บทที่ 296 เรื่องวุ่นวาย
“จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขา”
กู้อ้าวเวยพูดและพร้อมลุกขึ้นเดินไปเอาเอกสารในลิ้นชักที่อยู่ข้างๆ อ่านสักพัก จึงเลือกเอาสองสามหน้า พับแล้วยื่นให้จูเซ พูดว่า “ใบยารักษาโรคของคุณพ่อเธอ เพราะฉันยังไม่เคยตรวจ พวกคุณให้หมอที่โน่นตรวจและแก้ไขให้ ส่วนใหญ่ไม่มีความผิดพลาดมาก”
กระดาษสองสามหน้านี้ ทำให้จูเซไม่รู้จะถามยังไงที่มีข้อสงสัยค้างอยู่ในใจ มีแต่มองหน้าจูเย่น
จูเย่นคิ้วขมวดและมองหน้ากู้อ้าวเวย แม้ว่ากู้อ้าวเวยเป็นคนดีขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อเจอหน้าเธอ จะทำให้เขารู้สึกกังวลและกลัว ตอนนี้ยิ่งไม่มีความอดทนด้วย จึงพูดว่า “คุณมีของให้พวกเราเมื่อได้เจอคุณในแต่ละครั้ง คือ อยากให้เราทำอะไรเหรอครับ” “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว” กู้อ้าวเวยหัวเราะ กลับไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนอะไรอยู่ และพร้อมตอบว่า “ฉันแค่ไม่ค่อยชินกับการพักอยู่เฉยๆ จึงอะไรก็อยากจะเอามาศึกษาดู”
จูเย่นเงียบ จูเซเดือดร้อนขึ้นนิดๆ และพูดว่า “หมายความว่า อันที่จริง คุณไม่ได้อยากจะช่วยพวกเราอย่างจริงใจเหรอ”
“ประมาณนั้น เพราะฉันสนใจแต่ยาพิษของพวกคุณ” กู้อ้าวเวยตอบตรงๆ
จูเซโกรธมากและเดินไปข้างหน้า จูเย่นรีบจับและห้ามเธอ พูดว่า “วันนี้ ซูพ่านเอ๋อมาเจอผมครับ”
“แล้วทำไมต้องบอกฉันด้วย” กู้อ้าวเวยเขียนเสร็จ วางพู่กันไว้และไปบดยาอยู่ข้างๆ
“คุณไม่อยากรู้ว่า เธอจะทำอะไรเหรอ”
“เธอให้พวกคุณช่วยเธอมาต่อต้านกับฉัน และทำร้ายลูกในครรภ์ของน้องสาวฉัน ใช่ไหม”
กู้อ้าวเวยวางยาที่บดได้ครึ่งหนึ่งไว้ และหันมามองจูเย่น พูดว่า “แต่ คนที่อยากจะทำร้ายฉัน ไม่ได้มีแค่ซูพ่านเอ๋อคนนี้คนเดียวนะ ที่ฉันช่วยชาวบ้านในตลาดน้อยนั้น น่าจะทำให้พวกขุนนางกับร้านค้าต่างๆในเมืองเทียนเหยียน ถือฉันเป็นหนามยอกอกแล้วมั้ง ฉันจะกลัวไปทำไม”
พูดจบ สายตาของกู้อ้าวเวยเย็นชาลง เดินไปข้างหน้าจูเย่นและพูดว่า “ตระกูลหยุนของเราเคยทำไม่ดีกับพวกคุณก็จริง แต่ถ้าพวกคุณมาต่อต้านกับฉัน ฉันย่อมไม่อภัยแน่ ซูพ่านเอ๋อ เธอเป็นศัตรูของฉัน ฉันจะจัดการมันเอง”
“พวกเราบอกคุณด้วยความหวังดีนะ เพื่อให้คุณเตรียมตัวไว้” จูเซพูดอย่างไม่พอใจ
“รู้ว่าพวกคุณมีความหวังดี จึงเอาใบยารักษาโรคให้ไง” กู้อ้าวเวยไปเอาเงินจำนวนห้าร้อยตะลึงที่ลิ้นชักมาให้เขาสองคน และพูดว่า “ถ้าเงินใช้ไม่พอค่อยมาเอากับฉัน เอาไปปลอบใจคนที่อยู่โหวเซ่อด้วย ถ้าอยากไปเปิดร้านทำธุรกิจหรือเช่านาที่บ้านเกิด ก็บอกฉันได้ เดี๋ยวฉันเอาเงินให้”
