บทที่ 292 จัดการเรื่องบ้าน
“คุณหนู ฟื้นค่ฟื้น”
กู้อ้าวเวยมองหน้าชิงต้ายยังไม่ค่อยชัดเจน รู้สึกแขนเจ็บปวดนิดๆ
กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายรีบร้อนมาก คุณหมอที่อำเภอฉุ่ยหยางเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ไม่รู้จะทำยังไง พูดว่า “เธอไม่เป็นไรแล้ว แค่ถูกวางยาเลิฟหนักไปหน่อย ตอนนี้เลยยังไม่ฟื้นขึ้น”
กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าตัวเองหลับนานแค่ไหน สักพักแล้วจึงมีสติ และจะลุกขึ้นลงจากเตียง แต่ถูกกุ่ยเม่ยกับชิงต้ายกดไหล่นอนลงบนเตียงเหมือนเดิม
เธอนอนและกำลังจะเถียงอะไร กุ่ยเม่ยพูดก่อนว่า “แขนของท่านมีบาดแผลใหญ่มาก ท่านรู้ไหมว่าตัวเองเกือบถูกลักพาตัวไป ถ้าไม่มีคนที่ท่านอ๋องให้ตามมาปกป้องไปช่วย ท่านถูกลักพาตัวไปแล้ว”
“อะไรนะ” กู้อ้าวเวยยังงงอยู่ ว่าจะเล่าเรื่องผู้ใส่ชุดขาว แต่คิดไปคิดมา สุดท้ายไม่ได้พูด อาจจะมีคนเจอระหว่างทางเมื่อผู้ใส่ชุดขาวพาเธอกลับ เพื่อไม่หาเรื่องให้กับตัวเอง เลยใช้มีดบาดแขนของตัวเอง แกล้งว่าจะลักพาตัวเธอไป
จริงๆ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเชื่อใจกับคนที่ไม่เคยเจอมาก่อนคนนี้
“ข้าทาสตกใจมากเลย คุณหนู” ชิงต้ายตบอกเบาๆและเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ผู้ใส่ชุดขาวคนนั้น ไม่ได้ทำร้ายท่านจริงๆเหรอคะ”
กู้อ้าวเวยส่ายหัว แต่พูดว่า “น่าจะมาทำร้ายฉันนะ”
กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายจ้องมองหน้ากัน เข้าใจแล้วทั้งสอง โล่งใจได้สักที
ถ้าไม่ได้มาเพื่อทำร้ายกู้อ้าวเวย พวกเขาก็ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนขนาดนั้นแล้ว
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาไม่คิดว่าจะอยู่ต่ออีกนานแล้ว เลยรีบกลับไป
แขนของกู้อ้าวเวยมีบาดเจ็บ จึงต้องนั่งพักอยู่ในรถม้าอย่างเดียว เมื่อไปจากอำเภอฉุ่ยหยาง เธอเหมือนเห็นผู้ใส่ชุดขาวอยู่ในป่าไม้ข้างๆ เขากำลังยิ้มใส่เธอและถือแฟนกระดูกไว้ในมือด้วย
แต่แค่เวลากระพริบตา คนนั้นหายตัวไปซะแล้ว
กู้อ้าวเวยรู้สึกฟุ้งซ่านมาก นึกถึงเรื่องที่ว่าตัวเองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถือเอาโจรเป็นพ่อของตัวแล้ว ยิ่งโมโหอีกด้วย
ถ้ากู้เฉิงเป็นพ่อของเธอจริงๆ เธอย่อมไม่ทำให้เขาไร้ทางเลือกขนาดนั้น แม้ว่าไม่ได้เป็นเฉิงเสี้ยง เธอเองก็สามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้อย่างดีมีสุข แต่ถ้าเป็นไปตามที่ผู้ใส่ชุดขาวพูดมานั้น กู้เฉิงจะกลายเป็นศัตรูของเธอด้วยซ้ำ
“คุณหนูคะ สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ คือ ท่านอ๋องกับองค์ชายสองกำลังต่อสู้กัน ทั้งสองคนต่างพาคนไปจัดการเรื่องที่มีปัญหากับเมืองอื่น” ชิงต้ายบอกเธอและพร้อมเอาจดหมายจากกระเป๋าเสื้อออกมา
