บทที่ 257 ยังต้องการเจ้าอีกด้วย
“เขาเป็นบิดาของท่าน”
“แต่เขาก็เป็นเฉิงเสี้ยงแห่งชางหลาน” กู้อ้าวเวยไม่สนใจเรื่องจริยธรรม “ข้ามิใช่คนให้ความสำคัญกับความรู้สึกอะไรเทือกนั้น และก็มิใช่คนดีอะไรหนักหนา วันนี้ข้าขอตัวลาไปก่อน วันพรุ่งข้ายังต้องเข้าวังเพื่อตรวจชีพจรองค์ไทเฮา”
ไม่ให้โอกาสเมิ่งซู่ปฏิเสธแต่อย่างใด กู้อ้าวเวยก็จากไปทันที
นางมักจะเทียวไปเทียวมาเร่งร้อนอย่างนี้เสมอ เมิ่งซู่ในที่สุดก็ได้ทราบว่าเหตุใดองค์ชายสามจึงเชื่อฟังวาจาของนาง
กู้อ้าวเวยคือคนที่ตราบใดที่บอกกล่าวเหตุผลกับท่านแล้วก็จะเป็นคนไม่สนใจใยดี
นางกลับถึงโรงยาแล้วเข้านอน ในเช้าวันถัดมานางจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยพลันมุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวง นางยังคงสวมชุดเรียบง่าย ปกติการไปพระตำหนักของไทเฮาก็เพียงแค่รักษาอาการป่วย ถ้าจะกล่าวถึงสี่สุดยอดวรรณกรรมของที่แห่งนี้ยังไม่เคยมีปรากฎ
ทว่าวันนี้นางยืนข้างกุ้ยมามา กำลังมองเงาร่างข้างแท่นพระบรรทมองค์ไทเฮาด้วยความตะลึงลาน
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เลือนหายไปจริงๆ เสื้อผ้าบนร่างคร่ำไปด้วยฝุ่น บนหลังมือยังพันไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ใบหน้าคมคายดุจสันมีดยังคงหล่อเหลา ดวงตาทั้งคู่มองนางด้วยความเจิดจรัส ในน้ำเสียงเจือด้วยความแหบแห้งแต่ก็สงบผ่อนคลาย “พระชายาไยจำข้าไม่ได้แล้ว?”
ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยกู้อ้าวเวยจึงได้รั้งรวมสติ เพียงก้มศีรษะเล็กน้อยเดินไปข้างกายไทเฮาเพื่อจับชีพจร
ซ่านจินจื๋อไม่โกรธกริ้ว เพียงนั่งรอที่ด้านข้าง เส้นเลือดฝอยที่ลามขึ้นอย่างช้าๆในดวงตายังไม่เหลือบแล
ไม่ทราบเพราะเหตุใด หลังจากเขากุมความลับเนรเทศองค์ชายหกออกไปจากเทียนเหยียนก็ไม่สามารถไว้วางใจกู้อ้าวเวยได้อีกเลย ในใจครุ่นคิดเพียงหากนางทราบเรื่องนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ทราบว่าวันนี้นางเข้าวังวินิจฉัยอาการป่วย เขาจับพลัดจับผลูมาถึงวังหลวงก่อนแล้วรอนางที่นี่
ไทเฮาจับสังเกตการกระทำของซ่านจินจื๋อในแววตาเพียงโบกมือเอื่อยๆ “อัยเจี่ยวันนี้ค่อนข้างล้าอยู่บ้าง เวยเอ๋อร์อีกหนึ่งชั่วยามค่อยมาเถิด” (อัยเจี่ย สรรพนามที่ไทเฮาใช้เรียกแทนตนเอง)
กู้อ้าวเวยประหลาดใจ หลังจากหนึ่งชั่วยามค่อยมาใหม่งั้นเหรอ นางไม่อาจรออยู่ว่างๆในวังหลวงอันใหญ่โตเช่นนี้ได้ตลอดหรอกนะ
กุ้ยมามาที่อยู่ด้านข้างกลับกระจ่างในความหมายของไทเฮา “ไม่สู้ให้ท่านอ๋องนำพระชายาเดินเล่นรอบๆเพคะ วันนี้ในสวนบุปผากำลังมีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยได้จัดงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ”
มิน่าถึงให้ตนเข้าวังวันนี้ ที่แท้ไทเฮาคำนวณไว้อย่างดีแล้วสินะ?
กู้อ้าวเวยพลันเลิกคิ้วเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อออกจากพระตำหนักของไทเฮา บุรุษที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงเดินตามมาติดๆ ทำให้นางเริ่มมีโทสะเล็กๆ “หรือเป็นไปได้ที่ท่านอ๋องพร้อมจะไปงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิอะไรนั่นกับหม่อมฉัน?”