จูเย่นกับจูเซจ้องมองตากัน ตอนแรก พวกเขาคิดว่าเธอจะสนใจเรื่องซูพ่านเอ๋อนั้น
“ไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ก็ต้องรวบรวมข่าวสารที่เกี่ยวกับการเมืองมาให้ฉัน เงินทองพวกนี้ ไม่ได้ให้เปล่าๆนะ” กู้อ้าวเวยเตือน
“คุณอยากรวมรวมข่าวสารต่างๆโดยผ่านพวกเราเหรอคะ” จูเซถาม
“ใช่ นี่เงินแปดร้อยตะลึง พวกคุณเอาไปให้เจิ้งฉิงคุนที่อยู่ตลาดน้อยกับหวางโม่ที่อยู่โรงเหล้า บอกว่า ฉันจะเหมาธุรกิจของพวกเขาเอง ความหมายเหมือนกัน ช่วยฉันค้นหาข้อมูลข่าวสาร นอกจากฉัน ห้ามบอกใครทั้งนั้น รวมทั้งอ๋องจิ้งกับเฉิงเสี้ยงด้วย” กู้อ้าวเวยฝากบอกพวกเขาไปทีละอย่าง
เมื่อจูเย่นกับจูเซจากไป ทั้งสองคนได้ถือของกลับไปตั้งเยอะ แค่เงินมีประมาณสองสามพันตะลึง
“คุณพี่คะ ตำหนักอ๋องรวยขนาดนี้เลยเหรอคะ ที่เธอใช้เงินแบบนี้ ไม่เป็นไรเหรอ” จูเซมองดูเงินที่ได้และกลืนน้ำลายอย่างตกใจ
“เงินพวกนี้ เป็นเงินส่วนตัวของเธอเองนะ” จูเย่นตอบ
จูเซตาโตขึ้นด้วยความตกใจ พูดว่า “นี่ เธอเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าใครร่วมมือกับเธอ ต้องถูกเธอจูงจมูกไปแน่ น่าเกลียดมาก” จูเย่นสีหน้ามืดมน รีบพาจูเซจากไป และสั่งเรื่องนี้ให้กับหยินเชี่ยว วันต่อมา หยินเชี่ยวจึงเอาเงินที่ได้ไปเตรียมตัวเพื่อจัดการเรื่องพวกนั้น”
ชิงต้ายกำลังเก็บถ้วยเปล่าที่ใส่น้ำซุปขิงมา กุ่ยเม่ยพึ่งไปเปลี่ยนเสื้อมาและช่วยกู้อ้าวเวยจัดสมุดบัญชี เขาตกใจมาก เพราะรายได้ของกู้อ้าวเวยในครึ่งปีนี้ เกือบเท่ากับค่าใช้จ่ายของตำหนักอ๋องทั้งสองปีแล้ว
“รวมแล้ว น่าจะถึงหมื่นแล้วนะ” กุ่ยเม่ยกลืนน้ำลายอย่างคาดไม่ถึง
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ช่วงนี้ คุณหนูได้ใช้ไปประมาณหมื่นตะลึงแล้ว แต่ไม่ได้จดไวในบัญชี ตอนนี้ เหลือไม่กี่พันเอง” ชิงต้ายถอนหายใจเบาๆ คุณหนูใช้เงินเก่งเหลือเกิน
“ทำได้ยังไงครับ” กุ่ยเม่ยถามเบาๆ
“แต่ก่อน คุณหนูซื้อบ้านหนึ่งหลังใช้ไปหนึ่งพันสองร้อยตะลึง และทำการปรับปรุงซ่อมแซมบ้า ใช้ไปสองร้อยตะลึง ไปหาหมอดูมาช่วยดูฮวงจุ้ยใช้ไปหนึ่งร้อยตะลึง แล้วให้พี่ชายของเมิ่งซู่มาช่วยโถ่งราคาบ้าน ใช้ไปห้าร้อยตะลึง สุดท้ายขายบ้านหลังนี้ด้วยราคาห้าพันห้าร้อยตะลึง ได้กำไรสุทธิประมาณสามพันตะลึง” ชิงต้ายแลบลิน
กุ่ยเม่ยตกใจ เมืองเทียนเหยียนเป็นเมืองที่มีค่าจริงๆ
“แล้วอีกอย่าง คุณหนูตกลงกับสำนักเยียนหยู่เก๋อว่า ใบยารักษาโรคและสิ่งที่คุณหนูทำ ถ้าจำน่ายออกไป คุณหนูได้กำไรยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และยาสมุนไพรในจี้เซ่อถางนั้น คุณหนูไปเอาฟรีได้ บางครั้ง ไดไปรับตรวจรักษาคนไข้ ถ้าเจอพวกคนรวยมาตรวจไข้ ยิ่งให้ค่ารักษาจำนวนไม่น้อย” ชิงต้ายพูดและพร้อมรับเอาสมุดบัญชีจากกุ่ยเม่ย
