บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 445

ตอนที่ 445

บทที่ 445 อาสาออกไป

หิมะกองใหญ่ม้วนถลาเข้ามาโดยประสงค์จะประหัตประหารพรากเอาชีวิต  

ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ในชุดเกราะทั้งตัว ในมือมีปืนยาวควบอยู่บนที่หลังม้า หยาดเลือดความคึกคะนองของม้าศึกที่ออกสู้รบไม่เคยโดนความสงบของบ้านเมืองทำให้สูญสิ้นมลายไป แต่กลับกันกับถูกพวกเขาสลักให้ยิ่งจารึกแน่นสนิทชัดเจนขึ้น เลือดที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความสง่างามก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ได้หลงเหลืออะไรเอาไว้ให้ปกปิดอีกต่อไป

อ้ายหยินที่อยู่ตรงข้ามกับตระกูลต้วนก็มีอายุปาเข้าไปสี่สิบห้าสิบปีได้แล้ว เพียงแค่เพราะว่าร่างนั้นท่ามกลางสมรภูมิที่มีกลิ่นคาวของเลือดซึ่งไม่อาบลบล้างไปได้ ไม่ได้มีความโกรธขึงขังใด ๆ แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นให้เกิดขึ้นได้

ตระกูลต้วนเพียงเห็นท่าทางของซ่านเซิ่งหาน อ้ายหยินพลันก็หัวเราะด้วยความดูแคลนขึ้น “คิดไม่ถึงว่าองค์ชายของชางหลาน จะเป็นองค์ชายที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้นี้ ”  

เสียงหัวเราะพลันสอดประสานรับเสียงกลบเอาเสียงทุกอย่างเอาไว้ในช่วงขณะนั้น แต่ซ่านเซิ่งหานกลับเงียบเฉยเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ทำมือส่งสัญญาณให้ร่นถอยต่อนายกองทั้งหลายที่อยู่ด้านหลัง เหลือไว้เพียงแค่เขาที่นั่งอยู่บนม้าอยู่ที่หน้าประตูเมืองเพียงลำพัง ปืนยาวถูกปักลงบนพื้นดิน เสียงของกองกำลังภายในผสมผสานกับทั่วทั้งสมรภูมิ “ถ้าหากว่าพวกเจ้าเข้ามาในเมืองของเด็กทารกเยี่ยงข้าได้ แล้วยังออกไปได้ครบทั้งร่างกาย ศีรษะคนนี้ ข้าจะยกขึ้นถวายเองด้วยทั้งสองมือ”

“ใช้ตรงปืนยาวนี้เป็นเขต เจ้าลองเข้ามาดูสักหน่อยปะไร”  

ที่ด้านบนกำแพง กู้อ้าวเวยยืดหลังตรง ยกมือขึ้นโบกไปมาให้กับพลทหารที่อยู่ด้านหลัง  

กุ่ยเม่ยวางมือข้างหนึ่งลงบนข้อมือของกู้อ้าวเวย ราวกับกำลังตระเตรียมความพร้อมถ้ามีสถานการณ์ผิดปกติใด ๆ ขึ้น ก็จะได้พานางหนีไปในทันที

พลทหารที่อยู่ด้านหลังต่างก็พากันออกไปแบบเงียบเชียบ   

อ้ายหยินที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันได้แน่ชัดว่าฝั่งตรงข้ามคิดจะทำอะไร พลันได้ยินเสียงของกุ่ยเม่ยที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังดังขึ้นว่า “ขอเชิญแม่ทัพอ้ายเข้าไปในเมือง”  

“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”ถึงแม้ว่าปากของอ้ายหยินจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่กลับไม่ได้มีการเคลื่อนไหวขยับตัวใด ๆ ขึ้น

ถึงแม้ว่าจะมีกู้เฉิงและกู่เซิงเป็นผู้ที่รับรู้สถานการณ์ภายในเมืองชางหลาน  

แต่เขาเอาก็หมดหนทางที่จะไปรับรู้ได้ว่าภายในเมืองกวนผิงยังมีกองทัพอีกนับหลากที่ยังหลงเหลืออยู่หรือไม่ หรือว่าไม่มีเลยแม้กระทั่งทหารสักคนเดียว ภายในช่วงระยะเวลาที่กำลังลังเลใจอยู่นั้นเอง เขาถึงไม่ทันได้ระวังตัวว่าจะถูกจู่โจมเข้า เพียงแค่สำรวจสถานการณ์ท่ามกลางค่ำคืนที่มีหิมะตกโปรยปราย

เดิมทีเขาคิดว่าอยากจะคิดลังเลใจอยู่สักครู่นึงก่อน กู้อ้าวเวยก็ได้พูดอะไรบางอย่างข้าง ๆ หูของกุ่ยเม่ยเข้า กุ่ยเม่ยจึงได้พูดต่อในทันทีว่า “แม่ทัพอ้ายทหารพวกนั้นไม่ได้ฟังคำบัญชา เอารถลากหินมาถึงชายแดนของเมืองด้วยตัวเอง พวกเราช่วยท่านจัดการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว”  

เมื่อสิ้นเสียงลง ได้ยินเสียงเพลิงลุกไม้ที่เมืองทางทิศใต้ ส่องกระทบกับเกล็ดละอองหิมะบนท้องฟ้าล้วนเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ราวกับเป็นซากขี้เถ้าที่ร่วงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า  

อ้ายหยินตกตะลึงขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะถูกพบเข้า ทหารใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างกายต่างก็รีบรุดตัวมาด้านหน้า แสดงให้เห็นว่าได้สูญเสียการติดต่อกับคนทางนั้นไปแล้ว  

กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองไปทางเมืองทิศใต้ที่บ้านเรือนและขี้เลื่อยต่างก็ถูกจุดไฟขึ้น ยกมุมปากเหยียดยิ้มขึ้นภายใต้ผ้าพันคอ   

พลทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา เอ่ยปากกระซิบพูดขึ้นว่า “ฝ่ายโจมตีของพวกเขามีเพียงแค่สองพันนาย พวกเราใช้เพียงแค่หนึ่งพันนายก็จะสามารถขวางพวกเขาเอาไว้ได้ เชื้อเพลิงได้ถูกจุดขึ้นแล้ว รับมือเอาไว้ให้จนถึงรุ่งสางถึงจะได้ ”  

“นั่นก็พอแล้ว”  กู้อ้าวเวยพยักหน้า ณ สถานที่ที่อ้ายหยินมองเห็นไม่ชัด ก็หยิบเอาคบเพลิงโยนลงมาจากบนประตูเมือง มีคนที่ส่งสัญญาณไปให้กับซ่านเซิ่งหาน

เมื่อซ่านเซิ่งหานเห็นเข้าดังนั้นแล้ว เพียงแค่หัวเราะด้วยเสียงเย็น ๆ ตัวเองรุดถอยลงไปเป็นจำนวนมาก ตัวเองขี่ม้าเพียงลำพังไปตามบนถนนในเมืองกวนผิง มีพลทหารสองคนที่คอยจุดโคมด้านข้างให้กับเขา

อ้ายหยินจ้องมองทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้นพลางจ้องมองไปที่อ้าย

หยิน

ในครั้งนี้ เพียงแค่วางเดินพันเอาสักครั้งได้  

ถ้าหากแม้นว่าอ้ายหยินเป็นผู้ที่กล้าหาญและมีความรอบรู้อย่างแท้จริงแล้ว พลทหารที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่พันนายภายในเมืองนั้นไซร้ เดิมทีก็ไม่สามารถรักษาตั้งมั่นเอาไว้ได้

แต่ถ้าหากว่าภายในใจที่สงสัยของอ้ายหยินมีใจคิดเสแสร้ง สามารถถ่วงเวลาไปได้สักช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ทั้งสองฟากต่างก็พอฟัดพอเหวี่ยง ในจังหวะที่ใจของซ่านเซิ่งหานกำลังฮึกเหิมดุจกลองชัย

กองทัพของอ้ายหยินก็ได้ขยับตัวขึ้น   

พลทหารพันนายก็ฝ่าหิมะพุ่งเข้ามาจากทางปีกซ้าย เสียงกีบม้าหนัก ๆ ต่างก็ทิ้งร่องรอยหลงเหลือเอาไว้ในใจของคนทุกผู้ที่อยู่ในเมืองกวนผิง ทุกคนต่างใจจดจ่อใจยืนอยู่กับที่ พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้ดอกธนูในมือร่วงตกลง มีบางคนที่ก้าวเท้ารุดหน้าขึ้นไปทางฝั่งอริราชศัตรู

