บทที่ 258 น้ำส้มสายชูลอยมา (ความหึงลอยมา)
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วมองนาง “พระสนมเสียนเฟยทำเรื่องทั้งหมด เจ้ารู้อยู่แก่ใจ”
“ท่านส่งคนสะกดรอยตามข้า” ลี่วานใบหน้ามืดครึ้มกระทั่งนึกใคร่ลงมือแต่ติดที่ซ่านเชียนหยวนอยู่ข้างกาย จึงเก็บมือที่เงื้อขึ้นด้วยความคับแค้นใจกลับมา
ซ่านเชียนหยวนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ดึงตัวลี่วานเดินออกมาด้วยหมายจะคุยเรื่องนี้ให้ละเอียด
ทอดตามองส่งเงาแผ่นหลังของคนทั้งสองจากไป สีหน้ากู้อ้าวเวยพลันมืดคล้ำ
ตราบใดที่ม้วนตัวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในราชวงศ์ แม้แต่สตรีที่เชื่องเชื่อเรียบร้อยอย่างลี่วานยามนี้ยังเปลี่ยนไป
ขณะก้มศีรษะครุ่นคิดเรื่องของซ่านจวนฮ่าว กลับไม่ได้สังเกตว่านางกำนัลกำลังวางน้ำแกงที่ข้างมือตน น้ำแกงร้อนหกเลอะไปครึ่งโต๊ะ มีบางส่วนที่รดลงบนหน้าตกของกู้อ้าวเวย ทว่ายังเฉื่อยชาทั้งไม่สนใจสังเกต
นางกำนัลผู้นั้นสะดุ้งแตกตื่น คุกเข่าลงพื้นเช็ดให้นางด้วยความตะลึงลาน “บ่าวมิได้ตั้งใจ….ขอพระชายาโปรด….”
คนในงานเลี้ยงต่างมองมากู้อ้าวเวยจึงรู้สึกตัว ต้นขาปวดร้อนอยู่บ้างเล็กน้อย
“ช่างเถิด เจ้าเก็บกวาดตรงนี้ให้สะอาดก็พอ”
นางไม่แม้กระทั่งสนใจมือของนางกำนัลที่ปัดป่ายให้ นางกำนัลตัวน้อยไปเก็บกวาดด้วยท่าทางอยากร่ำไห้
กู้อ้าวเวยทอดถอนใจเสียงค่อย ยังสั่งคนอย่าได้ลงโทษนางจนได้ปล่อยคนไป ส่วนตนก็เช็ดคราบเปื้อนบนหน้าขาอย่างไม่แยแส
ซ่านจินจื๋อเห็นได้ชัดว่าต้องการให้ซ่านจวนฮ่าวตกตาย แล้วนางควรทำเช่นไร?
“พระชายา ไม่สู้ให้ข้าพาท่านไปผลัดเสื้อผ้าสะอาดเถิด”
เสียงสายหนึ่งกระทบความคิดของนาง กู้อ้าวเวยมองไปตามเสียงด้วยใบหน้าอึมครึม ผู้ที่เอ่ยเป็นฉางอีฉิน
นางมองสตรีชุดสีแดงสดที่เดินเข้ามา นัยน์ตาพลันยะเยือกลงหลายส่วน
“ส่งคนมีไหวพริบสักหลายคนติดตามพระชายาจิ้งกับพระชายาในองค์ชายสามเสียหน่อย” เสียนเฟยเอ่ยด้วยความเย็นชา ถลึงใส่นางอย่างดุร้าย
กู้อ้าวเวยกลับไม่ทราบว่าตนก่อเรื่องอันใด จึงได้แต่ติดตามฉางอีฉินไปผลัดเสื้อผ้าที่ตำหนักข้าง
นางเดินออกมาจากหลังฉากกั้น กลับพบใบหน้ามืดครึ้มของฉางอีฉิน “ผู้คนมักจะกล่าวว่าโฉมสะคราญเหนือโลกา ข้าแต่เดิมไม่เชื่อ แต่ยามนี้ได้พบท่านข้ากลับเชื่อเข้าแล้ว”
“ข้าคล้ายว่าไม่ได้ทำอันใด”กู้อ้าวเวยเก็บรวบรวมเสื้อผ้า ยังคงนำแมวไม้เชือกแดงผูกไว้บนเอว นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามฉางอีฉิน “ข้าคล้ายว่าไม่เคยตอแยท่าน”
ฉางอีฉินหน้าเปลี่ยนสี จอกในมือกระทบลงบนโต๊ะหนักๆ บังเกิดเสียงดังอื้ออึง
“ข้ากระทั่งสงสัยว่าท่านเป็นนางจิ้งจอกมาจากที่ใด งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิอันดีงามเช่นนี้ พอท่านมารสชาติก็เปลี่ยนทันที!”
