บทที่268 ปัญญาสูง
ม้าดำพุ่งผ่านถนนที่แออัด ตลอดทางห้อตะบึงออกจากเมืองอย่างราบรื่น
เคลื่อนที่ในป่าไม้อย่างรวดเร็ว ซ่านจินจื๋อได้ปล่อยนางไว้ในหน้าประตูจวนเมิ่ง เขาดึงบังเหียนอย่างนิ่งเงียบ หันตัวแล้วจากไป
กู้อ้าวเวยสามารถเห็นเงาร่างในต้นไม้อย่างคร่าวๆได้ตามเขาไป
ดูเหมือนว่าซ่านจินจื๋อจะไม่ให้คนตามตนเองต่อไปแล้วสินะ และวรยุทธ์ของนางในหลายวันนี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
เห็นเงาหลายอันก็สามารถทำได้
แต่ถ้าสังเกตถึงลมหายใจนี้ยังไม่ได้อย่างแน่นอน
นางตะลึงอยู่พักหนึ่ง ลมในฤดูใบไม้ผลิเป่าจนนางมีสติขึ้นหน่อย หยิบเม็ดยาออกจากกล่องยาแล้วกินเข้าไป ค่อยๆเปิดประตูของจวนเมิ่ง
ยัยไง่หงที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในลานเห็นนางมาแต่เช้า ยิ้มและทักทายนางเข้าด้านใน: “คงยังไม่ได้กินข้าวสินะ พอดีทำไว้หน่อย”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า ตอนที่เข้าประจำที่ที่โต๊ะอาหาร คนในห้องก็ยังไม่มีใครตื่นนอนขึ้นมา
ยัยไง่หงได้หยิบของมาให้นางไปด้วย ตอบไปด้วยว่า: “เมื่อคืนถนนเล็กของเทียนเหยียนน้ำรั่ว
พวกคุณชายและท่านนายได้พาคนไปช่วยเหลือ ช่วยมาทั้งคืน ดังนั้นเลยยังไม่ตื่นนอน
ถนนเล็ก……
“ทำไมน้ำถึงรั่ว?”กู้อ้าวเวยวางชามกับตะเกียบลง
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
เพียงแค่ตอนที่คุณชายกลับมาได้พูดว่าเรื่องนี้น่าแปลกประหลาด
ได้ข่าวว่ามีคนได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ได้ส่งตัวไปในจี้ซื่อถางหมด แม้กระทั่งท่านนายซู๋
ก็ได้ตามไปในจี้ซื่อถาง บอกว่าบังเอิญเมื่อวานองค์ชายสามได้พาหมอในจี้ซื่อถางออกไป
ขณะนี้กำลังคนไม่เพียงพอ”ยัยไง่หงเกาหัว ก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมาก
เมื่อวานองค์ชายสามเพิ่งได้พาหมอไป และนายพรานนั้นเลี้ยงมาตั้งนาน
ได้ยินมาว่าสองวันก่อนก็ได้นำกลับมาในถนนเล็ก
คงได้นำจดหมายและข่าวมาให้กับองค์ชายสามแล้ว
มันเป็นความบังเอิญไม่ได้
นางได้ตามยัยไง่หงมาถึงห้องของเมิ่งซู่ ปลุกคนที่เพิ่งได้นอนหลับไปไม่นานตื่นขึ้นมา ถามเขาเรื่องน้ำรั่วเมื่อคืน
เมิ่งซู่ได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา: “เรื่องนี้น่าแปลกประหลาดเสียจริง
ถนนเล็กถูกเผาเกือบครึ่ง คนจนเหล่านั้นขายไม้ให้แก่ครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อทำเงิน
บ้านที่สร้างโดยอิฐหินโคลนไม่ง่ายต่อถูกเผา และมีบางแห่งเห็นชัดได้ว่ายังสาดน้ำมันก๊าด
แม้กระทั่งน้ำมันตะเกียงพวกเขายังไม่มีเงินจะซื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นน้ำมันก๊าด
เจ้ายังอยากรู้เรื่องอะไร?”กู้อ้าวเวยถามต่อว่า
สีหน้าของเมิ่งซู่หน้ามืดครึ้มลง“เมื่อวานก่อนที่องค์ชายสามจะออกไป
ได้ยินมาว่าโต้เถียงกับองค์ชายสองที่ท้องพระโรง พูดถึงเรื่องถนนเล็กของเทียนเหยียน
องค์ชายสองรู้สึกว่าคนของถนนเล็กต้องกลายเป็นภัยพิบัติอันจะเกิดขึ้นในภายหลังอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะพวกลี้ภัยที่ยึดครองเขามาเป็นราชา คนในถนนเล็กก็เป็นผู้ลี้ภัย
ดังนั้นเลยอยากกำจัดพวกเขาทิ้ง องค์ชายสามอยากยุติปัญหา จัดการปัญหาเรื่องโจรป่าเสร็จ
ต่อมาก็จัดการเรื่องนี้ และเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อคืน
“เจ้าสงสัยองค์ชายสอง?”
