บทที่ 285 สะเทือนความจริงใจ
สีหน้าอารมณ์และท่าทางของลี่วานล้วนเข้ามาอยู่ในแววตา
กู้อ้าวเวยลุกออกจากเตียงโดยไร้สุ้มเสียงปล่อยให้คนอื่นๆเข้ามาดูแล แม้กระทั่งซ่านเชียนหยวนที่ยามปกติต้องทะเลาะกับลี่วานยังเร่งร้อนเข้ามาข้างใน เสมือนบังคับให้กู้อ้าวเวยนำถ้อยคำที่อยากจะกล่าวออกมาต้องกลืนกลับลงไป
ซ่านเชียนหยวนไม่ชอบลี่วาน นั่นก็ยังไม่แน่
กุ่ยเม่ยในเวลานี้ได้กลับมาแล้วและติดตามข้างกายกู้อ้าวเวย ในขณะที่เดินกลับด้วยกันกับนางก็ไม่ลืมที่จะบอกกล่าว “ไทเฮาทรงมีกระแสรับสั่งลงมา วันพรุ่งกลับเทียนเหยียน ไม่ให้อยู่นานกว่านี้”
กู้อ้าวเวยพยักหน้ารับ นำเรื่องที่ตนพบเห็นบอกกุ่ยเม่ย
“ถ้าหากนางสามารถใช้พิษจริงดังว่า ท่านไม่กลัวนางทำร้ายองค์ชายสี่หรือ?”
“พูดออกไปไม่ได้” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วมุ่น เมื่อปรายตามองไปที่เรือนของซ่านเชียนหยวนกับลี่วาน พลันทอดถอนหายใจ “ข้าเข้าใจมาตลอดว่าซ่านเชียนหยวนไม่ชอบลี่วานแม้แต่น้อย แต่ข้าไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทีเร่งร้อนขนาดนี้มาก่อน จึงไม่อาจพูดได้ว่าคนที่เขาชอบแท้จริงแล้วสามารถใช้พิษเป็น?”
กุ่ยเม่ยลูบคลำศีรษะตนอย่างเงียบๆ
ทั้งคู่จึงได้แต่กลับจวนอย่างไร้ทางเลือก เรื่องเดียวที่พอจะทราบคือคนชุดขาวนั่นที่จริงแล้วมาเพื่อช่วยตน
หลังจากไทเฮาเห็นรอยขีดข่วนเล็กๆบนใบหน้ากู้อ้าวเวย กลับเป็นการยืนยันว่าคนชุดขาวนั่นมาทำร้ายตนโดยตรง เพียงพอที่จะเห็นว่าคนชุดขาวผู้นี้ฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่ง ทราบว่าหากตนไร้ร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่ปลายขน อีกทั้งยังคว่ำน้ำชา ย่อมดึงดูดให้ผู้คนเข้าใจผิดแน่นอน
ก่อนออกเดินทาง กู้อ้าวเวยได้ส่งกุ่ยเม่ยเดินทางข้ามคืนไปมอบจดหมายให้แก่ต้าจ้วงแห่งหมู่บ้านฉางผิง บอกเขาว่าตราบใดที่พบคนขององค์ชายสามให้นำเรื่องของที่แห่งนี้บอกไปตามความจริง
กองกำลังขนาดใหญ่เร่งกลับเมืองเทียนเหยียนด้วยความปั่นป่วนรีบร้อน
ซ่านเชียนหยวนยืนกรานที่จะพาลี่วานกับกู้อ้าวเวยโดยสารรถม้าคันเดียวกัน ไทเฮาเข้าพระทัยว่าคนหนุ่มสาวจะได้คุยเล่นด้วยกัน จึงตามใจพวกเขา
ลี่วานหดตัวอยู่ในมุมด้วยสีหน้าซีดเซียว กลับไม่เหลือบตามองกู้อ้าวเวยสักแอะ
ไม่รู้ว่าซ่านเชียนหยวนเรียนนิสัยดื้อรั้นปากแข็งแบบนั้นมาจากใคร ตอนที่ลี่วานหลับก็ร้อนรนจนทนไม่ไหวว แต่พอลี่วานอาการดีขึ้นทั้งคู่กลับไม่พูดไม่จาเอาแต่ทุ่มเถียงกัน แถมยังเป็นเรื่องหยุมหยิมขนไก่เปลือกกระเทียม*