ถูกกล่าวในทางเช่นนี้ กู้อ้าวเวยยังคงฉงนใจ “ข้าเพิ่งจะฟุ้งซ่านเพียงเล็กน้อย ทำให้นางกำนัลผู้นั้นทำน้ำแกงรดหกใส่ข้า สมควรไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคต่อพวกท่าน”
ใบหน้ากู้อ้าวเวยเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพะวงเรื่องขององค์ชายหก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนางพูดอะไรไปบ้างในงานเลี้ยง
“ข้าไม่อาจเห็นท่านราวกับคนไร้เดียงสา” ม่านตาฉางอีฉินแดงฉาน “พอท่านมา อ๋องจิ้งก็กระซิบกระซาบกับท่าน องค์ชายสี่ยังพาชายาเอกไปพูดคุยกับท่าน กระทั่งดวงตาทั้งสองข้างของพระองค์ยังไม่ละจากท่าน
กระซิบกระซาบ?
นั่นก็แค่ถ้อยคำขู่คุกคามเท่านั้น
แต่เรื่องขององค์ชายสี่กับองค์ชายสามนางกลับมิได้ใส่ใจ ซ่านเชียนหยวนเคยชินกับการเข้าหานางอยู่เสมอ แต่ก่อนยามฝึกวิชายุทธ์เขายังเข้ามาทดสอบนางด้วยตนเอง ส่วนองค์ชายสามที่เฝ้ามองตัวนาง นางไม่ได้ทันสังเกตเห็น
หยดน้ำกลิ้งกลอกในดวงตา กู้อ้าวเวยมองฉางอีฉินด้วยความประหลาดใจ “ฮูหยินรับประทานน้ำส้มหรือ?”(รับประทานน้ำส้ม = หึง)
“พระองค์จ้องมองท่านเพียงผู้เดียว นี่ยังไม่อนุญาตข้าพูดเรื่องนี้ด้วยหรือ?” ฉางอีฉินยิ่งกริ้ว
“เขามองข้า เกรงว่ามีเรื่องที่ต้องการหารือกับข้าเสียมากกว่า ฮูหยินรับประมาณน้ำส้มแล้ว”กู้อ้าวเวยพลันหัวเราอย่างจนใจ “หลังงานเลี้ยงข้าจะไปพบกับเขา เช่นนี้ฮูหยินน่าจะพอใจ”
“ข้าจะทราบได้อย่างไรว่าท่านไม่ใช่นารีเป็นเหตุ…..”
“หากท่านกล่าวเช่นนี้จริงข้าจะรับรองให้” ดวงตากู้อ้าวเวยทอประกายความหนักแน่น พลันลดเสียงกระซิบ “ข้ามิได้สนความรักระหว่างชายหญิงเหล่านั้น หลังจากที่พูดจบข้าจะไปที่ศาลฎีกาพบองค์ชายหก”
ฉางอีฉินกำลังจะต่อว่านางเป็นนางสุนัขจิ้งจอก ยามนี้กระทั่งองค์ชายหกยังติดเบ็ด แต่เมื่อหวนนึกดูนางยังฉงนใจ “องค์ชายหกจะอยู่ที่ศาลฎีกาได้อย่างไร”
“เรื่องนี้ ท่านไปบอกกล่าวองค์ชายท่าน พวกท่านสามีภรรยาปรึกษากันนาจะดี”
กู้อ้าวเวยกล่าวจบจึงค่อยๆลุกขึ้น บนร่างมีร่องรอยความเจ็บปวดอย่างไร้ที่มา แต่นางกลับไม่แยแส
ฉางอีฉินจนปัญญา ได้แต่เดินตามฝีเท้าของนาง
อย่างไรก็ตาม จะดีร้ายนางยังกล่าวสิ่งที่พอมีประโยชน์ให้นางไปทูลแก่องค์ชาย ดูเหมือนไม่คล้ายจิตใจเลวทราม
ส่วนกู้อ้าวเวยกลับพบว่าฉางอีฉินผู้นี้เป็นคนไม่อดกลั้นเท่าใด เมื่อกลับไปที่งานเลี้ยงอีกครั้ง ต้องเผชิญกับการเยาะเย้ยจากบรรดาสมาชิกหญิง กู้อ้าวเวยโต้กลับด้วยใบหน้าเย็นชา
“ดูเหมือนพระชายาของเสด็จอานิสัยใจคอหยิ่งยโสจริงเชียว” องค์ชายรองที่ไม่ได้กล่าววาจามานานกลับโพล่งขึ้นมากระทันหัน
กู้อ้าวเวยพบว่าองค์ชายรองผู้นี้มีลักษณะคล้ายบัณฑิตแต่กำเนิด แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับฉายความกลอกกลิ้งเจนจัด
