บทที่ 395 ควบคุมวิญญาณผียายเฒ่า
นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ กู้อ้าวเวยเหมือนว่าจะคิดอะไรออก ตบโต๊ะเบาๆ
“จื่อ เจ้าไปเชิญป้าจางมาหน่อย ถามเขาว่าในเมืองนี้มีคนแก่ที่อายุเยอะหรือไม่ ก็ไปพามาด้วยกันเลย”
“เพคะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” จื่อรีบเอาปายเสายัดใส่ในอ้อมอกของกู้อ้าวเวย แล้ววิ่งออกไปตามคน
ยู่จูยกถ้วยยาและผลไม้เชื่อมเข้ามา คอยปรนนิบัติ แต่ก็กลับไม่ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่ผ่านไปสักครู่ ป้าจางก็กลับมากับจื่อ ด้านหลังยังมีคนแก่หัวขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วย แต่ดวงตาของผู้เฒ่านั้นสว่างไสวมาก ดูไปแล้วร่างกายยังแข็งแรงเลยทีเดียว
ดันยู่จูกับจื่อให้ถอยไป กู้อ้าวเวยก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านน้า ท่านปู่ พวกท่านรู้เรื่องผียายเฒ่าที่เขาหยินซานหรือไม่ สามารถเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดได้หรือไม่”
ป้าจางกอดแขนตัวเองไว้ คิดอยู่ชั่วครู่ “ผียายเฒ่าที่เขาหยินซานได้ยินมาว่ามีคนไม่น้อยที่เคยเห็น แต่ข้ากลับไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่รู้เพียงสิ่งเดียวก็คือผียายเฒ่าผู้นี้ไม่กินคน แต่กินปลา”
“กินปลาหรือ” กู้อ้าวเวยแปลกใจ
“ไม่ใช่บอกว่าที่เขาหยินซานตรงนั้นเป็นหมู่บ้านชาวประมงหรือ ผีหลอกที่นั่นน่ากลัวที่สุดแต่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว ดังนั้นก็เลยบอกว่าผียายเฒ่าชอบกินปลา ดังนั้นก็เลยมักจะไปหาพวกเขา แต่ที่แปลกคือ คนที่หมู่บ้านชาวประมงนั้นก็ไม่ไปไหนกัน น่าแปลกมากๆ” ป้าจางพูดอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี
สองคนต่างพากันครุ่นคิดอยู่ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายแก่ขึ้นมา
“ช่างเยาว์วัยเสียจริง…..” ชายแก่เปิดปากพูดด้วยเสียงต่ำ ดวงตาคู่นั้นมองสำรวจมาที่ร่างของกู้อ้าวเวย หัวเราะขึ้นมา “พวกเจ้าคนตระกูลหยุน กลับไม่มีคนไหนที่โง่เขลาเลย”
“ท่านปู่ ท่านรู้ว่าข้าอยากจะสืบหาอะไรหรือ” กู้อ้าวเวยมองเขา
“รู้แน่นอน เจ้ากับแม่ของเจ้าช่างเหมือนกันราวแกะสลักกันออกมาเลย ก็แค่เจ้าไม่ได้สวยเหมือนแม่ของเจ้าแค่นั้น” ชายแก่หัวเราะขึ้นมาอีก กู้อ้าวเวยบีบหน้าไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก
ป้าจางเทน้ำหนึ่งแก้วให้ชายแก่ แล้วพูดต่อว่า “ข้าคิดว่าเรื่องที่เจ้าต้องการจะสืบหานั้น ก็ต้องไปท่านล่ายแล้วล่ะ เมื่อก่อนเขาไปมาหาสู่กับแม่เจ้าอยู่บ่อยครั้ง”
“เมืองเทียนเหยียนตกอยู่ที่ตรงนี้ ก็เป็นเพราะว่าหมู่บ้านชาวประมงหลังเขาหยินซาน” ท่านพูดด้วยโทนเสียงต่ำ “เมื่อตอนนั้นเป็นคนของตระกูลหยุนที่เลือกสถานที่ตรงนี้ให้ราชวงศ์ บอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คนดี สมุนไพรก็มีมากสารพัด”