(*ขนไก่เปลือกกระเทียม เป็นสำนวนใช้เปรียบเปรยเรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ, ไม่มีความสำคัญ ซึ่งคนจีนมักจะพูดคู่กับคำว่า 小事 (เรื่องเล็ก) เพื่อขยายความว่าเรื่องมันเล็กจิ๊บจ้อยหอยแมลงภู่จริงๆ/Cr.ครูดิวติวจีนกลาง)
กู้อ้าวเวยนวดขมับ มุ่งมั่นอ่านตำราในมืออย่างสุดความสามารถ
กุ่ยเม่ยควบม้าติดตามอยู่ด้านนอกรถม้า มองเข้าไปด้านในเป็นครั้งคราว บางครั้งก็นำของกินที่ซ่อนบนร่างโยนแบ่งให้กู้อ้าวเวยหลายครั้งหลายครา สร้างความรำคาญกู้อ้าวเวยจนสภาพจิตใจไม่สงบจึงเปิดหน้าต่างรถม้าถลึงตามองเขา “เจ้าจงใจไม่ให้ข้าอ่านหนังสือ”
“กระหม่อมมิกล้า”กุ่ยเม่ยเคารพนอบน้อมทว่ามุมปากเจือรอยยิ้ม
กู้อ้าวเวยโกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายกลับคล้ายคลึงกันมาก เจ้ากี้เจ้าการนางอย่างเข้มงวด
“อ่านหนังสือตอนนั่งรถม้ามันไม่ดีเท่าไรนัก” ซ่านเชียนหยวนถือโอกาสทีเผลอชิงหนังสือมาจากมือนาง พลิกเปิดดูสักพัก พลันคิ้วขมวด “ท่านสนใจเกี่ยวหมอผีกับพิษคุณไสยเหมียวเจียงด้วยนี่”
กล่าวถึงหมอผีกับพิษคุณไสยเหมียวเจียง ร่างของลี่วานสั่นสะท้านขึ้นมาเบาๆ มองกู้อ้าวเวยด้วยสายตาประหลาด
กู้อ้าวเวยจนด้วยเกล้าพลันชิงหนังสือเล่มนั้นกลับมา เอ่ยเสียงค่อย “ข้าไม่ได้สนใจพิษคุณไสย เพียงสนใจเกี่ยวกับพ่อมดหมอผี”
“พระชายาจิ้งเป็นแพทย์ยังเชื่อหมอผีแบบนี้ด้วย?”ลี่วานสำรวมอารมณ์สีหน้าถามนาง
“เชื่อสิ”กู้อ้าวเวยพยักหน้าพลางฉวยลูกอมในมือขึ้นมาทาน “ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล คนแปลกเรื่องประหลาดอะไรบ้างที่ไม่มี แม้ไม่ถึงกลับเปลี่ยนแปลงโลก แต่คนที่สามารถพยากรณ์โชคชะตาสมควรมีไม่น้อย ได้ยินว่าเหมียวเจียงมีแม่มดและสามารถทำนายอนาคตด้วยความฝัน ฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่พวกเรากลับไม่อาจปฏิเสธได้แม้สักคำ….”
เมื่อพูดถึงทักษะการแพทย์แลอภินิหาร กู้อ้าวเวยก็มีหัวข้อให้กล่าวไม่รู้จบบ ซ่านเชียนหยวนที่ฟังก็ปวดหัวไปยาวๆ ส่วนสีหน้าของลี่วานยิ่งมาก็ยิ่งแย่จึงเอ่ยขัดจังหวะคำพูดของนาง “เรื่องเหล่านี้ที่พระชายาจิ้งทรงทราบนั้นได้ฟังมาจากที่ใด”
“ล้วนมาจากในตำราหนังสือ” กู้อ้าวเวยชี้หนังสือที่อยู่ในมือซ่านเชียนหยวน ดวงตาหรี่แคบเล็กน้อย “คนที่คิดทำอะไรบางอย่าง แม้ตนเองจะไม่ทิ้งข้อบกพร่องไว้ แต่บนโลกนี้มักมีคนฉลาดที่สามารถมองออกเสมอ”
ลี่วานรู้สึกกู้อ้าวเวยกล่าวถึงตนอย่างลับๆ จึงลอบกลืนน้ำลาย “ท่าน….รู้แล้ว?”
กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยิ้มแล้วมองไปทานซ่านเชียนหยวน “ข้าไม่บอกหรอก เพียงแค่ตอนที่เจ้าสลบไปองค์ชายสี่ก็ร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว ตอนที่ข้าตรวจชีพจรให้เจ้าสองตาของเขาแทบจ้องข้าจนเป็นรูพรุน”
“พูดจาเหลวไหล!”ซ่านเชียนหยวนถลึงตาใส่กู้อ้าวเวยอย่างดุร้าย
ลี่วานมองซ่านเชียนหยวนด้วยความตกตะลึง คล้ายว่าไม่เคยคิดฝันมาก่อน
กุ่ยเม่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามอีกฝั่งเปิดม่านขึ้น กระดิกนิ้วเรียกกุ่ยเม่ย “ไปบอกคนด้านหลังว่าเปลี่ยนรถม้าให้ข้า ข้าจะนั่งคนเดียว”
ซ่านเชียนหยวนฉุนเฉียว ลี่วานรีบตามติดตื๊อถามด้วยเสียงอ่อน
ตลอดทางซ่านเชียนหยวนกับลี่วานยังคงโต้เถียงเล็กๆน้อยๆกันหลายครา แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังกลมเกลียวไร้ปัญหา
ยามที่กลับถึงเทียนเหยียน ไทเฮายังให้กู้อ้าวเวยไปวังหลวงบ่อยครั้งด้วยห่วงหาอาวรณ์ สิ่งดีที่สุดคือการที่สามารถตรวจชีพจรให้กับเหล่านางสนม ดูว่าสามารถสืบเชื้อสายต่อไปอีกได้หรือไม่ ซ่านเชียนหยวนพาลี่วานกลับไปด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดจึงกลับวิหารเฟิ่งหมิงแห่งจวนอ๋อง
ชิงต้ายได้ยินว่าจะกลับมาอยู่ก่อนแล้ว จึงได้นำใบรายชื่อไม่น้อยไปสอบถามเมิ่งซู่ถึงประตูจวน
สิ่งแรกของกู้อ้าวเวยทำคือนั่งพักบนเก้าอี้ แล้วนำยาพิษของโหวเซ่อตำรับปรับปรุงแล้วส่งให้กุ่ยเม่ย “ครึ่งหนึ่งให้ถูลงบนหม้อทำกับข้าว อีกครึ่งหนึ่งให้โยนลงถังเก็บน้ำที่ใช้สำหรับซักผ้า”
กุ่ยเม่ยผงกศีรษะ ถือโอกาสลอบหนีไปในความมืด
กู้อ้าวเวยชำเลืองมองใบรายชื่อ เพียงนำเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้บอกกล่าวแก่ชิงต้าย หลังจากที่ฟังจนจบชิงต้ายหน้านิ่วคิ้วขมวดในทันที “คาดไม่ถึงท่านอ๋องเพื่อกองกำลังนี้แล้ว กระทั่งประชาชนตาดำๆยังไม่ปล่อย แล้วที่นั่นยังเป็นบ้านเกิดของกุ่ยเม่ยอีกด้วย”
กู้อ้าวเวยวางสุราชิงเหมยในมือลง พลันดึงชิงต้ายมาข้างกาย “ชิงต้าย เจ้ามีคนที่ถูกใจหรือมีเรื่องอะไรที่อยากจะทำบ้างไหม?”
“คุณหนู….”
“เจ้าทราบเรื่องนี้ของท่านอ๋องแล้ว เรื่องที่ข้าจะทำสักวันก็ต้องเปิดเผย เจ้าตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย”กู้อ้าวเวยมองนางอย่างจริงจัง “อีกอย่างข้างกายข้าก็มีกุ่ยเม่ยที่วิทยายุทธ์สูงส่ง แม้ว่าข้าจะตายแต่ด้วยวิชายุทธ์ของเขายังสามารถ….”
ไม่รอให้นางกล่าวจบชิงต้ายก็สลัดมือของนางออกลงไปคุกเข่าบนพื้นส่งเสียงดังตึง
แววตาชิงต้ายจ้องมองนางด้วยความเด็ดเดี่ยว “ความรักในชีวิตนี้ของชิงต้ายได้ตายไปนานแล้ว ยามนี้รอบกายชิงต้ายเหลือเพียงคุณหนูเพียงผู้เดียว หรือท่านต้องการผลักไสข้า?”
ความรัก….
กู้อ้าวเวยมองชิงต้ายด้วยความตื่นตะลึง ในความทรงจำของตนชิงต้ายเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งที่คล้ายกับว่าไม่เคยชมชอบผู้ใดมาก่อน
“ยามนี้สิ่งที่ชิงต้ายรักมากที่สุด คือบ้านเกิดที่มีบัณฑิตหมั้นหมาย เพียงแต่น่าเสียดายตอนที่เขาเกิดไม่ดีนัก มันสมองเต็มไปด้วยแผนการเมืองจึงได้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบ แต่เนื่องจากความอัจฉริยะของเขากลับถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงสังหารอย่างลับๆ”ในดวงตาของชิงต้ายสดใสสุดสกาวไม่มีร่องรอยแห่งความแค้นเคืองสักเสี้ยว “อีกอย่าง ตอนวัยเด็กข้าป่วยหนักแต่ยังโชคดีที่ฮูหยินช่วยชีวิตข้าไว้”
“ฮูหยินที่เจ้าพูดถึงหมายถึงมารดาของข้า?” กู้อ้าวเวยตะลึงเล็กน้อย
“ใช่เจ้าค่ะ หลังจากที่ตอนนั้นนางใช้สมุนไพรชั้นดีที่มีในจวนช่วยชีวิตข้าไว้ ก็หวังแค่ว่าตัวข้าในอนาคตจะสามารถปฏิบัติรับใช้ต่อคุณหนูเป็นอย่างดี