บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 437

ตอนที่ 437

บทที่ 437 หิมะสามปี

นี่เป็นครั้งแรกที่บรรดาขุนนางบนศาลได้พบกับคนที่ไม่เกรงกลัวซ่านจินจื๋อ  

หลังจากได้ฟังแบบนั้นต้วนโฉงก็หันไปมองลูกหลานของตระกูลหยุนที่ชื่อหยูนเฉินเช่นกัน หากเป็นเรื่องการกรีธาทัพนางก็จัดว่าไม่เหนือไปกว่าอ๋องจิ้ง หากแต่นางกลับรู้สถาณการณ์ทุกอย่างของประเทศเป็นอย่างดี แทบทุกเรื่องที่พูดออกมามีเหตุผลและดูเป็นธรรม

ซ่านจินจื๋อก็ไม่ต้องการให้หยูนเฉินออกไป จึงพูดขึ้นว่า “เพื่อจะได้ระงับความวุ่นวาย เจ้าก็ควรจะเสนอแนะมา”

“ในสนามรบนั้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมาย โดยปกติแล้ว ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนให้ได้ตามสถานการณ์” กู้อ้าวเวยพูดอย่างไม่ให้ใครได้เอ่ยปาก

เดิมทีจะถามออกไปอย่างยกตัวข่ม แต่สุดท้ายซ่านจินจื๋อก็มองเห็นถึงการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของต้วนโฉง  

พูดได้ว่าต้วนโฉงมองหยูนเฉินคนนี้ต่างออกไป ถึงกับมองไปยังความแปลกใจภายในดวงตาของเขา แต่เมื่อมองไปยังองค์ชายสามกลับมีความแปลกใจมากกว่า

หากพูดต่อไปอีก ก็จะกลายเป็นความทะเยอทะยานของเขา

คิดถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อก็ปิดปากเงียบลง ตั้งใจฟังหยูนเฉินวิเคราะห์อย่างรอบคอบเกี่ยวกับชายแดนของแคล้วนชางหลานละแคว้นเจียงเยี่ยน และยังมีเรื่องของแคว้นอื่น ๆ แท้จริงแล้วพวกขุนนางเหล่านี้ล้วนรู้ดีอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของร้านอาหารและคลังของที่นั่น นางเกือบจะท่องจำมันได้หมด

ยิ่งไปกว่านั้นในความเป็นจริงช่วงเวลาที่นางมาอยู่ที่อินโจวก็แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ดีที่ได้พวกพ่อค้าต่างแดนที่มายังอินโจว นางจึงเข้าใจและรับรู้เรื่องราวต่าง ๆไปไม่น้อย คนในมือของทิงเฟิงเก๋อล้วนแต่มีสิ่งของต่าง ๆจากพ่อค้าทั่วโลก นางเพียงแต่ต้องจดจำและทำความเข้าใจพวกมันก็ใช้ได้แล้ว

นางพูดอย่างหงุดหงิดไม่สบายใจอยู่นาน แต่พวกขุนนางผู้ใหญ่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ 

พรรคพวกขององค์ชายสามเห็นด้วยกับวิธีการของหยูนเฉิน รอจนถึงเวลาที่หยูนเฉินหยุดลง ฮ่องเต้จึงสั่งกับต้วนโฉงออกไป “ในเรื่องนี้ เจ้าติดตามไปด้วยกันกับองค์ชายสาม”

บรรดาขุนนางกำลังโกลาหล นี่เป็นไปดั่งความคาดหวังของกู้อ้าวเวย จึงรีบประสานมือทำความเคารพ “เรื่องที่จะเป็นผู้นำทัพไปทำศึกเกรงว่ายังจำเป็นจะต้องไปพบกับอ๋องจิ้งก่อนจะไป องค์ชายสามยังคิดที่จำทำสิ่งใดก่อนจะออกเดินทางหรือไม่”

ทำอะไรนะหรือ ในสมองของซ่านจินจื๋อและซ่านเซิ่งหานคิดถึงเรื่องหนึ่งพร้อมกันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย แต่กู้อ้าวเวยกลับพูดมันออกมาแล้ว ซ่านจินจื๋อเพียงแต่อยากจะฝืนใจไปบอกใบ้ปริศนาบางอย่างต่อหน้าเสด็จพ่อ จนกระทั่งเลิกศาล กู้อ้าวเวยถึงกับกล้าที่จะเดินออกจากวังเคียงข้างซ่าจินจื๋อ

