บทที่ 392 อารมณ์พิธีสมรส
“ที่แท้เป็นเช่นนี้……”
กู้อ้าวเวยกดไปที่หน้าอกของตน จับไปที่มุมโต๊ะอย่างสั่นเทาแล้วพยุงตัวลุกขึ้นยืน มองดูกระดาษทั้งสามแผ่นบนโต๊ะอย่างจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า น้ำลายที่อยู่ในคอเริ่มหวานเข้มข้นขึ้น นางกลับไม่มีจิตใจที่จะไปหยิบยาให้ตัวเองอีก
ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพยุงนาง เห็นนางหน้าซีดขาวอย่างทันที ก็ยังไม่ได้พูดคำพูดใดที่ปลอบประโลม ก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในใจ ทำให้ซ่านเซิ่งหานยิ่งทำอะไรไม่ถูกมากยิ่งขึ้น
ในดวงตาดอกท้อคู่นั้นตอนนี้เต็มไปด้วยคริสทัล น้ำตาไหลลงบนโต๊ะเป็นสายๆ
“ตอนนั้นข้าเชื่ออย่างเต็มอกว่าไม่ใช่เขาเป็นคนทำแน่นอน” กู้อ้าวเวยปัดมือของซ่านเซิ่งหานที่กำลังจะยกมา จ้องมองตัวหนังสือสองสามตัวของจดหมายฉบับนั้นอย่างแน่นิ่ง
มีเพียงวิชาลับของตระกูลหยุนเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาอาการป่วยของพ่านเอ๋อได้
ลายมือของตัวอักษรเหล่านั้น กู้อ้าวเวยเพียงแค่มองอยู่ชั่วครู่ก็ดูออก นางก็เคยนั่งโต๊ะเดียวกันกับซ่านจินจื๋อ เข้าออกพร้อมกัน แต่นอกจากตัวอักษรบรรทัดนี้แล้ว เนื้อหาของจดหมายทั้งสามฉบับดูเหมือนกันมาก
ความจริงได้ปรากฏชัดโดยที่ไม่ต้องพูด
“เรื่องนี้ยังไม่ปรากฏความจริงออกมา ข้าจะบอกเจ้าเอง เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะได้ระวัง ดีที่สุดคือต้องสืบดูอย่างละเอียด เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่องค์ชายคนอื่นสร้างความบาดหมางกันได้” ซ่านเซิ่งหานรู้สึกว่าสีหน้าของกู้อ้าวเวยมีบางอย่างไม่ถูกต้อง รีบปลอบใจ “เจ้ารู้ว่าองค์ชายหลายคนบัดนี้มีความคิดเห็นในตัวข้าและอ๋องจิ้ง อยากจะสร้างความบาดหมาง”
ได้ยินคำพูดของเขา สติของกู้อ้าวเวยก็กลับมา แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถต่อต้านกับพิษในร่างกายได้ มุมปากมีเลือดซึมไหลออกมา
“นี่เจ้า……” ซ่านเซิ่งหานรีบเอาแขนเสื้อให้นางเช็ดเลือด มือไม้พันกันทำอะไรไม่ถูก
“ข้าจะไปสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” กู้อ้าวเวยโบกมือไปมาบ่งบอกว่าตัวไม่เป็นอะไร พลางพูดกับเขาต่อว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะให้เจ้าช่วย”
“อะไร” ซ่านเซิ่งหานมองท่าทางของนาง ช่างน่าสงสารจับใจยิ่งนัก
“ข้าอยากรู้ว่าในยุทธภพมีคนที่ใช้พัดกระดูกหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นวิชาของสำนักเหลี่ยงหยี รบกวนเจ้าช่วยหาข่าวคราวของเขาให้หน่อย แล้วก็ช่วยข้าสืบดูเรื่องของหยุนหว่านแม่ข้าให้ด้วย” กู้อ้าวเวยในที่สุดก็ดึงสติกลับมาได้ กินยาแล้วจึงค่อยๆ นั่งลงมา ใจทั้งใจไม่สามารถสงบลงได้ในทันที
ซ่านเซิ่งหานพยักหน้ารับปาก มองสีหน้าที่ประหลาดนั้นของนางอีกครั้ง “ร่างกายของเจ้า……”
“ไม่ร้ายแรง” กู้อ้าวเวยส่ายหน้าอย่างเสียมิได้ “ทุกสิ่งทุกอย่างต้องรบกวนเจ้าแล้ว รอจนถึงเวลาที่สมควร ข้าจะไปอยู่ข้างกายเจ้า เพื่อช่วยเจ้าให้ได้มาซึ่งตำแหน่งฮ่องเต้”
ในใจนางวุ่นวายมานานแล้ว ก็ไม่มีวิธีใดที่จะช่วยซ่านเซิ่งหานในสภาพเช่นนี้