กู้อ้าวเวยจดจ้องไปที่หิมะที่ร่วงโปรยปรายลงมาอย่างหนักที่อยู่ไกล ๆ แล้วค่อย ๆ ปิดตาลงอย่างช้าๆ  

“ท่านแม่กำลังรอให้ข้ากลับไป”นางกระซิบขึ้นเสียงเบา ๆ ที่ข้างกายมีพลทหารที่จ้องมองมาที่นาง รู้สึกเพียงแค่ว่าเสียงกีบม้าค่อย ๆ ดังหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ  

กุ่ยเม่ยปัดหิมะที่อยู่บนไหล่ของนางลง “ต่อให้นับว่าแพ้แล้ว แต่ชางหลานเองก็ไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้เสียเมื่อไหร่”  

สิ้นเสียงลง กองทหารม้าพันนายของเจียงเยี่ยนก็ถลาพุ่งเข้ามาทางประตูเมือง ดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็สั่นสะเทือนไปพร้อม ๆ กัน ราวกับหยาดละอองหิมะที่ยังไม่ทันได้ร่วงหล่นลงบนพื้นต่างก็ถูกทำให้ชะงักงันจนไม่กล้าที่จะร่วงโรยลงมา เพียงแค่ยิ่งบดตีอย่างเอาเป็นเอาตายบนใบหน้าของพวกเขา

อ้ายหยินเหยียดที่มุมปากขึ้น คำพูดที่ผยองลำพองยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยออกมาจากปาก   พลทหารแล้วกองทัพม้าที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรกร้องขึ้นอย่างโหยหวนล้มลงกองกับพื้น ม้าที่อยู่ด้านหลังกลิ้งลงไปราวกับลูกหิมะกระแทกลงบนพื้น พลทหารที่อยู่ตรงประตูก็ไอโขลก ๆ ขึ้นอย่างน่ากลัว มีกระทั่งว่าบางคนที่หกล้มลงได้ทำดาบหลุดมือทิ่มทะลุอกเพื่อนร่วมศึกด้วยกัน

พลทหารที่พุ่งตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิดกว่านับร้อยคนพลอยได้หยุดฝีเท้าลง ม้าที่อยู่ด้านล่างราวกับจะรับรู้ได้ถึงอันตรายแรงกล้าจึ่งไม่กล้าที่จะขยับตัว   ช่วงระยะเวลาที่กำลังสับสนลังเลใจอยู่นั้นเอง อ้ายหยินถึงได้รีบส่งเสียงร้องบอกกองทัพด้านหน้าให้หยุดลง โดยที่เดิมทีไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เป็นหิมะ!หิมะฆ่าคนไปแล้ว!”กองทัพด้านหลังมีนายทหารคนหนึ่งตะโกนร้องบอกด้วยเสียงดังลั่น

ในช่วงระยะเวลาในตอนนั้น ใจของทุกคนก็เต้นไม่เป็นระส่ำ

ทั้งหมดนั้นดูไม่ได้มีความผิดแผกใด ๆ เกิดขึ้น มีเพียงแค่ละอองหิมะที่โปรยปรายลงจากฟากฟ้าอยู่รุนแรงโหมกระหน่ำยิ่งขึ้น

พลทหารของชางหลานล้วนแล้วแต่ปฏิบัติหน้าที่กันด้วยความรับผิดชอบ ไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้สักเล็กน้อย   

ได้ยินเสียงร้องแหลมสูงเสียงหนึ่งของพลทหาร มือที่กำหมัดเอาไว้แน่นของกู้อ้าวเวยถึงได้ผ่อนคลายลง ที่ด้านหลังล้วนแต่เปียกโชกอาบไว้ด้วยเหงื่อเย็น

“ปิดประตูเมือง”กู้อ้าวเวยกระซิบพูดขึ้น แต่ขาทั้งสองข้างก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน

กุ่ยเม่ยได้เอาคบเพลิงโยนลงไปจากที่ประตูเมืองให้นาง

คบเพลิงร่วงตกลงบนพื้นได้ส่งเสียงขึ้น ดับลงบนพื้นท่ามกลางหิมะขาวโพลน

ประตูเมืองค่อย ๆ ถูกปิดลงอย่างช้า ๆ แต่อ้ายหยินกลับไม่ได้สั่งให้คนรุดหน้าเข้าจู่โจม  

พลทหารของเจียงเยี่ยนในตอนก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลง ในตอนท้ายที่สุดได้มองเห็น มีเพียงแค่ซ่านเซิ่งห่านที่ขี่อยู่บนหลังม้า  

ประตูเมืองถูกปิดลง พลทหารของชางหลานได้นำเอาคนที่โดนยาพิษและม้าย้ายไปอยู่ในห้องที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วก็ได้นำเอาหิมะกองใหม่เติมให้พื้นดูเรียบสม่ำเสมอ

และในบัดนี้เอง เปลวเพลิงที่เมืองทางทิศใต้ก็ได้โหมยิ่งขึ้น ซ่านเซิ่งห่านก็ได้สั่งคนอีกสองพันคนไปสำทับล้อมรอบเอาไว้  

กู้อ้าวเวยได้ยืนอยู่บนประตูเมืองมาตั้งแต่ต้นโดยตลอด จนถึงเวลาที่ซ่านเซิ่งหานได้ให้คนกลับไป และก็ไม่รู้ว่าอยู่ท่ามกลางกองหิมะเป็นเวลานานเท่าใด เมืองทางทิศใต้ถึงได้มีข่าวด่วนส่งมา เชื้อเพลิงทั้งหมดภายในเมืองได้ถูกใช้ไปจนหมดสิ้น รถลากหินพวกนั้นได้ถูกเผาจนวอดเป็นจุลกลายเป็นเศษซาก

ซ่านเซิ่งหานถึงได้ให้คนกลับมา แต่ที่ประตูเมือง ก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง  

คนของเจียงเยี่ยนเดิมทีคิดอยากจะรีบพุ่งเข้ามา เมื่อครู่พลทหารและม้าที่ได้สิ้นชีวิตลงภายใต้ประตูเมืองก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ในจังหวะเวลาที่อ้ายหยินกำลังสำรวจพบถึงความไม่ชอบมาพากลเข้า ซ่านเซิ่งหานก็ได้ขี่ม้าพุ่งออกมา

พลทหารนับไม่ถ้วนได้พุ่งตามหลังซ่านเซิ่งหานมาอย่างติด ๆ   

อ้ายหยินเองก็ยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มองเห็นที่ด้านบนประตูเมือง มองเห็นลูกเปลวเพลิงขนาดมหึมาได้กลิ้งตกลงมา

ภายในค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย กลองทำศึกก็ได้ส่งเสียงขึ้นในทันที โดยที่ไม่มีใครสักคนจะได้ยินเสียงของหิมะที่ตกลงมา  

“ถอนทัพ!”อ้ายหยินจ้องมองไปที่ลูกเปลวเพลิงบนท้องฟ้าที่ถาโถมพวยพุ่งด้วยความหวาดผวา อีกทั้งยังมีคนที่พุ่งตัวออกมาอย่างไม่หยุดยั้งจากบริเวณภายในของเมือง

แผนการของเขาดูเหมือนว่าจะถูกพังยับเยินจะไม่เหลือชิ้นดี ถ้าหากจะบอกว่าแต่ก่อนนั้นเป็นกับดักแล้วนั้น ถ้าเช่นนั้นพุ่งโจมตีออกมาอย่างซึ่ง ๆ หน้าในตอนนี้ รวมถึงลูกเปลวเพลิงนั้นมันเรียกว่าอะไรกัน?

พลทหารของเจียงเยี่ยนหมุนตัวกลับไป แต่ว่าซ่านเซิ่งหานกลับนำผู้คน เอาพลทหารกลุ่มสุดท้ายที่กำลังจะจากไปบดขยี้กลืนจมลงไป แม้กระทั่งละอองหิมะก็ยังไม่สามารถบดบังเอากลิ่นไอที่คลุ้งตลบนั้นลงไปได้    กู้อ้าวเวยได้หันหน้าไปมอง มองเห็นพลทหารของชางหลานที่ได้พุ่งออกมาจากในป่าอีกฟากหนึ่ง ก็ได้ถอนหายใจออกมาจนสุด

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท