรณ์ชุดนี้วาดปักษาสวรรค์เผิงไหล ดูงดงามจับตายิ่งนัก วันนั้นหากท่านปรากฏกายในงานเลี้ยงวันสมภพของไทเฮา จะต้องสะกดสายตาผู้คนได้อย่างแน่นอน”
เหลือบสายตามองแวบหนึ่ง กู้อ้าวเวยก็มองทางบันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้ง “มันสวยจริงๆ นั่นแหละ”
ชิงต้ายยิ้มพลางเอาสิ่งของจัดวางไว้อย่างดี และไปยุ่งง่วนที่ห้องยาเป็นเพื่อนกู้อ้าวเวยหลังจากที่นางอ่านหนังสือเสร็จแล้ว
ส่วนข้างชายคา กุ่ยเม่ยเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในสายตา จ้องมองจวนเจียนจะสองชั่วยามจึงย้อนกลับไป
กู้อ้าวเวยยุ่งง่วนตลอดทั้งวัน มีหลายสิ่งหลายอย่าง ผลิตภัณฑ์ใหม่ของสำนักเยียนหยู่เก๋อที่เข้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือจากกู้อ้าวเวย และเด็กส่วนใหญ่ในจี้ซื่อถางต้องขอบคุณกู้อ้าวเวยสำหรับการพัฒนาตำรับยา ถึงแม้สำนักเยียนหยู่เก๋อและจี้ซื่อถางไม่ได้พูดชัดเจน แต่ว่าคนจำนวนไม่น้อยต่างรู้เรื่องนี้ดี
ซ่านจินจื๋ออ่านทุกการเคลื่อนไหวการกระทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาของนางอย่างละเอียด “วันหน้า ก็ไม่ต้องคอยตามอยู่ตลอดแล้ว”
“ท่านพี่จื๋อ ท่านเอาเลือดเนื้อเชื้อไขในครรภ์ของนางออกมา ตอนนี้ยังจะติดต่อกับสำนักเยียนหยู่เก๋อและจี้ซื่อถางเช่นนี้อีก นางจะคิดหาวิธีมาแก้แค้นท่านกับข้าหรือไม่” ซูพ่านเอ๋อพิงอยู่บนไหล่ของซ่านจินจื๋อ ทั้งอยากจะยุแหย่ความสัมพันธ์ทั้งสองให้ตีตัวออกห่าง ผลักกู้อ้าวเวยให้แยกออกจากข้างกายของซ่านจินจื๋อโดยสมบูรณ์
“สำนักเยียนหยู่เก๋อเดิมทีก็เป็นสายของข้า จี้ซื่อถางนั่นนอกจากจะมีท่านหมอที่โด่งดังเหล่านั้นแล้ว ก็แทบจะเรียกลมเรียนพายุอะไรไม่ได้เลย” ซ่านจินจื๋อลูบหัวไหล่ของซูพ่านเอ๋อแสดงถึงการปลอบประโลม “หลายวันมานี้ ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“มีท่านพี่จื๋ออยู่เคียงข้าง ก็ดีขึ้นมากโขแล้ว” ซูพ่านเอ๋อทุบเข้าที่อ้อมอกของซ่านจินจื๋ออีกครั้ง
ค่อยโอบตัวคนเข้าสู่อ้อมอก มือข้างหนึ่งรวบอยู่ที่ข้างเอวของซูพ่านเอ๋อ พรมจูบลงไปข้างแก้มของนางหนึ่งฟอด ซูพ่านเอ๋อปีนไปทางอ้อมแขนของเขาอย่างว่าง่ายมากขึ้น แต่ซ่านจินจื๋อกลับเหมือนคิดอะไรออกสักอย่าง และกดหยุดการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้ “ร่างกายของเจ้ายังไม่เหมาะเท่าไร”
“แต่ว่าท่านพี่จื๋อ ข้าต้องการ…” ในดวงตาของซูพ่านเอ๋อเปี่ยมด้วยหยาดน้ำตา ยกมือขึ้นสอดเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างน่าสงสาร
เฉิงซานกระแอมไอเบาๆ หนึ่งที ไสส่งคนทั้งหมดที่อยู่ในห้องหนังสือออกไป
ครู่ต่อมา มือของซ่านจินจื๋อก็จับข้อมือเรียวของซูพ่านเอ๋อเอาไว้มั่น แต่กลับยังคงกอดนางอยู่ในอ้อมอกตามเดิม “ไม่ได้”
ในเรื่องของหลักการ ไม่ว่าซูพ่านเอ๋อจะออดอ้อนอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์เลยสักนิด ทำได้เพียงตัวติดหนึบอยู่ข้างกายของซ่านจินจื๋ออย่างคนแพ้เกม ซ่านจินจื๋อกระปรี้กระเปร่า แต่กลับทำได้แค่อดทนเพื่อซูพ่านเอ๋อ ในหัวสมองกลับนึกถึงกู้อ้าวเวยขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