ในใจของซ่านเซิ่งหานดูร้อนรน แต่เดิมทีเขาก็แอบออกมา ในเมื่อได้รับการรับประกันจากกู้อ้าวเวยแล้ว เขาก็ไม่ควรอยู่นาน ได้แค่จากไป
ในห้องนี้ ในที่สุดเหลือเพียงกู้อ้าวเวยคนเดียว
นางมองไปที่จดหมายบนโต๊ะอย่างเงียบๆ ยังไม่ไปเจอซ่านจินจื๋อเพื่อหาคำตอบ
แต่นางรู้ นางเชื่อว่าซ่านจินจื๋อให้ร้ายตระกูลหยุน ก็แค่เพื่อให้ได้มาซึ่งใบยา
เพื่อซูพ่านเอ๋อ เรื่องอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น
เขาสามารถให้ร้ายภรรยาของตนเพื่อซูพ่านเอ๋อ และก็ยังสามารถฆ่าพี่น้องสายเลือดเดียวกับตนเพื่อซูพ่านเอ๋อได้อีกด้วย แน่นอนว่าก็สามารถใส่ร้ายนางทั้งครอบครัวเพื่อซูพ่านเอ๋อได้เช่นกัน ส่งนางทั้งครอบครัวไปสู่สุคติ
ทั้งๆ ที่รู้อย่างชัดเจนขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตัดสินใจจะตัดความสัมพันธ์กับเขาอย่างเด็ดขาด แต่บัดนี้ นางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ได้แค่ปิดปากของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมา ฝนพรำด้านนอกหน้าต่างเริ่มค่อยๆ หนักขึ้น ก็สามารถกลบเกลื่อนเสียงสะอื้นในห้องนั้นได้ หลายวันติดต่อกัน กู้อ้าวเวยไม่ออกจากบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว เรื่องที่ทำเยอะที่สุดในแต่ละวันก็คือนั่งเหม่อ
จวบจนหลายวันผ่านไป ยู่จูถือผ้าคลุมไหล่มงกุฎหงส์เดินมาข้างกายนาง ลายบนเนื้อผ้าล้วนเป็นฝีมือของนางในวังที่รีบเย็บให้ทันเวลา ดูประณีตเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งมงกุฎหงส์ก็ยังดูประณีตมาก ยู่จูรู้สึกเต็มไปด้วยการสรรเสริญต่อสิ่งนี้ กู้อ้าวเวยกลับเหลือบตาไปมองผ้าคลุมไหล่มงกุฎหงส์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามยู่จูว่า “ท่านอ๋องล่ะ”
“บอกว่าก่อนพิธีสมรสไม่ให้เจอกัน ท่านอ๋องหลายวันก่อนก็มาแล้ว แต่ถูกองค์ชายสี่ห้ามเอาไว้ ก็เลยได้แค่เท่านั้น” ยู่จูยังช่วยพูดแทนอ๋องจิ้งอีก
กู้อ้าวเวยนวดขมับไปมาอย่างจนปัญญา “ข้าจะเข้าพิธีแต่งงานเมื่อไหร่ ก็จำไม่ได้แล้ว”
“วันมะรืนนี้ก็เข้าพิธีแล้ว พระชายาท่านจะจำไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดเชียว” จื่อรีบพูดออกมา
ผ่านไปสักครู่ ยู่จูกับจื่อก็ถกเถียงพูดคุยกันเรื่องพิธีสมรสอย่างสนุกปาก
แต่กู้อ้าวเวยได้แค่หลับตาลง ก็เห็นวันที่แต่งงานในปีนั้น เงินทองมากมายแสบตา ชุดแต่งงานที่มีสีแดงเข้ม ยังมีดวงตาหงส์ที่เย็นชาของซ่านจินจื๋อคู่นั้น
เพียงแค่คิด นางก็เกือบเหงื่อแตกเต็มหน้า ได้แค่ขังตัวเองไว้ในห้อง คิดว่าจะไปสืบความจริงเท็จของเรื่องนี้ได้อย่างไร
ซ่านเซิ่งหานพูดได้ไม่ผิดเลย ทั้งหมดนี้เป็นแค่การยุยงปั่นป่วนจากองค์ชายท่านอื่น
สองวันนี้ กู้อ้าวเวยได้แค่เอนกายอย่างอ่อนแรงอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้าปายเสา (ชื่อแมว) ที่บนเตียงนอน แม้แต่ก้าวเดียวก็ไม่ห่างไปไหน
รอจนวันงานพิธีวันนั้น ร้านยาเหย้าและตำหนักอ๋องจิ้งล้วนประดับโคมไฟสีสันสดใส กู้อ้าวเวยกลับไม่ยินยอมที่จะนั่งเกี้ยวเข้าตำหนักอ๋องอีกครั้ง ก็เลยนั่งรถม้าไปถึงหน้าประตูใหญ่ เข้าไปในทางเข้า
บานประตูตำหนักอ๋องจิ้งก็ถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์