“ท่านอ๋องปฏิบัติต่อหม่อมฉันเป็นอย่างดี หม่อมฉันมีทุนรอนที่จะเย่อหยิ่ง หากองค์ชายรองไม่คุ้นชินไม่สู้กล่าวกับท่านอ๋องสักครา ลองดูว่าท่านอ๋องจะลงโทษหม่อมฉันที่ปฏิบัติกับผู้คนด้วยใบหน้าเย็นชา หรือลงโทษท่านที่ช่างพูดเจรจา”
คำกล่าวของกู้อ้าวเวยตรงไปตรงมา นางไม่สนใจศักดิ์ศรีหน้าตาของซ่านจินจื๋อ อย่างไรซ่านจินจื๋อก็ไม่เคยเคารพนางอยู่แล้ว
องค์ชายรองสีหน้ามืดครึ้มยังนึกเกิดโทสะ องค์ชายสามข้างกายได้กดรั้งเขาไว้ พลันกล่าววาจากับกู้อ้าวเวย “พระชายาจิ้งกล่าวถูกต้อง เป็นองค์ชายสามที่ช่างพูดแล้ว”
กู้อ้าวเวยยิ้มพราย คลายวัตถุในมือลง หลังจากทำการคารวะแก่องค์ฮองเฮาและต้องการออกไปจากงาน
ซู๋เซ่อพบว่าองค์ชายรองยั่วยุกู้อ้าวเวยกระทันหัน เกิดกลัวคนทั้งสองจะทะเลาะจึงตอบตกลงให้นางไป
นางเพิ่งจะเดินไปสักพัก ซ่านเซิ่งหานได้ปลอบองค์ชายรองโดยไม่ทันระวังชนจอกสุราแสร้งทำไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
คนทั้งสองมาที่ด้านหลังภูเขาจำลอง
กู้อ้าวเวยพิงภูเขาจำลองด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พบว่าซ่านจินจื๋อมาแล้วจึงนวดหว่างคิ้ว “พระองค์ครั้งหน้าอย่าได้จ้องหม่อมฉันแล้ว ฮูหยินผู้นั้นของท่าน หม่อมฉันไม่อาจกล่าวแล้ว”
“ข้าก็แค่ว้าวุ่น” ซ่านเซิ่งหานเองก็จนใจ พบกู้อ้าวเวยสีหน้าไม่ดีจึงรีบกล่าว “องค์ชายรองต่อล้อต่อความกับท่าน เพียงแค่เพราะเรื่องของกลุ่มโจร และที่ข้ามาพบเจ้าก็เป็นเพราะเรื่องนี้”
“เรื่องของโจร สมควรไม่เกี่ยวอันใดกับข้ากระมัง”
กู้อ้าวเวยในที่สุดก็ตื่นตัว ยืนตรงเพื่อติดตามซ่านเซิ่งหานออกไป
คนทั้งสองเปิดเผยใจกว้าง ไม่กลัวคนในรั้ววังปากมาก
“ยังคงเกี่ยวข้อง ในเรื่องของโจร ยามนี้ไปดูลาดเลาเสด็จอาด้วยกันกับข้าสักครู่ เสด็จอาถือหลักสังหาร ข้าถือหลักสันติ สังหารคนง่ายดาย สันติกลมเกลียวเหนื่อยยาก” ซ่านเซิ่งหานกล่าวคลุมเครือ
แต่กู้อ้าวเวยทราบดี ซ่านเซิ่งหานใคร่อยากสืบดูอ๋องจิ้งต้องการคร่ากุมอย่างไรเพื่อจะได้ค้นพบตำแหน่งเจาะเข้าไปเพื่อโค่นล้มแผนคร่ากุมของเขา
เพียงแต่เขาดีดรางลูกคิดผิดพลาด
“หากเจ้ากำลังครุ่นคิดให้ข้าบอกเจ้าว่าท่านอ๋องคร่ากุมอย่างไร จะลงมือสังหารที่ใด ไม่รู้ตัวเจ้าคิดหาวิธีคลี่คลายเรื่องนี้โดยตรงเลยล่ะ” กู้อ้าวเวยพลันหยุดฝีเท้าลง ให้เหล่านางกำนัลและขันทีที่ติดตามหยุดและล่าถอยไปด้านหลัง “การปฏิบัติลงมือจริงย่อมดีกว่าการถามหา”
ซ่านเซิ่งหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เป็นเหตุผลนี้ “ต้องโทษที่ข้าคิดคำนวณมากแล้ว”
กู้อ้าวเวยนึกขำ รู้สึกว่าในเรื่องราวใหญ่โตซ่านเซิ่งหานเหนือกว่าซ่านจินจื๋ออยู่มากโข