ชิงต้ายอ่านอย่างรายละเอียดและตรวจดู พูดว่า “คุณหนูมีส่วนร่วมในโรงหมอโหย่วเว่ยด้วย คุณหนูเอาใบยารักษาโรคและค้นหาเกษตรกรที่ปลูกยาสมุนไพรให้ และโรงหมอโหย่วเว่ยก็ต้องให้กำไรแก่คุณหนูเป็นสิบเปอร์เซนต์ และยังมี…”
ชิงต้ายได้เล่าที่ดินทรัพย์สินทั้งหมดของกู้อ้าวเวย รวมทั้งบ่อนคาสิโน กู้อ้าวเวยก็มีส่วนร่วมเหมือนกัน ได้กำไรจากบ่อนคาสิโนเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และธุรกิจเครื่องสำอางของหญิงขายบริการในทิงเฟิงโหล ก็เป็นความร่วมมือของฉีหรัวกับกู้อ้าวเวยเอง ถ้าจะขายเครื่องสำอางให้แก่พวกนี้ ต้องเอากำไรให้กู้อ้าวเวยเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์
กุ่ยเม่ยฟังแล้ว ตกใจมาก
แต่พอสังเกตในห้องนี้แล้ว สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือทั้งสี่ที่กู้อ้าวเวยใช้ก็เป็นอันที่ธรรมดาที่สุด ไม่มีแจกันอยู่ในห้องเลยแม้แต่อันเดียว มีแต่กล่องไม้ที่ใส่ยาสมุนไพรเต็มไปหมด รวมทั้งชุดที่กู้อ้าวเวยใส่นั้น ก็แค่สองตะลึงเอง
อาจจะเพราะกุ่ยเม่ยจ้องมองเธอนานเกินไป กู้อ้าวเวยรู้สึกแปลกใจ และถามว่า “ฉันเป็นอะไรเหรอคะ”
“เปล่าครับ แค่รู้สึกว่า คุณหาเงินเก่งมาก และใช้เก่งด้วย” กุ่ยเม่ยส่ายหัว “ทำไมคุณไม่แต่งหน้าแต่งตัวเลย”
“ไม่มีเวลา และเงินที่มีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ฉันต้องทำมีอีกเยอะ” กู้อ้าวเวยใช้มือค้ำหน้าผาก วางพู่กันในมือ หันไปมองชิงต้ายและพูดว่า “นายท่านฉียังไม่ยอมตกลงให้ฉีหลินแต่งงานกับหยินเชี่ยวสักที ปวดหัวเหลือเกิน”
“ทำไมคะ ไม่ว่าด้านความสามารถในครอบครัวหรือด้านเงินทอง ก็น่าจะเหมาะกันดีนะคะ” ชิงต้ายคิ้วขมวด
“ที่สำคัญ คือ นายท่านฉีต้องรอให้ฉีหรัวได้แต่งงานกับคนที่ร่ำรวยมั่งมีก่อน แล้วจึงจะอนุญาตให้ฉีหลินแต่งงาน มีวัตถุที่ชัดเจน เพื่อให้ฉีหรัวสร้างความสัมพันธ์ให้กับกระกูลฉี และจะให้ฉีหลินไปควบคุมสำนักเยียนหยู่เก๋อใหม่” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี หยิบกระดาษในมือที่เธอเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นมา
เป็นใบสัญญา กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายอ่านแล้ว มองหน้าของกู้อ้าวเวยด้วยความตกใจ
กู้อ้าวเวยทำท่าทางโบกมือไม่ให้พวกเขาพูดออกไป “นี่เป็นใบสัญญาระหว่างฉันกับฉีหรัว ถ้าฉันช่วยเธอได้สิทธิการจัดการสำนักเยียนหยู่เก๋อได้สำเร็จ เธอจะให้กำไรแก่ฉันเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ และจะช่วยฉันส่งข้อความด้วย”