บทที่ 386 การเปลี่ยนแปลงของเทียนเหยียน
“ใครกันบ้างที่ไม่รู้ว่าในตอนนี้พระชายาอ๋องจี้ได้รับความรักใคร่เอ็นดูมากแค่ไหน ตอนนี้ได้ใช้สถานะความเป็นทายาทของตระกูลหยูนเอามาอภิเสก ที่ชางหลานของพวกเรานั้น พระชายานี่นับว่าเป็นแบบอย่างเลยทีเดียว”ฉีหยู่เหยียดมุมปากหมายจะยิ้ม แต่ทว่าดวงตากลับมีความเยือกเย็น
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าฉีหยู่ผู้นี้จะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น “เจ้าเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาพูดค่อนแคะกระแนะกระแหนอะไรที่ตรงนี้แล้ว” ฉีหรัวอ้อมมาจากข้างหลังแท่น ในดวงตามีประกายร่องรอยยิ้ม ๆ ราวกับชื่นชอบฉีหยู่ กระซิบพูดขึ้นว่า “ถ้าหากว่าเจ้ามีใจกตัญญูจริง ๆ มาตั้งนานขนาดนี้แล้ว แต่กลับไม่ยอมไปพบท่านพ่อเลยสักหนเดียว วันนี้ที่มา เกรงว่าจะมีอะไรคิดแอบแฝงเสียแล้วกระมัง
“หรัวเอ๋อร์ ไม่เจอกันนาน วันนี้เจ้ากลับมีวาจาฉะฉานคมคาย” ฉีหยู่ปิดปากหัวเราะขึ้นเบา ๆ “ที่วันนี้มา ก็เพื่อคุยเรื่องธุรกิจกับท่านพ่อ ถ้าหากว่าท่านพ่อเต็มใจ ข้าจะเก็บสำนักเยียนหยู่เก๋อด้วยมือเดียวของข้าเนี่ยแหละ
“วาจาอาจหาญ”ฉีหรัวค่อย ๆ ยกมือขึ้น วางม้วนกระดาษในมือลง เอนพิงกับแท่นข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “จะพูดเรื่องธุรกิจละก็ ข้าก็ยินดีนะ ข้าได้จองห้องส่วนตัวเอาไว้ที่โรงเตี๊ยมข้าง ๆ ปรึกษาหารือกันดี ๆ ก่อนจะดีกว่าไหมน่ะ”
“ข้าจะพูดกับท่านพ่อ”ฉีหยู่เลิกคิ้วขึ้น
“สำนักเยียนหยู่เก๋อในตอนนี้ คนที่จะเจรจาเรื่องธุรกิจก็คือข้า”ฉีหรัวไม่รอช้า เพียงแค่กวักมือเรียกกู้อ้าวเวย เดินทอดน่องพาหญิงสาวทั้งสองไปที่โรงเตี๊ยมข้าง ๆ
นี่ก็เห็นกันได้ชัด ๆ ว่าไม่ได้เตรียมตัวจะให้ฉีหยู่มีโอกาสปฏิเสธ กู้อ้าวเวยเห็นว่าฉีหรัวเต็มใจที่จะพาตัวเองไปดูเรื่องสนุก ๆ เข้า ก็ลุกขึ้นตามไปด้วย เดินเคียงข้างไปพร้อมกับนาง “ดูมีความหวัง”
“นางเคยอยู่ในจวนทำตัวจองหอง วันนี้ ถึงตาข้าบ้างแล้ว”ฉีหรัวยิ้มบาง ๆ
กู้อ้าวเวยหดคอลงอย่างไม่ทันได้รู้ตัว คิดในมุมกลับกัน อย่าได้เห็นฉีหยู่หาเนื้อคู่จากด้านนอกเลย ฉีหรัวในทุกวันนี้ไม่เพียงแต่จัดแจงสำนักเยียนหยู่เก๋อ อีกทั้งยังทำกิจการงานอื่น ๆ อีก ถ้าหากว่าต้องมาเผชิญกับฉีหยู่ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะแพ้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยถึงได้วางใจลง
ทั้งสองคนมาถึงโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน ฉีหยู่ก็หน้าดำคล้ำงอเดินตามมาด้วย
ถ้าคิดอยากจะพูดเรื่องธุรกิจนี้ขึ้นมาจริง ๆ คิดอยากจะได้สำนักเยียนหยู่เก๋อ ก็ต้องพบกับฉีหมิงสักตั้ง แล้วก็ควรจะต้องหารือกับฉีหรัวจริง ๆ
เพียงแค่ว่ามากันแบบนี้ ฉีหรัวก็ยิ้ม ๆแล้วก็ข่มขู่นาง รู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจ
คนไม่กี่คนนั้นต่างก็สั่งอาหารกันตามสบาย เสี่ยวเอ้อของที่นี่แต่ก่อนก็มักจะไปส่งอาหารให้กับตำหนักอ๋องจิ้ง หยิบเอาเศษผ้าวางพาดไว้บนไหล่ ยิ้มแล้วก็พลางยกมือคำนับต่อกู้อ้าวเวย “ขอแสดงความยินดีกับพระชายา” กู้อ้าวเวยนิ่งตะลึงไป ถึงคิดขึ้นได้ว่าเสี่ยวเอ้อคนนี้กำลังยินดีเรื่องที่ตัวเองเรื่องอภิเษก เสียดายแค่ว่าตอนนี้สถานะของตัวเองยากจน จำใจต้องกระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองไปทางฉีหรัวที่อยู่ข้างกาย ฉีหรัวก็หมดคำจะพูด หยิบเอาเงินมอบให้กับเสี่ยวเอ้อ “นี่เป็นของรางวัลจากพระชายาอ๋องจิ้ง ไปเอาเหล้าดอกท้อมาที”