เธอได้รับจดหมายที่ส่งมาจากเมืองเทียนเหยียนตลอดทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางการ บางครั้ง อาจจะมีการตักเตือนจากซ่านจินจื๋อแทรกแซงเข้ามาด้วย
แต่จดหมายที่ส่งมาครั้งนี้ เป็นการตักเตือนของซ่านจินจื๋อหมดเลย เขาเขียนเรื่องอย่างคร่าวๆมาก่อน ที่สำคัญอยู่ที่ย่อหน้าสุดท้าย เขียนไว้ว่า “หู้ปู้เซ่อหลางหักหลังองค์ชายสอง เฉิงเสี้ยงมีจิตนาร้าย ต้องระมัดระวัง กลับก่อนพิธีการล่าสัตว์ป่าในฤดูใบไม้ร่วง”
กู้อ้าวเวยคือจดหมายให้แก่ชิงต้าย ยิ้มและพูดว่า “องค์ชายสามฉลาดจริงๆ”
“ว่าไงคะ” ชิงต้ายรีบเก็บจดหมายไว้ กุ่ยเม่ยยกมือขึ้น แสดงว่าผู้คนที่แอบอยู่เพื่อปกป้องพวกเขานั้นไม่ได้อยู่ข้างๆ สามารถคุยกันได้ตามสบาย
“ท่านอ๋องบอกว่า จริงๆแล้ว องค์ชายสามเป็นคนเสนอตัวคนแรก แต่ถูกเขากับองค์ชายสองห้าม แต่ว่า มีแค่พวกเราที่รู้ว่า เป้าหมายจริงๆขององค์ชายสามนั้น คือ การทดสอบฤดูใบไม้ร่วงที่ตั้งขึ้นใหม่” กู้อ้าวเวยยิ้มและกวักมือไปทางกุ่ยเม่ย
กุ่ยเม่ยยิ้มและเอากระดาษใบเล็กจากกระเป๋าเสื้อออกมา ยื่นให้ชิงต้าย
เขียนไว้ว่า ทำทีจะบุกโจมตีด้านทิศตะวันออกแต่กลับบุกโจมตีด้านทิศตะวันตก รอข่าวดีครับ”
“ใช่การทำทีจะบุกโจมตีด้านทิศตะวันออกแต่กลับบุกโจมตีด้านทิศตะวันตกจริงๆ” ชิงต้ายหัวเราะขึ้น คาดไม่ถึงว่า คนที่เงียบๆ ไม่เคยแสดงความสามารถอย่างองค์ชายสาม จะเก่งขนาดนี้ สามารถหลอกล่อท่านอ๋องได้ แต่เธอมองหน้ากู้อ้าวเวยด้วยความแปลกใจ และถามว่า “คุณหนูคะ…ตั้งแต่กลับมาจากเมื่องเยว่ซาน คุณยิ่งเชื่อใจกับกุ่ยเม่ยแล้วเหรอ”
นึกไม่ถึง ว่า จะส่งจดหมายนี้ให้กุ่ยเม่ยก่อนจึงมาถึงชิงต้าย
กู้อ้าวเวยพึ่งนึกออก ยังไม่ได้อธิบายให้กับชิงต้าย จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านฉางผิงนั้นให้ชิงต้ายฟัง และพูดต่อ “ท่านอ๋องคิดเล่นงานหมู่บ้านฉางผิงขนาดนั้น ไม่สนใจใครเลยสักนิด และยังมีการระวังตัวสำหรับกุ่ยเม่ยด้วย เขาจึงหักหลังซ่านจินจื๋อมาอยู่กับฉันสิ”
“แต่ก่อน ข้าทาสนึกว่ากุ่ยเม่ยเป็นคนที่ใกล้ชิดกับท่านอ๋องที่สุด เท่าที่คุณหนูทำได้ ก็คือไม่ให้เขาไปพูดเรื่องของตัวเองให้กับท่านอ๋องนั่นเอง” ชิงต้ายหันไปมองกุ่ยเม่ย ยิ้มและพูดว่า “แต่ว่า ข้าทาสคิดว่า กุ่ยเม่ยจะสบายใจและดีใจมากกว่าเมื่ออยู่กับคุณหนู”
กุ่ยเม่ยถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “ถ้าผมไม่ได้พาท่านไปหมู่บ้านฉางผิงด้วย ผมไม่รู้เลยว่า ท่านอ๋องทำแบบนี้กับบ้านเกิดของผม”
“ไม่ต้องถอนหายใจหรอก องค์ชายสามจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อพูดเรื่องนี้” กู้อ้าวเวยตบไหล่ของเขาเบาๆ และถอนหายใจไปด้วย พูดว่า “แต่ฉันหวังว่า องค์ชายสี่จะไม่ได้มาก้าวก่ายเรื่องนี้”
ทุกคนเงียบ พวกเขารู้กันดีว่า ซ่านเซียนหยวนเป็นคนแบบไหน เขาไม่ต่อสู้อะไรกับใคร ถ้าให้เขามีส่วนร่วมในเรื่องพวกนี้ จะไม่เป็นธรรมมาก
ซ่านจินจื๋อพาพวกทหารไปที่ชายแดน การสอบคัดเลือกขุนนางในฤดูใบไม้ร่วงใกล้จะมาถึงแล้ว กู้อ้าวเวยต้องรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว
ถึงเมืองเทียนเหยียนตอนค่ำๆ ตลาดและในตำหนักอ๋องเงียบไปหมด
วันต่อมา กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักในตำหนักอ๋อง หัวหน้าพ่อบ้านตอนนี้ก็ยืนอยู่ข้างๆเธอด้วย ซูพ่านเอ๋อกับกู้จี้เหยาสีหน้ามืดด้วยความไม่พอใจ
กู้จี้เหยาลงพุงนั่งลง หลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆช่วยเธอรินน้ำชา และยังไม่ลืมตรวจยาพิษด้วย
“กู้อ้าวเวย ท่านพี่จื๋อพึ่งจากไป คุณรีบไปนั่งที่นั่งหลักทันทีเลยนะ อย่าลืมแล้วกันว่า ตัวเองเป็นพระชายาเฉยๆ” ซูพ่านเอ๋อทำหน้าเย็นชาและเดินไปข้างๆกู้อ้าวเวย
วันนี้ กู้อ้าวเวยใส่ชุดสีขาวเหมือนเดิม แก้วน้ำชาในมือยังไม่ทันวางลงบนโต๊ะเมื่อได้ยินที่ซูพ่านเอ๋อพูดกับตัวเอง เธอยิ้มและตอบไปว่า “ถ้าหากฉันไม่มีสิทธิ์นั่งที่นี่ งั้นคุณพ่านเอ๋อลองนั่งดูไหมคะ”
พอพูดจบ เห็นชิงต้ายที่อยู่ข้างเธอ ถือสมุดบัญชีของตำหนักอ๋อง และรายชื่อขุนนางที่จะมาเยี่ยมในสองสามวันนี้ รวมทั้งเรื่องที่ซ่านจินจื๋อยังจัดการไม่เสร็จ ล้วนเอาให้กู้อ้าวเวย ดูแล้วเล่มหนาอยู่นะ
มองดูสมุดพวกนั้น ซูพ่านเอ๋อแอบกัดฟัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ซ่านจินจื๋อไม่ให้เธอออกจากบ้าน เรื่องราวการเมืองยิ่งไม่คุยกับเธอสักนิด สิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักอ๋อง ผู้ที่คอยปกป้องมีจำนวนเท่าไหร่และสถานที่ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ เธอไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว
“อ๋อ ใช่ คุณน่าจะยังไม่รู้จัก” กู้อ้าวเวยลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าซูพ่านเอ๋อ และมองหน้าเธอจากข้างบนด้วยความเย่อหยิ่ง พูดว่า “ช่วงนี้ ที่ท่านอ๋องดูไม่ค่อยสบายใจ เพราะได้อ่านจดหมายที่ฉันส่งมาให้หรือเปล่า”
“คุณ” ซูพ่านเอ๋อโมโหมาก
กู้อ้าวเวยผลักเธอเบาๆ เดินไปหากู้จี้เหยา ในสมองนึกถึงคำว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถือเอาโจรเป็นพ่อของตัว แต่เธอไม่อยากจะฆ่าลูกในครรภ์ของกู้จี้เหยาหรอก พูดว่า “ดูแลตัวเองดีๆนะ ท่านอ๋องน่าจะไม่ทันกลับมาเห็นเธอคลอดลูกหรอก คุณคิดว่าคุณจะกลับไปพักที่จวนเฉิงเสี้ยงหรืออยู่ที่ตำหนักอ๋องคะ”
“กู้อ้าวเวย กู้จี้เหยาเป็นสมาชิกในตำหนักอ๋องแล้ว จะกลับไปพักอยู่ที่จวนเฉิงเสี้ยงได้ไง” ซูพ่านเอ๋อจับมือของกู้อ้าวเวยอย่างรุนแรง