กู้อ้าวเวยที่อยู่บนเตียงนอน ดูแล้วบังคับใจมากกว่าเพลิดเพลิน แต่ต่อให้เป็นเพียงการหวนคิด ก็ทำให้เขายากจะสงบนิ่งได้เลยทีเดียว
“อีกหน่อยข้าก็จะต้องออกไปข้างนอก พ่านเอ๋อเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนเถิด”
รีบขับซูพ่านเอ๋อออกไปอย่างลวกๆ ซ่านจินจื๋อเองก็ทำได้เพียงออกจากห้องหนังสือชั่วคราว ไปยืนตากลมยามค่ำคืน
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางร้านยาเหย้าแห่งเทียนเหยียน
เยว่และฉางอีฉินมาเยี่ยมเยือนพร้อมกัน ในมือยังถือขนมอบสิบแปดอย่างของร้านอาหารป่ายเว่ยเอาไว้ ด้านหลังกายมีทาสสาวสองนางและคนรับใช้อีกหกคน ตอนที่พวกนางย่างเข้าสู่ร้าน กู้อ้าวเวยเพิ่งจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ คลุมเสื้อนอกตัวหนึ่งนั่งอยู่บนตั่งหิน อ่านหนังสือเครื่องหอมถ้าไม่ได้ชิงต้ายเอ่ยเตือนเบาๆ ก็คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะมาเองโดยไม่ได้รับเชิญ
“มีเรื่องอะไร” กู้อ้าวเวยปรายตามองเบาๆ แวบหนึ่ง และรับยาต้มมาจากมือของชิงต้าย จิบไปหนึ่งอึกก็อยากปฏิเสธอย่างสุภาพในที หากไม่ใช่ว่าชิงต้ายยืนอยู่เหมือนเทพเฝ้าประตู นางคงต้องคว่ำยาต้มถ้วยนี้ทิ้ง ไปทำยาเม็ดอีกต่อไปอย่างขึงขังเป็นแน่
เยว่มองดู “นี่พระชายาดื่มยาอะไรหรือ”
“ยาบำรุงร่างกาย” กู้อ้าวเวยทำเพียงอุดจมูกและดื่มยาต้มให้หมดรวดเดียว หันไปมองทางฉางอีฉินอีกครั้ง “น้อยมากที่จะมีคนย่างเท้าเข้ามาร้านยาเหย้าของข้าด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าฮูหยินทั้งสองมาที่นี่ มีเรื่องอะไรกันแน่”
โดยเฉพาะเยว่ ยิ่งมาอยู่บ่อยครั้ง มาอย่างเป็นเกียรติเอิกเกริกเลยทีเดียว
“พักหลังนี้ร่างกายไม่ค่อยดี วันนี้ไปที่จี้ซื่อถางก็ไม่พบท่านหมอหญิง ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจนำเงินมหาศาลมา หวังว่าพระชายาจิ้งจะช่วยข้าได้” ฉางอีฉินเริ่มปริปากเป็นคนแรก และหย่อนตัวลงนั่งอย่างซื่อๆ
“เหตุใดจึงไม่สบายกาย” กู้อ้าวเวยกระแอมไอสองที โบกมือให้ชิงต้ายบอกนางนำหมึก กระดาษและพู่กันเข้ามา
อีกด้านหนึ่ง นางเพิ่งจะวางหนังสือเครื่องหอมในมือลง เลิกเปิดแขนเสื้อของฉางอีฉินขึ้นตรวจวัดชีพจรให้นาง นิ่งเงียบอยู่เป็นนาน คล้ายกับไม่เข้าใจ “ฮูหยินไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย เพียงแต่หลายวันมานี้ธาตุไฟมากขึ้นมาหน่อย ม้ามจึงพร่องไปบ้าง สั่งยาให้ไม่กี่ตัวก็ดีขึ้นแล้ว”
ฉางอีฉินกระแอมไออย่างอึดอัดเล็กน้อย “ข้ามาในยามนี้ เพียงแค่รู้สึกแปลก ข้ากับองค์ชายอยู่ห้องเดียวกันมาก็ตั้งสองปีแล้ว แต่ทำไม…”
“นี่มันคือโรคหวาดระแวงใจแล้ว” กู้อ้าวเวยส่ายหน้าอย่างจนปัญญา และเงยหน้ามองเยว่อีกครั้ง “ฮูหยินท่านนี้ก็มาด้วยเรื่องนี้เหมือนกันหรือไม่”
“ข้าก็แค่ตามฮูหยินมาเท่านั้น” เยว่มองฉางอีฉินแวบหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ เห็นฉางอีฉินหน้าแดงคล้ายกับเขินอาย จึงทำเพียงเอ่ยอย่างรีบร้อน “พี่สาวหากว่าเป็นเพราะโรคระแวงใจจริงๆ ก็แค่ต้องออกไปเดินเล่นให้มากหน่อยก็ได้การแล้ว อย่าลืมว่าวันนี้ท่านนำคำมาบอกแทนองค์ชายนะ”
“ใช่แล้ว วันนี้ที่มา เพียงแค่มีเรื่องอยากจะปรึกษากับพระชายาเท่านั้น”