“ขอบพระทัยพระชายาอ๋องจิ้ง ขอบพระคุณคุณหนูรอง!”เสี่ยวเอ้อรับเอาเงินไว้ มือข้างหนึ่งก็ค้องไว้กับราวของชั้นสองตะโกนร้องบอกที่ด้านล่างว่า “เอาอาหารดี ๆ มาสำรับหนึ่งกับเหล้าดอกท้อสองแก้ว เอาทองเงินเต็มห้อง(ชื่ออาหาร)มาชุดหนึ่งกับหลวนเฟิ้งหอหมิง(ชื่ออาหาร หมายความว่ารักกันตลอดไป)มาด้วย เอาผลไม้เชื่อมกับพุทราบดมาด้วยอย่างละชุด”
เสี่ยวเอ้อตะโกนร้องบอกดูเหมือนว่าแทบจะได้ยินกันทุกคน ฉีหรัวเป็นคนสั่งทองเงินเต็มห้อง(ชื่ออาหาร)นั้น ส่วนกู้อ้าวเวยสั่งไอเจ้าที่เรียกว่าหลวนเฟิ้งหอหมิง(ชื่ออาหาร หมายความว่ารักกันตลอดไป) ทั้งสองคนจ้องมองตากัน แล้วก็รู้สึกหมดคำจะพูด
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เสี่ยวเอ้อผู้นั้นก็ตะโกนขึ้นอีก “วันนี้ พระชายาเลี้ยงสุราทุกคน!”
เมื่อพูดประโยคนี้ไปแล้ว ฉีหรัวก็พลอยหัวเราะตาม แล้วก็ตบรางวัลด้วยการให้เงินไปจำนวนหนึ่ง สนุกสนานเสียจนผู้ดูแลร้านต้องขึ้นมาอวยพร ที่ด้านล่างต่างก็พากันครื้นเครงขึ้น
แต่ฉีหยู่ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามเพียงแค่จ้องมองทุกอย่างนี้อย่างเงียบ ๆ หยิบเอาแก้วแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น “เมื่อไหร่กันที่เมืองเทียนเหยียนได้กลับกลายวุ่นวายจอแจเช่นนี้ไปกันแล้ว”
“ก็นับตั้งแต่คนของเสี่ยวเจและคนนอกเริ่มตั้งรกรากกันขึ้น”ฉีหรัวเลิกคิ้วแล้วก็จ้องมองที่นาง “ในตอนนั้นที่เจ้าออกไป แม้กระทั่งเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมนี้ล้วนแต่รู้จักทุกคน ก็หาได้ครึกครื้นไม่”
“ดูไปเมื่อครู่เจ้าเสี่ยวเอ้อคนนั้นช่างมีจิตใจคิดโลภ คนเช่นนี้ไม่ควรจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ของเทียนเหยียน ช่างรกหูรกตา ”ฉีหยู่พูดด้วยความรู้สึกดูแคลน กู้อ้าวเวยก็รู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดพวกนี้ แต่ว่านี่เป็นตาของฉีหรัว นางจะเอ่ยปากพูดก็ไม่ถนัดนัก เพียงแค่รอให้อาหารจัดวางขึ้น เปิดหน้าต่างออก มองไปยังชั้นล่างที่อยู่ไกล ๆ หยิบเอาเหล้าดอกท้อขึ้นอย่างเอื่อย ๆ พลางฟังเสียงหัวเราะครื้นเครง พลางดื่มด่ำกับอาหาร นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“สามีของข้าไม่กี่วันมานี้ไปเจอเครื่องสำอางค์จากแค้วงซีอี้และเมืองเล็ก ๆ ที่อื่น มีพวกของเล่นแปลก ๆ น่าสนุกก็ไม่น้อย แล้วตัวข้าเองก็เป็นบุตรสาวของตระกูลฉี เมื่อเทียบกันแล้วพวกเราทั้งสองคนถ้าต้องสู้กันก็พอสูสี มาร่วมมือกันมันจะไม่ดีกว่ารึ”นับว่าฉีหยู่ได้พูดถึงจุดประสงค์การมาของตัวเอง ถึงขนาดว่านำเอาสมุดเล็กหนา ๆ ส่งให้กับฉีหรัว
ที่ด้านบนเขียนไว้ด้วยอะไรแปลก ๆ จำนวนไม่น้อง กู้อ้าวเวยมองเห็นเข้าก็เหยียดยิ้มที่มุมปากขึ้น เอียงหน้าหันไปมองที่ด้านนอก
ผ่านไปสักพัก ฉีหรัวก็ปิดสมุดเล่มเล็ก ๆ นั้น แล้วก็ยื่นกลับไปให้ฉีหยู่ “ท่านพี่ทำเรื่องมักจะไม่เหมือนใครอื่น ช่างทำให้ข้าตาลุกเป็นประกายเสียจริง ๆ ”
