บทที่ 455 ฐานะ
รอจนเถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้ยินข่าวคราวรีบร้อนกลับมา กู้อ้าวเวยก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางราศีจับ ทาสรับใช้หลายคนกินข้าวหมดแล้ว ต่อแถวยืนอยู่ข้างกำแพง คนรับใช้เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมก็กำลังทำความสะอาดโต๊ะอยู่
เถ้าแก่ยังไม่ได้พูดอะไร กู้อ้าวเวยก็เอาเงินตบลงบนโต๊ะ หัวเราะอย่างเย็นชาหนึ่งคำ “ซื้อทาสรับใช้พวกนี้ น่าจะพอนะ”
พอเห็นตัวเลขบนกระดาษเงิน เถ้าแก่ใบหน้าแย้มยิ้มขึ้นมาอย่างทันที แต่ในช่วงเวลาสงครามเช่นนี้ไม่กล้ารับปากส่งๆ ได้แต่แอบมองดูนางอยู่ชั่วครู่ แปลกใจ “ใต้เท้าทำไมจึงถูกตาต้องใจทาสรับใช้ที่โรงเตี๊ยมข้า ทาสรับใช้ด้านนอกถูกกว่านี้เยอะเลย…..”
“ทาสรับใช้ด้านนอกแต่ละคนผอมแห้ง ก็ทาสในโรงเตี๊ยมของพวกเจ้าที่แขนยังมีเนื้อหนังอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ซื้อของเจ้าจะซื้อของใครกัน” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืนหัวเราะ มือวางอยู่บนไหล่ของเถ้าแก่ “ข้ายังต้องการหาทาสรับใช้ที่แข็งแรงหน่อย หากเถ้าแก่สามารถหาให้ได้ ก็เอามาซักหลายคนหน่อย ก็จะไม่เลวทีเดียว”
“นี่เจ้าจะทำอะไร…..”
“แน่นอนว่ามาให้ช่วยขนย้ายสิ่งของ ข้ามาแคว้นเจียงเยี่ยนครั้งแรกไม่คุ้นเคยกับสถานที่อยู่แล้ว เดิมทีจะเตรียมการรับสมัครหลายคนมาทำงานหนักหน่อย แต่นับๆ เงินแล้ว ไม่ได้มีค่าเท่ากับทาสรับใช้พวกนี้เลย” กู้อ้าวเวยลูบคางไปมา ฝ่ามือโบกไปมา พูดต่อว่า “เจ้าคนรับใช้เสี่ยวเอ้อนี่ก็ฉลาดเช่นกัน เสนอราคามา ขายให้ข้าด้วยกันเลย”
คนรับใช้เสี่ยวเอ้ออึ้งไปในทันที เถ้าแก่เห็นแรงดึงดูดของเงินที่วางอยู่ตรงหน้า แค่คิดว่ารับเงินมาก่อนแล้วค่อยไปแจ้งให้กองทัพทราบ ก็จะหาโซ่ตรวนนั้นมาได้อย่างเปิดเผย เอาทาสรับใช้พวกนี้ล็อกข้อมือเอาไว้ เข้าแถวอยู่ด้านหลังของนาง คนรับใช้เสี่ยวเอ้อดึงโซ่ตรวนเอาไว้
บนถนนไปๆ มาๆ ไม่แปลกใจเลยกับเรื่องนี้
รอจนคนฝูงหนึ่งมาถึงโรงเตี๊ยม กุ่ยเม่ยที่เพิ่งมาถึงน้ำที่อยู่ในปากพ่นออกมา พวกทาสรับใช้กลับเต็มห้องไปหมด แต่ละคนล้วนมองกู้อ้าวเวยอย่างแปลกใจ
กู้อ้าวเวยส่งกุญแจให้คนรับใช้เสี่ยวเอ้อเปิดล็อกโซ่ตรวนออก ตัวเองกลับพูดกับกุ่ยเม่ยเบาๆ ว่า “ทาสรับใช้พวกนี้สามารถใช้มาทำศึกสงครามได้ เมื่อถึงเวลารวมภายในและภายนอกเข้าด้วยกัน มันจะไม่ดีกว่าหรือ”
“เจ้าก็ไม่กลัวพวกเขาจะมีไส้ศึกหรือ” กุ่ยเม่ยรีบดึงนางข้ามมา มองดูหนึ่งในนั้นที่อายุเยอะสุดกำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง ค่อยๆ เหลือบตาขึ้น เด็กคนนั้นก็หลบสายตาแทบไม่ทัน
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อหันหน้ามา “ท่านจะให้พวกเราทำอะไรกันแน่”
“ในครอบครัวของพวกเจ้ายังมีคนในครอบครัวเป็นทาสรับใช้อีกหรือ” กู้อ้าวเวยดึงให้กุ่ยเม่ยนั่งลง
มีทาสรับใช้ไม่น้อยที่พยักหน้า หลับมีสองสามคนที่อายุน้อยเปิดปาก “พูดไม่ได้ พี่ชายของข้าอยู่ในค่ายทหาร หากรู้ว่าข้าพูดเรื่องในครอบครัว พี่ข้าก็จะไม่ได้อยู่ในกองทัพอีกต่อไป”
คำพูดเพิ่งจะพูดออกไป กู้อ้าวเวยก็เอาถ้วยในมือกระแทกลงบนโต๊ะ “นี่มันพี่ชายอะไรเนี่ย หากเขาเป็นพี่ชายเจ้าจริงๆ เข้ามาในกองทัพแล้วก็ให้พวกเจ้าคลานอยู่บนพื้นเช็ดรองเท้าให้คนอื่นหรือ”
ทาสรับใช้หลายคนแววตาดูหม่นหมองไปหมด ไม่กล้าพูด คนที่อายุมากที่สุดเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “เจ้ารู้อะไร พวกเรากับพี่น้องของพวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พวกเราได้รับความลำบาก เขาก็……”
“ทาสรับใช้ของแคว้นเจียงเยี่ยนเป็นเช่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว กลับไม่มีคนคัดค้านแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ไม่ใช่พี่น้องของพวกเจ้าที่ไม่สนใจคนในครอบครัว แค่เอาตัวเองรอด ข้าเคยอ่านประวัติศาสตร์ของแคว้นเจียงเยี่ยน ทำไมในปากที่พวกเจ้าเรียกว่าพี่ชาย บรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่มีคนไหนยอมพูดสักประโยคหนึ่งในท้องพระโรงเลยหรือ” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งจับทาสสาวมาไว้ข้างกาย ลากข้อมือของนางมาถึงด้านหน้าของเขา “พวกเจ้าเป็นทหารยอมเสี่ยงตายอย่างยากลำบาก พี่น้องของพวกเจ้ากลับเหยียบย่ำซากศพของเจ้าขึ้นไปอยู่ในที่สูง แล้วก็ยังไปปอกลอกคนอีกรุ่นหนึ่งของพวกเจ้าอีก นี่หรือที่เรียกว่าคนในครอบครัว”
พวกทาสรับใช้ล้วนนิ่งเงียบกันไป ไหล่ของคนวัยเยาว์ที่ควรมีก็ห่อลงมา “แต่ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาหลายร้อยปีแล้ว พวกเราเป็นเพียงทาสรับใช้……”
“ก่อนเป็นทาสรับใช้ เจ้าเป็นคนมาก่อน” กู้อ้าวเวยพูดอยู่ ควักขวดยาสองสามขวดออกมาจากในกระเป๋า อีกครู่หนึ่งเอาโยนใส่ในมือของคนรับใช้เสี่ยวเอ้อ “จัดการบาดแผลบนตัวของพวกเขาให้เรียบร้อย แล้วก็ค่อยให้ทีละคนมาให้ข้าจับชีพจร คืนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าจากไปจากที่นี่เอง วันข้างหน้าข้ายังต้องการให้พวกเจ้าทำอะไรให้บางอย่าง”
หลายคนเกือบล้วนตกใจกับคำพูดที่รวดเร็วและอารมณ์ฉุนเฉียวของกู้อ้าวเวย กุ่ยเม่ยก็นานมากแล้วไม่ได้เห็นคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แค่รีบเรียกทาสสาวสองคนนั้นที่ถูกทำให้ตกใจกลัวอยู่มาข้างกาย ปอกส้มให้พวกนางกิน พลางถามกู้อ้าวเวยว่า “เจ้าจะพาพวกเขาไปจริงๆ หรือ”
“พวกเจ้าพา ถึงเวลาข้าจะไปหลอกล่อคน” กู้อ้าวเวยก็หยิบเอาส้มกลีบหนึ่งมา หลังจากจับชีพจรแล้วก็เอายัดเข้าปากคนคนนั้น ยังไม่ลืมที่จะพูดว่า “ดูร่างกายสารรูปของพวกเจ้าช่างอ่อนแอนัก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อายุสี่สิบปีก็อยู่ไม่ถึงหรอก”
พวกทาสรับใช้ถูกคำพูดเหล่านั้นอึ้งไปเลย
ถึงตอนค่ำ ผิงชวนก็กลับมา ถูกทาสรับใช้ที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นทำให้ตกใจก่อน หลังจากนั้นก็นั่งลงมาหารือกับกุ่ยเม่ยเรื่องของยู่จูและแม่นางอีกคนหนึ่ง และพูดเบาๆ ว่า “นางชอบติดตามเจ้านาย ชอบการเลือกคน”
กู้อ้าวเวยตอนนี้กำลังอยู่ด้านหลังม่านบังตาเช็ดไม้เช็ดมือของสองสามคนให้สะอาด
“ไม่เคยมีนายคนไหนดีกับพวกเรามากเช่นนี้” เด็กน้อยพูดเสียงเบาๆ ตาก็แดงไปทั้งวง “ทุกวันข้าหนาวมาก แล้วก็ไม่มีน้ำร้อนด้วย”
กู้อ้าวเวยตบหน้าผากของนางเบาๆ “เจ้าเด็กโง่ วันหลังหนาวหรือเจ็บเจ้าต้องบอก”
“อืม” เด็กน้อยหน้าแดงไปทั้งหน้า
ผิงชวนส่ายหัวอย่างไร้อารมณ์ ตบไหล่ของกุ่ยเม่ย “จุดนี้ก็ตามนาย วันข้างหน้าเกรงว่ามีคนไม่น้อยที่มาพัวพันอีก”
“เด็กผู้หญิงก็นับหรือ” กุ่ยเม่ยแปลกใจ
ผิงชวนกลับพยักหน้าอย่างจริงจัง รอจนกู้อ้าวเวยจัดการเรื่องที่มีอยู่ในมือให้เสร็จเสียก่อน ก็ไปเปิดห้องพักที่เถ้าแก่เนี๊ยตรงนั้น หลายคนจึงนับว่าได้หารือกันเรื่องที่เป็นทางการเสียที
“หากทาสรับใช้เหล่านี้ยินยอมที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้น พวกเราก็มีโอกาสแล้ว” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเบาๆ เขียนถึงแผนการของตนเองอย่างละเอียดลงไปตั้งนานแล้วก็ส่งมอบให้กุ่ยเม่ย “บัดนี้ยู่จูถูกส่งกลับไปแล้ว แต่เรื่องที่วันนี้ข้าซื้อทาสรับใช้นั้นทำให้กองทัพตกใจได้ ถึงเวลาข้าจะทำเป็นคนที่ขายอาวุธไปเจรจากับพวกเขา แล้วค่อยเอายู่จูกับหญิงสาวผู้นั้น……”
“หญิงสาวผู้นั้นกลัวว่าจะเปิดโปง ฆ่าตัวตายไปแล้ว” กุ่ยเม่ยเปิดปากพูดทันที
คำพูดของกู้อ้าวเวยติดอยู่ในลำคออย่างนั้นไม่ขึ้นไม่ลง นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ พูดต่อว่า “งั้นข้าก็จะเอายู่จูมาไว้ข้างกาย ข้ายังต้องอยู่ที่นี่สักช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงเวลาหากอาวุธส่งมาจริงๆ ข้าก็จะได้หยิบฉวยจำนวนหนึ่งไว้ให้พวกทาสรับใช้เหล่านี้ ดังนั้นข้าจะไม่จากไปไหนชั่วคราว”
“นี่อันตรายเกินไป นี่ไม่เหมือนกับที่พูดไว้เมื่อก่อนเลย” ผิงชวนปฏิเสธเป็นคนแรก “หากถึงเวลาองค์ชายสามยึดป้อมสองแห่งนั้นได้ ถ้าเช่นนั้นที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่ของทหาร หากเจ้าเป็นพ่อค้าอาวุธ แน่นอนว่าจะต้องถูกพวกเขาจับตาอยู่อย่างไม่คาดสายตา หากเกิดโดนจับได้……”
“ไม่โดนจับได้หรอก เบื้องหลังของข้ายังมีนายอีกคนหนึ่ง” กู้อ้าวเวยคิดไปคิดมา “ข้าเคยคิด ถึงเวลาถ้าไม่ได้จริงๆ ก็บอกว่าข้าเป็นลูกสาวของฮ่องเต้แคว้นเอ่อตาน พ่อที่แท้จริงคนนี้จำเป็นก็ต้องใช้”
นิ่งเงียบเป็นระยะเวลานาน
ผิงชวนหายใจลึกๆ ไปสองครั้ง จึงกัดฟันพูดว่า “นายท่านจะต้องจัดการเจ้าแน่นอน”
“งั้นข้าก็ไปแคว้นเอ่อตานหาพ่อที่แท้จริงของข้า” กู้อ้าวเวยก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างปากแข็งว่า “ข้าก็เป็นแค่หญิงสาวที่มีจิตใจเมตตา ทนดูพวกทาสรับใช้ได้รับความลำบากไม่ได้”