“เจ้าติดตามข้าไปกัน” ซ่านจินจื๋อจูงมือนางฝีเท้าพลันเชื่องช้าลง “หากข้าไม่ปฏิบัติกับเจ้าให้ดี เกรงว่าเสด็จแม่จะขับไล่ข้าออกจากวัง”
ประโยคนี้ทำให้ใจของนางเย็นลงไปครึ่งหนึ่ง ในใจไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกผิดของเขาอีกต่อไป
“ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอนๆข้างนอกมา ไม่กลัวว่าสตรีในรั้ววังจะพูดว่าท่านประพฤติตนไม่เหมาะสมบ้างเลย”กู้อ้าวเวยเดิมทันฝีเท้าเขาอย่างง่ายดายพลางเอ่ยกระซิบ
ซ่านจินจื๋อพยักหน้ารับ สั่งให้คนเตรียมเสื้อผ้าสะอาดมาหนึ่งชุด
รอจนซ่านจินจื๋อผลัดเสื้อผ้าแล้วเสร็จ กู้อ้าวเวยยังคงยืนรอหน้าประตูอย่างเชื่องเชื่อ แววตาเฉื่อยชาไม่ทราบกำลังมองไปที่ใด
ซ่านจินจื๋อครุ่นคิดถึงท่าทีของนางในอดีตที่ถือมีดประจันหน้าตนด้วยความฉงนใจ สาวเท้าขึ้นหน้าอย่างเร็วคว้าจับมือนาง กู้อ้าวเวยหันกลับด้วยความตกตื่น พลันพบสีหน้ามืดครึ้มของซ่านจินจื๋อ
“ข้าไปยุแหย่ท่านอีกแล้ว?” กู้อ้าวเวยรั้งมือของตนเองออก
บุรุษผู้นี้เกิดบ้าอะไรอีกแล้วล่ะ
พบนางไม่มีเค้าความแตกต่าง ใบหน้าซ่านจินจื๋อจึงอ่อนโยนลง เดินเคียงไหล่นางไปยังสวนบุปผา กระทั่งไม่ต้องการคนนำทาง “หลายวันนี้ได้ยินว่าเจ้าฝึกฝนวิชายุทธ์กับกุ่ยเม่ยตลอด
กู้อ้าวเวยพลันเลิกคิ้ว ดูเหมือนกุ่ยเม่ยไม่ได้นำเรื่องอื่นไปบอกซ่านจินจื๋อจริงๆ
“อืม”กู้อ้าวเวยตอบกลับอย่างเกียจคร้าน
ตลอดทางทั้งสองต่างไร้วาจาโต้ตอบ เมื่อมาถึงงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิพบว่าบรรดาองค์ชายเองก็อยู่ที่นี่ กู้อ้าวเวยแตกตื่นเล็กๆ ดูเหมือนไทเฮาไม่แน่ว่าตระเตรียมไว้
ซ่านจินจื๋อเห็นได้ชัดว่าไม่ทราบเรื่องนี้ เพียงนำกู้อ้าวเวยนั่งประจำที่ ในใจพลันกระจ่างแจ้ง มิน่าเสด็จแม่จึงให้ตนกลับมาเร็ว
เขาชำเลืองมองกู้อ้าวเวยที่ข้างกาย นางเพียงสวมชุดสะอาดเรียบง่าย แต่บรรดาสตรีที่มานี่ใครบ้างไม่แต่งตัวฉูดฉาดหรูหรา กระทั่งฉางอีฉินที่ติดตามข้างกายองค์ชายสามซ่านเซิ่งหานที่สวยสะคราญเลื่องชื่อ วันนี้ยังผลัดเป็นชุดกระโปรงยาวสีแดงสด
ทั้งสองหย่อนกายนั่ง กู้อ้าวเวยใคร่อยากสวมผ้าคลุมหน้าตามการกระทำจิตใต้สำนึก เมื่อใคร่ครวญดูแล้วจึงวางของสิ่งนี้ลง
ซ่านจินจื๋อดันขนมหวานมาตรงหน้านางอย่างไร้ร่องรอย “หากเบื่อก็ทานอะไรสักหน่อยเพื่อบรรเทาความหน่าย”
กู้อ้าวเวยพยักหน้ารับ หยิบชิ้นขนมขึ้นมาทานอย่างละเลียด
นางแม้ว่าปกติจะรับประทานอาหารปานพายุหอบเมฆ แต่ตราบใดที่เป็นประเภทขนมหวาน แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ค่อยเพลิดเพลินอย่างช้าๆ
“อ๋องจิ้งเพคะ ฝ่าบาทให้ผู้น้อยนำคำตรัสมาแจ้ง”
งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิยังไม่ทันเริ่ม กงกงท่านหนึ่งก็เข้ามาใกล้กระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูซ่านจินจื๋อ
กู้อ้าวเวยได้ยินคล้ายจะเป็นเรื่องขององค์ชายหก รอจนกงกงกล่าวจบซ่านจินจื๋อที่เพิ่งผุดลุกขึ้นก็ถูกกู้อ้าวเวยรั้งแขนเสื้อไว้
“เกิดเหตุใดกับองค์ชายหก?”เสียงของกู้อ้าวเวยแผ่วเบาราวกับไม่ต้องการทำให้เรื่องนี้ใหญ่โต
“เขาทรยศเข้าร่วมศัตรูข้าต้องพบเสด็จพี่”ซ่านจินจื๋อกล่าวอย่างรวบรัดได้ใจความ ดึงมือกู้อ้าวเวยออกอย่างเบามือ ในดวงตาเจือด้วยการกระตุ้นเตือน “เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า วันหน้าอย่าให้ข้าพบว่าบนของสิ่งใดๆองค์ชายหกยังห้อยอยู่บนเอวเจ้า”
“อย่างไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน เขาทรยศเข้าร่วมศัตรูขายชาติได้อย่างไร”กู้อ้าวเวยไม่คลายมือ “ไยมิใช่ว่าท่านเล่นเล่ห์อุบาย”
“เจ้าเพียงสงสัยข้า แต่ไม่สงสัยองค์ชายอื่นรายอื่น?” ดวงตาซ่านจินจื๋อค่อยๆหรี่ลง
“หรือไม่ใช่ท่าน?” กู้อ้าวเวยถามกลับด้วยใบหน้าเย็นชา ยังหมายนึกจะลุกตามซ่านจินจื๋อไป
อีกฝ่ายนำนางกดลงบนที่นั่ง “เจ้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับองค์ชายหกแม้แต่น้อย ตราบใดที่เจ้าเชื่องเชื่อ ข้ารับสามารถรับประกันชีวิตองค์ชายหกได้
“เป็นท่านจริงๆ….” กู้อ้าวเวยส่งเสียงทอดถอนใจ แน่นอนว่าไม่กล้าขยับเขยื้อน “เขาเป็นบุตรชายในเสด็จพี่ของท่าน แต่ท่านก็ยังลงมือกับเขา“
“มันต้องการบัลลังก์”แล้วยังต้องการตัวเจ้าอีกด้วย
สุดท้ายแล้วซ่านจินจื๋อไม่เอ่ยความในใจนั้นออกมา เพียงให้คนนำน้ำแกงร้อนมาถวายราวกับคุกคาม อีกทั้งยังออกคำสั่งให้กู้อ้าวเวยนั่งรับประทานน้ำแกงที่ตรงนี้ จึงค่อยสะบัดแขนเสื้อจากไป
ขณะเฝ้ามองเงาแผ่นหลังของซ่านจินจื๋อที่จากไป กู้อ้าวเวยได้รั้งรวมสติ ชมดูงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิด้วยความเรียบเฉยไม่เอ่ยถ้อยวาจา
ซ่านเซิ่งหานที่สังเกตการณ์ทุกอย่างในสายตา และผู้กล้าหาญเข้ามาถามไถ่ก็มีเพียงซ่านเชียนหยวน
เขาดึงลี่วานเข้ามาที่ข้างกายนาง พลันเอ่ยถาม “ระหว่างท่านกับเสด็จอาเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร พวกเราทะเลาะจนเคยชินเสียแล้ว”กู้อ้าวเวยโบกมือบ่ายเบี่ยง ขณะเผชิญหน้ากับซ่านเชียนหยวน นางยังแทบกลั้นไม่ไหว
สิ่งแรกที่กู้เฉิงต้องการกระทำ คือการนำคนสนิทที่สุดของอ๋องจิ้งมาคลี่คลายสะสาง
ทว่าซ่านเชียนหยวนเป็นมิตรที่ดีของนาง เป็นดั่งน้องชายคนสนิท นางไม่อาจลงมือได้จึงยังคงหาหนทางอื่น “ได้ยินว่าลี่วานวันนี้ร่วมทางมากับพระสนมเสียนเฟยอย่างสนิทสนม?”
ลี่วานหน้าเปลี่ยนสี ซ่านเชียนหยวนเบิกตากลมกว้างเห็นได้ชัดว่าไม่ทราบเรื่องนี้