“ข้าสงสัยอ๋องจิ้ง”เมิ่งซู่เงยหน้ามองนาง
กู้อ้าวเวยคิดเหมือนเขา ในเมื่อองค์ชายสองพยายามต่อสู้เพื่อเหตุผล
ก็จะไม่ลงมือเร็วและสะเพร่าแบบนี้ และองค์ชายสองมีความโปรดปรานอยากให้ฮ่องเต้ชื่นชอบ
สำหรับเรื่องโจรป่าก็เพียงแค่อยากแย่งความสนใจจากองค์ชายสาม
แล้วจะใช้วิธีอย่างนี้ไปจัดการได้จริงๆอย่างไร
และถ้าอ๋องจิ้งอยากถือโอกาสนี้ ให้องค์ชายสามและองค์ชายสองต่อสู้แย่งชิงกัน
ก็ถือว่าโอกาสดีๆอย่างหนึ่ง
หากเป็นอ๋องจิ้งทำ ต่อมา……
“ซ่านจินจื๋อต้องให้คนเผยพิรุธให้องค์ชายสองอย่างแน่นอน
ให้องค์ชายสองเข้าใจผิดว่านี่คือองค์ชายสามเป็นคนทำ แล้วฉวยโอกาสนี้มาใส่ร้ายเขา
ไม่ว่าคนในถนนเล็กเป็นอย่างไร เพราะอย่างไงนี่ก็คือเทียนเหยียน ใต้เปลืองตาของฮ่องเต้”
กู้อ้าวเวยวิเคราะห์อย่างละเอียด สีหน้าขรึมลงมา
“องค์ชายสองจะเชื่อหรอ?”
“อ๋องจิ้งมีวิธีที่จะให้เขาเชื่อเอง”กู้อ้าวเวยพูดต่อไป
กลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าน้ำเสียงของตนเองมั่นใจมากแค่ไหน
ในดวงตาของเมิ่งซู่มีความจนปัญญาลื่นไหลผ่านไป. พูดต่อว่า: “คนที่ยิ่งฉลาด
ยิ่งง่ายที่จะถูกหลอก และองค์ชายสามไปได้พอดี คนไม่อยู่ที่นี่.
องค์ชายสองยิ่งจะสงสัยว่าองค์ชายสามเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม จงใจให้เขาถูกฮ่องเต้สงสัย”
“แท้จริงด้วย”กู้อ้าวเวยคิดแล้วคิด รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เรื่องนี้ นางก็ไม่มีวิธีห้าม
เพราะอย่างไงนางกับองค์ชายสองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกัน
เมิ่งซู่นวดหน้าผากของเขาด้วยอาการปวดหัว อธิบายเรื่อง เขามีสติขึ้นมาเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยนั่งอย่างดีๆบนขอบเตียงของเขาและพูดคุยกับเขา
ขวยเขินขึ้นมาทันที: “ใช่สิ เจ้ามาเช้าขนาดนี้……”
จากนั้นก็ได้นึกขึ้นว่าตนเองใส่แค่ซับในตัวเดียว ยัยไง่หงยังไม่ได้เข้ามา.