ป้าจางก็อึ้งไปชั่วครู่ ก็เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ท่านปู่ดื่มน้ำอย่างสั่นๆ แล้วก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นน่ะ คนแรกของตระกูลหยุนพวกเจ้าร่วมมือกับแม่นางในราชวงศ์ตระกูลต้วน ก็เลือกที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนั้น พูดกันว่าแม่นางผู้นั้นฉลาดมาก ในช่วงที่บนโลกมีแต่ความวุ่นวายก็ช่วยเหลือฮ่องเต้ราชวงศ์แรกได้มาซึ่งรากฐานของชางหลานนี้”
“หากเป็นเช่นนี้ ความจริงแล้วที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงอย่างไรก็เกิดหญิงสาวที่เก่งกาจขนาดนี้ขึ้นมา แต่ทำไมผียายเฒ่ากลับไปอยู่ทางนั้นล่ะ”
“เจ้าเด็กน้อยคนนี้ร้านนักนะ” ท่านปู่หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดต่อว่า “คนที่หมู่บ้านชาวประมงนั้นห่างจากที่นั่นไม่ได้ นี่เป็นข้อกำหนดของราชวงศ์เมื่อตอนนั้น ให้พวกเขาคอยเฝ้าที่นั่นไว้ แต่ผียายเฒ่าที่พูดถึงกันนั้นน่ะ ในความจริงแล้วก็คือวิญญาณของลูกหลานตระกูลหยุนของพวกเจ้า ฮ่องเต้หลายต่อหลายสมัยที่ผ่านมาล้วนกลัววิญญาณตระกูลหยุนของพวกเจ้ามาเอาชีวิตจะตายไป”
พูดถึงตรงนี้ ตาคู่นั้นของท่านปู่ก็หรี่ลง
ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ กู้อ้าวเวยก็ตำหนักขึ้นมาทันใดว่า “คนของตระกูลหยุนล้วนแต่งให้กับราชวงศ์ หรือว่าไม่ควรฝังเข้าไปในสุสานของราชวงศ์”
“มีเพียงแค่ผู้หญิงคนแรกที่อยู่ในสุสานราชวงศ์ คนรุ่นต่อๆ มาล้วนถูกฝังอยู่บนเขาหยินซาน ยังจำเป็นต้องฝังอยู่ในแต่ละที่บนเขาด้วย ดีที่สุดคือที่ที่หาได้ยาก เพื่อหลีกเลี่ยงผู้หญิงที่ถูกทำให้ผิดหวังกลายเป็นวิญญาณมาเอาชีวิตไป แต่ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) นั่นแม่เจ้าก็เคยไปสืบมา ฐานรากของตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) มีมานานมากแล้ว ด้านล่างเสาเข็มที่ใช้เป็นรูปคนทั้งหมด ก็เพื่อเอามาควบคุมวิญญาณของตระกูลหยุนทั้งตระกูล และก็คือสิ่งที่หมู่บ้านชาวประมงนั้นรักษาไว้ก็หวังว่าหมู่บ้านชาวประมงนั้นจะยังคงเป็นเช่นเดิม ช่วยปลดปล่อยวิญญาณของลูกหลานตระกูลหยุนได้อีกด้วย
ท่านปู่พูดจบ ป้าจางก็ถอนลมหายใจยาวหนึ่งเฮือก “คิดไม่ถึงว่าคนของราชวงศ์จะทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าให้คนทำยาให้ตัวเอง ยังจะให้ผู้หญิงที่รูปงามแต่งเข้ามาในราชวงศ์ตลอดอีก แม้แต่สถานที่ฝังศพที่ดีหน่อยก็ไม่ยินยอมงั้นหรือ”
สีหน้าของกู้อ้าวเวยก็เปลี่ยนไปมาก
ท่านปู่คนนั้นดุนปากไปมา ยกมือขึ้นชี้ไปที่กู้อ้าวเวย พูดด้วยเสียงเข้มว่า “เจ้าเด็กน้อย เจ้ารู้สึกไหมว่าทำไมผู้หญิงเหล่านี้เพราะว่าไม่ได้เข้าไปในโลงที่ดี ก็เลยมีความอาฆาต แม้แต่ราชวงศ์ยังกลัวเลย”
“อาจจะเพราะเลือดที่เฉพาะบนร่างกาย” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างขมขื่น ได้เพียงยกมือขึ้นมา กดไปที่ตำแหน่งหน้าอก
เลือดในหัวใจของตระกูลหยุนคือส่วนผสมของยาที่ดีที่สุด เลือดของตระกูลหยุนสามารถรักษาโรคได้ไม่น้อย
ท่านปู่ก็หัวเราะขึ้นมาทันใด นั่งอยู่บนเก้าอี้ตบที่วางแขน “ตอนนั้นแม่ของเจ้ายังคิดไม่ถึงในจุดนี้ จนกระทั่งไปถึงตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) ตอนนั้นถึงจะนึกถึงจุดนี้ ต่อมาได้ยินว่าฮ่องเต้องค์ก่อนก็เอาหัวใจของนางไป นางจึงไปสู่สุคติอย่างสิ้นเชิง”
มือของกู้อ้าวเวยเก็บแนบชิดลำตัวเล็กน้อย ตอนนั้นหากวิญญาณของนางผ่านมาตรงนี้ ร่างนี้ก็คงจะแหลกสลายไปเป็นแน่
“ดังนั้นราชวงศ์ในประวัติศาสตร์ ตอนที่ใกล้ตายนั้น ความจริงแล้วก็จะใช้หัวใจของลูกหลานตระกูลหยุนมาผสมกับยา” กู้อ้าวเวยทำอะไรไม่ถูก รู้สึกถูกเอาเปรียบ แต่ก็รู้สึกน่าขำนัก
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังดีที่ทำลายกฎข้อนี้ไป แต่ซ่านจินจื๋อกลับช่วยเขาเอาหัวใจของลูกหลานตระกูลหยุน
เรื่องราวเปลี่ยนไป แต่ไม่มีการกลับชาติมาเกิด ช่างเป็นเรื่องน่าขำเสียจริง
“โชคดีที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทั้งหมดจึงเปลี่ยนแปลงไป เจ้าควรจะเป็นเกียรติถึงจะถูก” ท่านปู่ยังคงหรี่ตามองกู้อ้าวเวยอยู่ นิ่งเงียบไปอีกนานโขจึงเปิดปากพูดออกมาเบาๆ ว่า “ชีวิตนี้แลกมากับชีวิตของลูกหลานตระกูลหยุนเท่าไหร่กัน หากเจ้าไม่ทำอะไรหน่อย ก็เท่ากับว่าเป็นการสิ้นเปลืองชีวิตนี้”
เหมือนกับวิญญาณที่อยู่ในเนื้อหนังมังสาถูกมองทะลุปรุโปร่ง กู้อ้าวเวยที่กระสับกระส่ายส่งสองคนกลับไป ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังแล้ว แต่หากเป็นจริงตามที่พูดนี้จริงๆ กลับมีช่องโหว่ที่แท้จริง
หยุนหว่านแต่งให้กับกู้เฉิง กู้เฉิงก็ไม่ใช่คนของราชวงศ์ ฮ่องเต้องค์ก่อนก็คิดว่าหยุนหว่านเป็นภูตผีปีศาจ ไทเฮาไม่โกหกนางแน่ ถ้างั้นตอนนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนที่จริงก็ไม่ได้เอาเลือดจากหยุนหว่าน และก็ไม่มีเวลาใดๆ สถานการณ์ตอนนั้นแม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายเลย
หากเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นคนที่ทิงเฟิงโหลนำโลงของหยุนหว่านไป บัดนี้ก็ส่งกลับมาอีก
แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ในโลงศพนั่นมีศพของหยุนหว่านหรือไม่
ลุกยืนขึ้นมาอย่างทันที กู้อ้าวเวยแค่คิดว่าตัวเองจะมีความกล้าที่จะคิดว่า หยุนหว่านเป็นไปได้ว่าอาจจะยังไม่ตาย
คนที่อยู่เบื้องหลังทิงเฟิงโหลบอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับเพื่อนของท่านแม่ แต่กู้เฉิงกลับหาทางหนีทีไล่ไว้หมดตั้งนานแล้ว เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน เห็นชัดว่าทั้งสองคนมีการเตรียมตัวมานานแล้ว แต่กู้เฉิงทำไมจึงรู้ว่าคนที่ทิงเฟิงโหลจะทำร้ายเขา แน่นอนว่ากู้เฉิงรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทิงเฟิงโหลเป็นใคร
หากหยุนหว่านตายไปจริงๆ คนที่อยู่เบื้องหลังทิงเฟิงโหลก็จะเป็นชายคนรักประเทศเอ่อตาน ที่จริงกู้เฉิงตอนนั้นก็ตกใจกับเรื่องนี้ ต่อมามีการเตรียมตัว แต่ก็อาจจะเป็นแค่เพื่อนของหยุนหว่านจริงๆ
แต่หากหยุนหว่านยังไม่ตาย ถ้างั้นคนที่อยู่เบื้องหลังทิงเฟิงโหลก็ควรจะเป็นหยุนหว่าน กู้เฉิงรู้มาตลอดว่าหยุนหว่านยังไม่ตาย ระมัดระวังรอบด้าน
“ไปทิงเฟิงโหลเป็นเพื่อนข้าหน่อย” กู้อ้าวเวยพาจื่อกับยู่จูมุ่งหน้าไปทางทิงเฟิงโหล