ในสายตาของคนอื่น การแต่งงานครั้งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่ทางเดินที่จะผ่านไปก็ถูกทาสีใหม่ ดอกบัวในสระบัวบาน อีกทั้งของขวัญจากแขกมากมายที่เต็มไปทั้งห้องเก็บของ
แต่ในสายตาของกู้อ้าวเวย ในดวงตามีแต่สีแดงเต็มไปหมดที่แสบตา เสียงของคนนับไม่ถ้วนเข้ามาในหูแต่ฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่เดินตามไปตามระเบียงยาวอย่างใจลอย
คำนับฟ้าดิน คำนับญาติผู้ใหญ่ คำนับสามีภรรยาซึ่งกัน ส่งเข้าห้องหอ
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนกับว่าจะคุ้นเคยจับใจ ก็ไม่รู้ว่าร่างกายนี้นังจำความเจ็บปวดของพิธีแต่งงานใหญ่วันครั้งนั้นได้ หรือใจดวงนี้ถูกทิ่มแทงจนยังไม่หายดี กู้อ้าวเวยได้แต่คำนับซึ่งกันและกันกับซ่านจินจื๋ออย่างเหม่อๆ ก็จับเส้นไหมสีแดงที่ซ่านจินจื๋อถืออยู่ เดินไปที่ห้องหออย่างช้าๆ ก็เลี่ยงเสียงหัวเราะของพวกท่านชายคุณหนูที่มาร่วมงานมาเข้าหูไม่ได้
เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ห็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของซ่านจินจื๋อพูดว่า “ข้าจะรีบกลับมาเปิดหน้าให้เร็วไว”
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาอย่างมึนงง จากช่องว่างของผ้าคลุมหัวยังสามารถมองเห็นรองเท้าของซ่านจินจื๋อได้ ได้เพียงพูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย”
ท่าทางของซ่านจินจื๋อค่อยๆ ชะงักไป ราวกับว่านึกถึงเหตุการณ์ของงานแต่งเมื่อครั้งก่อนได้ บัดนี้กลับรู้สึกเสียใจกับสิ่งนั้น
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย ซ่านจินจื๋อโค้งตัวลงมา ค่อยๆ จับคางของนางผ่านผ้าคลุมหัว จูบไปที่ริมฝีปากของนางอย่างถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน “เหตุการณ์เหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
กู้อ้าวเวยก็อึ้งอยู่ที่เดิม แต่กลับได้ยินแม่สื่อที่อยู่ด้านข้างตะโกนว่าไม่ถูกต้องตามประเพณี แต่ร่างกายอ่อนยวบไปหมดแล้ว
ซ่านจินจื๋อจับนางอุ้มขึ้นมา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และก็ไม่สนใจเสียงเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอก “จวบจนวันนี้ เจ้าถึงจะเป็นของข้าอย่างแท้จริงเสียที ข้าไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด”
เจ้าก็เคยพูดประโยคนี้กับข้า
ในใจของกู้อ้าวเวยนึกขึ้นมาได้ ก็คิดถึงเรื่องที่ซ่านจินจื๋อจะทำต่อจากนี้ ก็ได้เพียงแน่นิ่งไม่พูดอะไร
ตลอดทางพานางมาถึงในห้องแล้ว ซ่านจินจื๋อยังต้องออกไปต้อนรับแขกเหรื่ออีก ได้แค่ปล่อยให้นางอยู่คนเดียว คิดไปคิดมา ซ่านจินจื๋อคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งต่อหน้านาง นำสร้อยจี้หยกใส่ไว้ที่คอของนาง พูดเสียงต่ำว่า “หยกชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่อาจารย์ข้าให้ข้าไว้ เขาเหมือนกับพ่อแท้ๆ ของข้าอีกคนหนึ่ง บัดนี้ข้าเอาหยกชิ้นนี้ให้เจ้า หวังว่าจะสามารถคุ้มครองให้เจ้าปลอดภัยได้ชั่วชีวิต”
ได้ฟังความในใจของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นไปจับจี้หยก ยกมุมปากขึ้น
เรื่องของตระกูลหยุนอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็เป็นได้