“เจ้าไม่พูดข้ากลับลืมเลย มีเรื่องหนึ่งอยากให้เจ้าช่วย”
ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยคิดถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมา
นำเรื่องที่จะแต่งตัวเป็นสาวใช้แล้วจะไปสืบหาความจริงตามเมิ่งซู่พูดออกมา เมิ่งซู่ตกลงทันที
ไม่สนว่าง่วงไม่ง่วงแล้ว แค่คิดว่าเรื่องนี้พวกเขาไม่สามารถจะควบคุมได้
ถือโอกาสนี้ไปลองทดสอบคนที่เฉิงเสี้ยงถูกใจ
กู้อ้าวเวยยืมเสื้อของยัยไง่หง คนหนึ่งอยู่ซ้ายคนหนึ่งอยู่ขวาตามอยู่เบื้องหลังของเมิ่งซู่
“ หากให้อ๋องจิ้งรู้เรื่องนี้ จะฆ่าข้าตายเลยไหมเนี่ย?”ยัยไง่หงพูด ทำท่าตัดคอ
มองไปดูเสื้อผ้าสาวใช้บนร่างกายของนางอย่างสั่นสะเทือนอีก
“เขาส่งข้ามาเอง ก็ต้องรู้เป็นธรรมดา”
กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าเสื้อผ้าของสาวใช้นี้ไม่แตกต่างจากเสื้อผ้าในวันธรรมดามากนัก
เพียงแค่ขาดลวดลายไปหน่อย ง่ายๆแบบนี้ก็ถือว่าโดดเด่นดี แต่ผมนี้ต้องทำ
ยังดีที่ยัยไง่หงมีฝีมือดี
ยัยไง่หงหัวเราะอย่างบ้า ตลอดทางเมิ่งซู่ได้แต่ให้นางหุบปากอยู่ดีๆ
มาถึงบ้านคนเรียนหนังสือคนหนึ่งก่อน คนเรียนหนังสือคนนี้มีชื่อโจวต้า ฐานะทางบ้านยากจน
และไม่ได้สอบติด แต่บทความที่เขียนมีข้อมูลเชิงลึก
มีความเย่อหยิงของคนเรียนหนังสืออยู่ไม่น้อย. แต่ก็มีความสามารถอยู่มาก
รูปร่างของโจวต้าสูงใหญ่ และแข็งแกร่งจริงๆ แต่เมื่อพูดถึงเหตุผลล้วนสมเหตุสมผล
กู้อ้าวเวยฟังอย่างดีๆ รู้สึกว่าดี เมิ่งซู่ก็เคารพบัณฑิต ถามเขาว่า: “พี่โจว ท่านคิดว่าถนนเล็กนี้
ควรอยู่ในเมืองเทียนเหยียนไหม?”
โจวต้ามองดูเขาอย่างแปลกๆ จับแล้วจับคาง หัวเราะว่า: “ควรอยู่”
“หมายความว่า?”เมิ่งซู่ยกคิ้วขึ้น
“มีสูงก็ต้องมีต่ำ อีกอย่าง สามารถอยู่ได้ก็อยู่ต่อไป อยู่ตรงไหนไม่สำคัญ”
โจวต้าหัวเราะอย่างดีใจ
กู้อ้าวเวยก็หัวเราะอยู่อีกข้าง โจวต้านี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจดี
แต่รู้จักสถานการณ์ปัจจุบัน พูดจาใจกว้าง ตัวอักษรตระหนี่ ดูเหมือนว่าจะเเกรงกลัวราชวงศ์
เลยไม่กล้าพูดมาก พิถีพิถันอย่างแท้จริง
แต่ความฉลาดนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่ในวงการของชนชั้นข้าราชการ
จดชื่อของเขาลง เมิ่งซู่ได้ไปหาอีกหลายคน อีกสองคนในใจมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
แต่ไม่รู้ว่าเท้าติดดินคืออะไร ตอนที่กู้อ้าวเวยจะออกไปได้จดชื่อของทั้งสองไว้ในสมุดบันทึก วาดวงกลมอันหนึ่ง
“ทำไมผู้ที่ไม่น่ามีอนาคตแบบนี้เจ้าก็จด?”ยัยไง่หงเข้าใกล้
กู้อ้าวเวยจนปัญญา: “จดพวกเขา แต่ไม่เก็บ
แต่ต้องดูสิว่าวันหน้าพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนได้ไหม
หากเปลี่ยนได้ ไม่แน่อาจเป็นผู้ที่มีความสามารถก็ได้”
ยัยไง่หงจับจมูก คิดอยู่ว่าคนจะมีกี่ปีที่เปลี่ยนอุปนิสัย
เมิ่งซู่พยักหน้า กู้อ้าวเวยนี้มองได้ไกลกว่าผู้อื่น ยิ่งไม่ดูหมิ่นใครโดยพลการ ยากมาก
“ไปบ้านถัดไปเถอะ”กู้อ้าวเวยนำสมุดวางเข้าไป เดินหน้าไปต่อ
ยัยไง่หงรีบตามมาทันที พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง นางไม่มีความฉลาดอย่างพวกเขา
“คนฉลาดทำเรื่องที่ฉลาด คนที่โง่เขลาอย่างข้า อยู่โง่ตามหลังพวกเจ้าก็ได้แล้ว”ยัยไง่หงพำพึง
กู้อ้าวเวยมองนาง ยิ้มต่อนางว่า: “เจ้าสิเป็นผู้ที่มีปัญญา ไม่โง่”