ทั้งสองข้างคือกองทหารยู่หลิน ซ่านจินจื๋อยกมือสั่งให้หยุด แสงของดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวไม่สามารถจะบรรเทาความหนาวเย็นบนใบหน้าของเขาได้ ดวงตานั้นดุจดั่งสระน้ำลึกที่ยากต่อการสำรวจ

กู้อ้าวเวยก็ได้หยุดลงเช่นกัน มองไปยังก้อนเมฆบนท้องฟ้า ลมหนาวที่พัดกระทบใบหน้าเหมือนดั่งมีด นางยิ้มขึ้นจนเห็นลักยิ้ม “เจ้าต้องเสียใจภายหลังที่ไม่ดูแลกู้อ้าวเวยให้ดีตั้งแต่ต้น”  

“ข้าเสียใจไปแน่นอนแล้ว” สายตาของซ่านจินจื๋อมองตกมายังใบหน้าของกู้อ้าวเวย ลมหนาวที่ผ่านข้างตัวไปอย่างใกล้ชิดได้พัดพาแสงอาทิตย์ไปด้วย สายตามองไปยังเม็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา รองเท้าของทั้งคู่เปียกโชกไปตลอดทาง “คิดไม่ถึงว่าลูกหลานตระกูลหยุนจะเป็นหมอกันหมด”

“ท่านอ๋องจิ้ง คราหน้าในสนามรบ โปรดให้คำชี้แนะข้าด้วย” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างไม่ลดละ แต่ยังไม่ทันจะได้รับความอบอุ่นจากดวงตานั้นก็กลับออกไปเสียก่อน และองค์ชายสามก็ได้ถูกเรียกให้ไปยังห้องหนังสือแล้ว 

บรรดาขุนนางที่ตามอยู่ด้านหลังกำลังพูดคุยกันอยู่ ฮ่องเต้ไม่ได้สนใจใครแล้ว ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว

หิมะแรกของเมืองเทียนเหยียนตกเป็นระยะ ๆ อย่างน่าแปลกใจ ราวกับเป็นเรื่องบ่งบอกถึงการรุกรานของชาวต่างชาติ

แคว้นเจียงเยี่ยนไม่ได้ทำอะไรต่อหลังจากที่ได้ตีเมืองทั้งสองเมืองได้ แคว้นเอ่อตานก็ยังคงปกติ มีเพียงแต่ประเทศต่างชาติอื่นๆที่คอยจ้องอย่างเสือตระครุบเหยื่อ กู้อ้าวเวยรีบกลับไปยังที่พักขององค์ชายสาม กุ่ยเม่ยรอต้อนรับนางด้วยผ้าคลุมหนา มีความกังวลมากเรื่องขาของนาง “เจ็บไหม”

“เจ็บสิ ยืนตั้งนาน เกือบจะโดนจับได้แล้วไง” กู้อ้าวเวยรีบนั่งลง ขาทั้งสองข้างสั่นสะท้านด้วยความหนาว ถ้าไม่ได้กลั้นหายใจไว้ต่อหน้าซ่านจินจื๋อ กลัวว่าต้องถูกสงสัยจริง ๆ

กุ่ยเม่ยก่อไฟเรียบร้อย นำเตาผิงขนาดเล็กมาให้ความอบอุ่นที่เข่าของนาง สั่งให้แม่บ้านนำซุปร้อนๆมา

กู้อ้าวเวยก้มหน้าลงมองเขา “ตอนนี้ยังพักผ่อนไม่ได้ เจ้าไปหาเยว่ ให้นางเลือกนักโทษประหารมาคนหนึ่ง เอามาให้ข้าดูแล”

“ตั้งขาตรง ๆ” กุ่ยเม่ยตบขาน่องขานางเบาๆ

กู้อ้าวเวยเหยียดขาออกไปอย่างเชื่อฟัง วางมือผิงไฟและค่อยๆเคลิบเคลิ้ม  

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ซ่านเซิ่งหานก็ได้พาฆาตกรคนหนึ่งเข้ามายังศาลาไม้ไผ่ เสียงโซ่ตรวนดังขึ้น

“ทำไมให้องค์ชายมาส่งด้วยตนเอง” กู้อ้าวเวยประหลาดใจ 

“เพียงเพราะได้ยินเยว่พูขึ้นมา” ซ่านเซิ่งหานทำท่าโบกไม้โบกมือ ผู้คุมที่อยู่ด้านหลังกดนักโทษประหารคนนั้นลงไปยังพื้นดิน ปากยังคงถูกมัดไว้ มีเพียงดวงตาทั้งสองที่ยังสามารถเบิกกว้างได้