“เจ้ารู้เอาไว้ก็ดี ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราก็ต้องมางัดข้อกันต่อไป สำนักเยียนหยู่เก๋อของเจ้าต้องตกกระป๋อง นั่นมันเป็นเรื่องที่ไม่ว่าช้าเร็วก็ต้องเกิดอยู่ดี”ฉีหยู่รับเอาสมุดเล่มเล็กนั้นกลับคืนด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“โอกาสอันดีเช่นนี้ ถ้าข้าเป็นท่านพี่ อย่างไรก็จะไม่มีวันมอบมันให้กับคนอื่น”ฉีหรัวหัวเราะเสียงเย็นขึ้น “ของพวกนี้ที่ถูกส่งมาจากแดนไกลไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เอาแค่ค่าขนส่งก็ไม่ใช่น้อย ๆ เกรงว่าฐานะทางการเงินของพี่เขยจะไม่พอ”
“จะได้ยังไงกัน ถ้าหากว่าสามีของข้าไม่มีเงิน ยังไงก็ไม่มีทางหาของเล่นพวกนี้หรอก”ฉีหยู่รู้สึกไม่พึงพอใจ “นับดูแล้ว ของจากร้านฟางหัวก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักเยียนหยู่เก๋อ อีกทั้งพวกเรายังมีร้านค้ามากกว่าสำนักเยียนหยู่เก๋อไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
“ก็จริงน่ะสิ อย่างน้อย ๆ ร้านฟางหัวก็เป็นร้านใหญ่ ลางทีท่านพี่เขยอาจจะมองเห็นในความสามารถของท่านพี่ ถึงได้ตบแต่งเอาท่านพี่ไป”รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของฉีหรัว ในบัดนี้ที่จ้องมองไปที่ฉีหยู่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“นี่เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน”
“นี่ข้ากำลังช่วยท่านพี่อยู่นะ”ฉีหรัวยิ้มพลางก็กวักมือเรียกกู้อ้าวเวย คนที่ว่าก็ได้หันหน้ามามอง มองไปที่ฉีหยู่ “ฉีหยู่ เจ้ามาเพื่อมาพูดเรื่องความร่วมมือ เจ้าไปหาเอาข้างหน้าจะดีกว่าไหม”
สีหน้าของฉีหยู่เปลี่ยนแปลงไปในบัดดล กัดริมฝีปากแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย
จิบเหล้าดอกท้อเข้าไปหนึ่งคำ กู้อ้าวเวยก็ได้ช่วยฉีหรัว กระซิบขึ้นว่า “ตอนแรกที่สามีของเจ้าตบแต่งเอาเจ้าไป เดิมก็เพราะมีจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์ เจ้าคิดอยากจะให้สามีของเจ้ากับฉีหรัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แต่นานขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าทั้งสองครอบครัวก็ยังไม่สามารถทำอะไรให้มันเห็นได้ชัด ๆ ว่าใครด้อยใครเด่นกว่า ในตอนนี้เจ้ามาหาท่านพ่อฉีอย่างกระทันหัน จริง ๆ แล้วสถานะของบ้านทางสามีของเจ้ามันก็ยังไม่ได้ดีเด่อะไร”
แววตาที่เป็นประกายของฉีหรัวจ้องมองไปที่ฉีหยู่
ความฉลาดของนางกับกู้อ้าวเวยพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ถ้าหากจะบอกว่าฉีหรัวสามารถมองได้อย่างปรุโปร่งถึงโอกาสทางการค้า ถ้าเช่นนั้นแล้วกู้อ้าวเวยก็นับว่ามองทะลุใจคนได้อย่างหมดไส้หมดพุง
คิดไม่ถึงว่าจะโดนทำพูดแทงใจดำ ฉีหยู่จึงจัดการทุบกระป๋องจนตกกระจาย ชี้หน้าไปทางฉีหรัว “นี่มันไม่ใช่เรื่องความผิดของคนแพศยาอย่างเจ้า”
ฉีหรัวที่ถูกด่าเข้าก็รู้สึกตกอกตกใจ กู้อ้าวเวยก็ยิ่งงันไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็มีสติรู้ตัวขึ้น พยักหน้ารัว ๆ “มิน่าล่ะ เจ้าไม่เต็มใจที่จะเจอกับฉีหรัว ยังไงก็จะพบท่านพ่อให้ได้”
“ดูท่าสามีที่บ้านของเจ้าจะมองเห็นในความสามารถของฉีหรัว มิน่าล่ะถึงจะถีบหัวส่งเจ้า”กู้อ้าวเวยรีบพูดขึ้น