บทที่ 435 วางแผน
ในยุคโบราณ มีตำราพิชัยสงครามของซุนวู กู้อ้าวเวยกลับมีความทรงจำที่ต่างยุคสมัย
ก่อนหน้านี้ในครอบครัวของนางทำในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยทำมาก่อน โดยมากก็จะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือประเภทปรัชญาและการแพทย์ สำหรับตำราพิชัยสงครามของซุนวูนางก็เคยเรียนมาก่อน แต่สำหรับการต่อสู้ที่หลากหลายในประวัติศาสตร์ คนรอบตัวก็ล้วนมีความคิดเห็นที่หลากหลาย และนางก็ยังเคยอ่านเรื่องราวพงศาวดารท้องถิ่นของชางหลานทีละเรื่อง ไม่ต้องพูดถึงข่าวจากทิงเฟิงเก๋อ นางย่อมรู้มากมายแน่นอน
แม้ว่านางจะรู้เรื่องที่ซ่านจินจื๋อไม่รู้ นางก็มีวิธีการโน้มน้าวฮ่องเต้ให้สั่งองค์ชายสามออกเดินทาง
แต่น่าเสียดายที่หากเทียบกับซ่านจินจื๋อแล้ว นางดูจะด้อยกว่าเล็กน้อย
ซ่านจินจื๋อมีชื่อเสียงโดดเด่นในนามเทพเจ้าแห่งสงคราม แม้ว่าคนที่ไม่รู้วรยุทธ์ก็ยังต้องทำตามแบบอย่างของซ่านจินจื๋อ และจะเต็มใจไปสนามรบเพื่อองค์ชายสามได้อย่างไร แม้ว่าจะยินดี แต่ผู้คนจำนวนมากก็คงขุ่นเคือง
หากกลับมาโดยไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อกลับมาก็ได้ยินซ่านเซิ่งหานพูดว่า “ข้าบอกเสด็จพ่อว่าข้าจะเป็นแม่ทัพ วันพรุ่งนี้เกรงว่าจะต้องพาเจ้าขึ้นศาลด้วยสักหน เพียงแต่โน้มน้าวเสด็จพ่อได้ เรื่องทุกอย่างก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลง”
สีหน้าของกุ่ยเม่ยเปลี่ยนไปทันที กู้อ้าวเวยรีบหยุดเขาทันที “ข้าแค่ไปที่ศาล หลังจากปลอมตัวแล้วไม่มีใครจำได้หรอก”
“วิชาแปลงกายของข้าไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่างนะ” กุ่ยเม่ยไม่พอใจ “ข้าจะไปฟ้องฮูหยิน”
กู้อ้าวเวยถึงกับสำลัก มองหน้าเขาอย่างขมขื่น “ข้ายังสงสัยว่าเจ้าเป็นแม่ข้าหรือไง”
กุ่ยเม่ยส่งเสียงฮึย่างเยือกเย็น ดูเหมือนจะไม่ปฏิเสธคำเรียกดังกล่าว
แววตาของซ่านเซิ่งหานก็เปลี่ยนไป พากู้อ้าวเวยเข้าไปข้างใน ปิดประตูเพื่อจะคุยเรื่องนี้กับนาง “ข้าก็ไม่มีวิธีที่จะพูดแบบนั้น หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะหาคนอื่นมาแทนที่เจ้า”
“เพียงแต่กลัวว่าจะไม่มีใครกล้าสบตาของซ่านจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยโบกมือปฏิเสธ “ไม่ว่าใครจะไป ก็ต้องต่อสู้กับซ่านจินจื๋อ หากประมาทเพียงเล็กน้อย คงจะถูกเปิดเผยทั้งหมดแน่ แต่ข้ายิ่งมั่นใจ ว่าจะไม่ถูกค้นเจอ หลบซ่อนไว้ ก็จะยิ่งง่ายต่อการที่ถูกผู้คนดูออก”
ซ่านเซิ่งหานรู้สึกเพียงความน่าปวดหัว “เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของชายแดน”
“ไม่ต้องมาพูดอะไรแล้ว เจ้าวางเฉยมานานเกินไป การที่ไม่ใช่อำนาจแทรกซึมเข้าไปก็เลยเป็นเหตุให้มาจนถึงตอนนี้ เพียงแต่เมิ่งซู่และขุนนางชั้นผู้ใหญ่มัวแต่พูดอะไรกัน” กู้อ้าวเวยโบกไม้โบกมือ เพื่อหยุดเขาในการพูดถึงเรื่องไร้สาระพวกนี้
“เมิ่งซู๋ให้เสด็จอาผู้กล้าหาญและดุดันออกไปรบ นอกจากนั้นยังให้ส่งขุนนางเสนาบดีอีกจำนวนหนึ่งไปเจรจาสร้างความน่าเชื่อถือ ยังมีพวกขุนนางอื่น ๆที่ไม่ได้มีกองกำลังก็ต่างมีความคิดเห็นในทางของตนเอง จึงกลายเป็นความสับสนวุ่นวาย จนล่วงเลยมาถึงบ่ายเพิ่งจะได้กลับมา” ซ่านเซิ่งหานนึกถึงเรื่องน่าปวดหัวที่เกิดขึ้นในศาลวันนี้
ไตร่ตรองอยู่สักพักหนึ่ง กู้อ้าวเวยก็ปลอบโยนเขา “ในเมื่อเมิ่งซู่ยืนอยู่ข้างซ่านจินจื๋อในการศึกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ยังสามารถจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ มันเป็นเกียรติของข้ากู้อ้าวเวยเช่นกัน พรุ่งนี้ ต้องรบกวนองค์ชายแล้วล่ะ”
พูดจบ ไม่ทันรอให้องค์ชายตอบกลับ กุ่ยเม่ยก็เข้ามาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด พากู้อ้าวเวยออกไปแล้ว
ในขณะนั่งอยู่คนเดียวในห้อง เยว่ก็ได้เข้ามา นำขนมและน้ำชาเข้ามาวาง “ดูเหมือนว่านางกับกุ่ยเม่ยจะไปไม่ไกล ขอองค์ชายโปรดวางใจ”
ซ่านเซิ่งหานมองไปยังถ้วยชา แล้วพูดเรียกสติตนเอง “นางยิ่งกล้ามากเท่าไร ข้าก็ยิ่งอยากจะได้อยู่ข้างกายนาง”
เยว่หยุดนิ่งไปพักหนึ่ง ในใจเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
กู้อ้าวเวยมีคุณธรรมมีความสามารถอะไร ถึงได้ทำให้ผู้ชายมากมายตกหลุมรักนาง
แต่ตอนนี้เมื่อได้กลับเข้าถึงในห้อง กู้อ้าวเวยเกือบจะถูกกุ่ยเม่ยโยนตัวลงบนโซฟา ลูบข้อมือที่เจ็บ แต่กู้อ้าวเวยกลับไปกล้าที่จะทำให้กุ่ยเม่ยโกรธ จึงได้แต่จ้องมองเขา “ครั้งนี้ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เจ้ากำลังตกกระไดพลอยโจน” กุ่ยเม่ยก็ได้เข้ามานั่งข้างนาง “หากว่าหาแม่ทัพที่เหมาะสมไม่ได้ เจ้าจะทำอย่างไร บนศาลปล่อยให้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ วันหลังหากเกิดอะไรขึ้นก็คงจะโดนโทษประหารบั่นหัว”
“หากว่าพวกเราไม่สามารถหาแม่ทัพได้ ก็ทำให้พวกแม่ทัพที่เหมาะสมมาหาพวกเราเอง” กู้อ้าวเวยกระพริบตาอย่างร่าเริง “พวกเขาชื่นชมยอมรับซ่านจินจื๋อ แต่ในความเป็นจริงคนที่มีชื่อเสียง ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนดีเสมอไป”
กุ่ยเม่ยกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ของสิ่งเหล่านี้ คำพูดต่อไปของกู้อ้าวเวยก็ดังออกไป “แต่ข้ายังไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย ทำไมต้องเป็นซ่านจินจื๋อ คนที่แข็งแกร่งอย่างซ่านเซิ่งหานมองมาที่ข้าตลอด ถ้าพูดกันตามเหตุผล ไม่น่าจะเป็นเพราะเป็นแรงผลักของเพศเดียวกัน ข้าก็อยากที่จะทั้งรักทั้งฆ่าเขาถึงจะถูก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้ข้าออกหน้า ข้ายังรู้สึกตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว”
พูดจบ กู้อ้าวเวยก็ลูบแขนของตัวเอง
ตั้งแต่ที่ซ่านเซิ่งหานได้สร้างอาคารสองชั้นนี้เตรียมไว้ให้นาง นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ
กุ่ยเม่ยเหลือบมองอย่างหน่ายแหนงไปยังนาง “ก็เพราะพวกเขาไม่สามารถควบคุมเจ้าได้ ยิ่งคิดว่าตนเองเก่ง ก็ยิ่งอยากจะให้คนเก่งๆมาอยู่ข้างกาย และมองคนอื่นว่าอ่อนแอกว่า”
“เพราะอะไร” กู้อ้าวเวยยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม “แต่ทุกครั้งที่ข้าพูด พวกเขาฟังไว้ก็ถูกแล้ว แต่ข้าเองบางครั้งก็พูดไปทั้งๆที่ไม่ได้รับอนุญาติ”
กู้อ้าวเวยทำตาโตขึ้นเล็กน้อย มันยากที่จะแสดงออกในช่วงเวลาที่งี่เง่าแบบนี้
“เจ้าไม่รู้ตัวจริง ๆหรือ” จู่ ๆกุ่ยเม่ยก็ถอนหายใจออกมา ตบไปยังหน้าผากของกู้อ้าวเวย “ไม่ต้องมาพูดเรื่องรักเรื่องใคร่อะไรแล้ว เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าหลังจากนี้ควรจะทำอย่างไร”
“ข้าเพิ่งจะได้ยินมาระหว่างทางว่านายท่านเห้อกลับมาแล้ว” กู้อ้าวเวยปิดหัวของนาง ไม่พร้อมที่จะโต้ตอบ
“แล้วยังไง”
“ดังนั้นข้าจะเตรียมตามหลังไปชายแดนให้ช้ากว่าสักหนึ่งก้าว สอนทักษะทางการแพทย์ทั้งหมดของข้าให้พวกเขาก่อน แล้วพาศิษย์ของเห้อจิ้นหล่างพวกนั้นไปสนามรบ แน่นอน ว่าไม่ใช่ตอนนี้ แต่เอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน” กู้อ้าวเวยพูดจบ ก็เอากล่องไม้ออกมาจากกระเป๋า ข้างในเก็บใบสั่งยาและวิธีรักษาที่นางเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้
สิ่งเหล่านี้ถูกเตรียมไว้เพื่อจะเขียนเป็นตำราต่อไปในอนาคต แต่เนื่องจากมีความวุ่นวายยุ่งเหยิงมากมาย ตำรานี้จึงไม่สำเร็จได้สักที
คิดแล้วคิดอีก กุ่ยเม่ยบอกว่า “แคว้นเจียงเยี่ยนนั้นมีคนเชี่ยวชาญการใช้พิษจำนวนมาก”
“ใช่แล้ว แคว้นเจียงเยี่ยนเคยหนักแน่นเรื่องกองกำลัง ไม่ค่อยจะชื่นชอบวิทยาการทางการแพทย์ แต่ถ้าเป็นศิลปะการใช้พิษ กลับไม่เลวเลยทีเดียว ใครจะไปรู้ได้ว่าในสนามรบจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็โชคดีที่ท่านแม่เคยสอนศิลปะการใช้พิษให้ข้าตอนอยู่ที่อินโจว ดีกว่าตำราที่ข้าอ่านมาหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านั้นเสียอีก แต่ข้าคนเดียว คงจะจัดการพร้อมกันหลายด้านไม่ได้” กู้อ้าวเวยพยักหน้า มอบกล่องไม้เอาไว้ในมือของกุ่ยเม่ย “เมื่อถึงเวลาเจ้าช่วยนำไปให้นายท่านเห้อด้วย”
“แล้วเจ้าล่ะ” กุ่ยเม่ยกอดกล่องไม้นั่นไว้ เหล่ตามองไปยังนาง ความหมายนั้นคือ ….อย่ามาปกปิดข้า
“ข้าเป็นที่ปรึกษาทางการทหารที่ดีแน่นอน รอให้ข้ากลับจากศาล ตอนนี้มีคนเข้าทดสอบมากเกินไป ข้าก็ไม่สามารถจะรับรองได้ว่าการที่ข้าแอบสอนวิชาการแพทย์นี้จะไม่ถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงต้องรบกวนเจ้าส่งข่าว” กู้อ้าวเวยตบที่ไหล่ของเขา
กุ่ยเม่ยทำปากตกทันที คิดว่าตนเองมีเพื่อนแบบนี้จริง ๆ ก็เลยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องชนะในสนามวันพรุ่งนี้เสียก่อน” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืน ดวงตามีความชัดเจน