“เขาถูกจำคุกเพราะอะไร” กู้อ้าวเวยนั่งลงบนเก้าอี้ จ้องมองไปยังนักโทษประหาร

“ภรรยาไปมีชู้กับคนอื่น เขาจึงฆ่าภรรยาและครอบครัวทุกคนด้วยความโกรธ จึงเป็นโทษที่ไม่สามารถยกเว้นได้” ผู้คุมได้กดนักโทษลงอีกครั้ง เพราะกลัวว่านักโทษประหารจะทำร้ายกู้อ้าวเวย

คิ้วข้างหนึ่งถูกยกขึ้น กู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยหันสบตากัน ผู้คุมด้านหลังทั้งสองคนได้พานักโทษประหารออกไป เยว่ต้องการจะตามไปด้วยความไม่พอใจ กู้อ้าวเวยพูดขึ้น “เรื่องนี้ข้าค่อนข้างจะเชื่อในฝีมือของกุ่ยเม่ย ในเมื่อองค์ชายกลับมาแล้ว เรามาพูดกันเรื่องก่อนการเดินทางดีกว่า”  

เยว่กำมือของนางแน่น ซ่านเซิ่งหานกลับยอมรับข้อเสนอของกู้อ้าวเวย นั่งลงอย่างเยือกเย็น “ข้าอยากได้แม่ทักสักคน โชคดีที่วันนี้บนศาลได้เจ้าพูดไว้ จริง ๆมันทำให้ผู้คนมากมายเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อองค์ชายผู้อ่อนแออย่างข้าได้”

“แบบนี้มันดีแน่นอน แต่พวกข้าไม่สามารถจะพึ่งพาแม่ทัพพวกนี้ได้” กู้อ้าวเวยเปิดคลายม้วนหนังสือที่ยับยู่ยี่จากโต๊ะข้างๆออก มองดูแล้วเหมือนว่าจะถูกอ่านมาแล้วหลายรอบ “นี่คือรายชื่อของบรรดาแม่ทัพนายพล เจ้ายังคงต้องหาดึงเอามาเป็นพวก อีกอย่างเราต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้ใจผู้คน”

“นอกจากการพูดที่มีวาทศิลป์อันทรงพลัง ก็ดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่น เพียงแต่มีคนสมัครเข้าร่วมเป็นกำลังพลแล้ว” 

ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง กู้อ้าวเวยก็เคาะขึ้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ต้องเอาใจพลทหาร ต้องเลือกคนฉลาดที่ให้มาเป็นองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเจ้า ข้าเชื่อว่าเด็กที่ด้อยโอกาสไม่น้อยจะยอมศิโรราบให้เจ้า อีกอย่างหนึ่ง ยังมีพวกแม่ทัพมีฐานะร่ำรวยจำนวนหนึ่งที่อยากจะใกล้ชิดเจ้าอยากจะให้เป็นพวก ข้าเชื่อว่าซ่านจินจื๋อไม่ยอมที่จะลดตัวมาเป็นพวกแน่นอน”

“เพียงแต่ ตอนนี้เขากำลังต้องการจะพาคนออกไป และเรายังพอมีเวลานิดหน่อย”  

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม และยังพูดคุยกันถึงรายละเอียดบางอย่าง ซ่านจินจื๋อจึงออกไปจากศาลาไม้ไผ่ เพื่อไปสั่งการคนอื่นต่อ

และตอนนี้ ตลาดริมทางนอกตำหนักขององค์ชายสามได้มีคนมาอยู่จนเต็มแล้ว  

ซ่านจินจื๋อได้รับการคืนสิทธิให้กลับมายังตำแหน่งเดิม สิทธิทางการทหารได้กลับคืนสู่อำนาจในมือ บรรดาพรรคพวกขุนนางจำนวนมากล้วนแต่ส่งลูกของตนเองเข้าไปเพื่อจะให้ได้เป็นมือซ้ายมือขวาของซ่านจินจื๋อ ราษฎรบนท้องถนนล้วนตะโกนเรียกนามของเทพเจ้าแห่งสงคราม”

แต่กู้อ้าวเวยได้เปิดตาทั้งสองข้างในทันที มองไปยังเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ปลายนิ้วเลื่อนไปยังท้องตนเองโดยไม่ตั้งใจ ฟังเสียงตะโกนที่ดังมาจากข้างนอกอย่างเฉยเมย พึมพำเบาๆ “เทพเจ้าแห่งสงคราม ตอนนี้เจ้ายังไม่สมควรได้รับมัน”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท