บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 467

ตอนที่ 467

บทที่467 ทำตามใจอย่างบุ่มบ่าม

แคว้นเจียงเยี่ยนเมืองชายแดน

นี่คือคูเมืองที่ถูกทิ้งไว้นานแล้ว แต่ก่อนเคยมีโรคระบาดกวาดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเมืองไป ซึ่งแคว้นเจียงเยี่ยนในตอนนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ฮ่องเต้จึงรับผิดชอบอันตรายจากการโค่นล้มโดยการปิดเมืองนี้

จนกระทั่ง100ปีก่อน เมืองชายแดนที่ไม่มีชื่อแห่งนี้สามารถกลับมาตั้งถิ่นฐานได้อีกครั้ง

ปัจจุบันนี้ที่หลังจาก100ปี ที่นี่ก็ยังคงมีคนไม่มากนัก แต่เหล่าทหารของแคว้นเจียงเยี่ยนเพราะถูกซ่านจินจื๋อยึดคูเมืองจึงจำเป็นต้องถอยมาที่เดิม กำลังทหารกว่าสองหมื่นนายรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ด่านที่อยู่นอกเมือง50ไมล์คือแนวรบสุดท้ายที่ได้ลูกชายสองสามคนของอ้ายหยินรักษาการณ์อยู่

กู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยเข้าเมืองด้วยมือเปล่า ตอนที่ก้าวเข้ามาในดินแดนนี้กู้อ้าวเวยก็ได้กลิ่นแรงของยา แทบจะทุกใต้ชายคาจะแขวนเส้นยาวที่มีลักษณะเหมือนไม้เลื้อย

สิ่งนี้แน่นอนว่าสามารถป้องกันโรคระบาดได้ แล้วก็ยังเป็นกฎที่เหลือทิ้งไว้โดยคนที่ตั้งถิ่นฐานที่นี่ในสมัยนั้น

หาที่พักที่ลับตาคนเพื่อลงหลักปักฐาน กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงเลยว่าการเข้าเมืองในช่วงเวลาสงครามจะง่ายเช่นนี้ ยังไม่ทันได้กินข้าวเสร็จก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าที่ปากประตูแขกที่อยู่ จู่ๆก็นั่งยืดตรงจัดเสื้อผ้าราวกับอยู่ในตอนเริ่มต้น คนพวกนี้ก็คืออยู่ในฐานะทหารที่กำลังปกป้องหน้าที่

คนที่เดินเข้ามาก็คือล่ายเสวียน แต่ครั้งนี้อัครเสนาบดีข้างกายเขายิ้มกริ่มต่างออกไป

กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วมองเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “อะไรนะ? บีบบังคับให้จูเอ๋อตายวันนี้ยังคิดจะมาลงมือกับข้ารึ?”

“พูดอะไรเช่นนั้น”อัครเสนาบดีข้างกายล่ายเสวียนกล่าวออกมาก่อนส่วนล่ายเสวียนกลับทำท่าทางไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้มีการห้ามปรามอะไร คนนั้นก็เดินขึ้นมาข้างหน้า “เมื่อฝ่าบาทมาเจรจาร่วมมือกับแคว้นเจียงเยี่ยนแน่นอนว่าต้องไม่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม”

“ตอนนี้ในช่วงสงครามพวกท่านเหมือนชางหลานที่อยากสร้างความสัมพันธ์กับข้า”กู้อ้าวเวยเหมือนจะเห็นความดีอกดีใจในสายตาคนผู้นั้นก็หดตัวไปข้างกายกุ่ยเม่ยด้วยสายตาเฉียบแหลม “เมื่อเทียบกับพวกท่านแล้ว ข้ายิ่งพิจารณาชางหลานมากที่นั่นไม่มีทาสเยอะเช่นนี้

เมื่อพูดถึงตรงนี้ กุ่ยเม่ยก็เอาตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยแขนก็ดึงกู้อ้าวเวยให้เข้ามาเขตของตนเองแต่มืออีกข้างก็เอาถ้วยช้าเมื่อกี้นี้วางลงแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นท่าทางที่สบายใจและไม่สนใจอะไร

องครักษ์ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพียงแต่วางจดหมายฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะแล้วดันมาข้างหน้า

กู้อ้าวเวยมองตราประทับของแคว้นเอ่อตานที่มุมจดหมายด้วยความประหลาดใจจึงเปิดออกดูแล้วก็ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆลงพื้น “นี่มันไร้สาระอะไรกัน! ข้าไม่ใช่ผู้หญิงแล้วก็ไม่ใช่เจ้าหญิงแค้วนเอ่อตานที่เป็นสิ่งก่อกวนอะไรนั่น ข้ามาที่นี่ทำธุรกิจที่เป็นการขัดขวางเขาอย่างไรหล่ะ!”

กุ่ยเม่ยมองดูอักษรด้านบนอย่างชัดๆก็เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าฮ่องเต้แคว้นเอ่อตานส่งจดหมายมาเอง

กู้อ้าวเวยแสร้งทำเป็นโกรธเช่นนี้แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจ

ท่านนั้นที่เป็นบิดาแท้ๆของฮ่องเต้ คงไม่กลัวนางใช้ตัวตนนี้ทำเรื่องไม่ดีหรอกมั้ง? ราวกับรู้สิ่งที่นางจะทำจึงเขียนจดหมายมาด้วยตนเอง

ทางด้านนี้โกรธกุ่ยเม่ยก็ถึงดึงเอาไว้ “ห้ามทะเลาะวิวาท”

“จะไม่ทะเลาะได้อย่างไร! การมาครั้งนี้ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แคว้นเจียงเยี่ยนนี้เพิ่งแพ้ข้าก็ไม่ควรมาที่นี่ เจรจาธุรกิจดีๆกับคนชางหลานที่ฉลาดหลักแหลมไม่ดีรึ!” พูดจบ กู้อ้าวเวยก็เหวี่ยงถุงสัมภาระขึ้นหลังทำท่าจะจากไป

กุ่ยเม่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องก้าวตามไป

ก่อนจะออกจากประตูทั้งคู่มองตานิ้วมือก็แตะกันเบาๆ กู้อ้าวเวยก็แสร้งสะดุดล้มธรณีประตู กุ่ยเม่ยก็รีบจับนางเอาไว้ การเคลื่อนไหวที่รีบร้อนแต่ก็ถือว่าอ่อนโยนก็ทำให้ล่ายเสวียนที่อยู่ด้านหลังมีปฏิกริยาโต้ตอบยกมือขึ้นมาจับนางไว้ “ด้านนอกอันตราย ที่จริงไม่ควรให้ท่านออกไปตามใจชอบไม่งั้นแคว้นเจียงเยี่ยนของข้าก็ยากที่จะมอบงานกับแคว้นเอ่อตาน

ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นสายเลือดเพียงผู้เดียวของฮ่องเต้แคว้นเอ่อตาน!

แม้ว่าสายเลือดของฮ่องเต้แคว้นเอ่อตานเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่คนที่เชื่อก็มีจำนวนไม่น้อย ตอนนี้แม้แคว้นเอ่อตานจะมีรัชทายาทแต่ถ้ามีสายเลือดที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่บนโลก ตำแหน่งการเปลี่ยนแปลงของรัชทายาทนี้ก็จะเป็นแค่เรื่องของการคาดเดา

ถ้าสามารถเอาเจ้าหญิงองค์นี้ไปได้จริง วันหลังตำแหน่งก็จะขึ้นพรวดพราด

“พูดมาเช่นนี้ ข้าก็ไปไหนไม่ได้ใช่หรือไม่?” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเย้ยหยัน ยังไม่ทันได้ก้าวองครักษ์นั่นก็สั่งเสียงดัง คนที่อยู่ด้านนอกก็มากุมเธอไว้แน่น

“แม่ทัพอ้ายหยินอยากพบท่าน”ล่ายเสวียนทำท่าเชิญ

กู้อ้าวเวยเม้มปาก เพียงดึงๆผ้าพันคอที่อยู่บนหน้าขึ้นแล้วก็เดินตามล่ายเสวียนไปข้างหน้าในสายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ด้านกุ่ยเม่ยก็แสร้งทำเป็นยืนข้างนางอย่างจนปัญญาแล้วก็พูดกับนางเบาๆ สิ่งที่พูดส่วนมากก็เป็นคำพูดที่บอกให้นางใจเย็น เรื่องแท้จริงยังไม่ทันได้ยินเลย

ฮ่องเต้แคว้นเอ่อตานตอนนี้แม้แต่สายเลือดผู้เดียวของตนเองยังส่งมาเลย ผลสุดท้ายคือเป็นองค์หญิงปลอมหรือว่าแคว้นเอ่อตานคิดอยากจะร่วมมือกับแคว้นเจียงเยี่ยนจริงๆ?

ตลอดทางที่เดินนี้ ล่ายเสวียนก็ยังคิดไม่ชัดเจน คนนี้ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตนเองเหมือนลูกสาวคนโตที่ล้ำค่าแต่ถ้านี่เป็นเพียงแค่การอำพราง ความเป็นจริงได้เจรจาเงื่อนไขกับชางหลานแล้ว สายเลือดนี้ก็ไม่ได้จริง แล้วควรจะพูดเช่นไรดี?

เมื่อเข้าสู่ลานบ้าน สิ่งที่สะดุดตาก็คือเหล่าทาสที่น่าเอ็นดูตรงประตูทางเดิน

ล่ายเสวียนเดินไปสองก้าวก็เหลือบไปเห็นองค์หญิงแคว้นเอ่อตานที่แต่งตัวเป็นคนทะเลทรายผู้นั้นยังไม่เดินมาจึงหันกลับไปมองก็เห็นคนนั้นจับมือสาวใช้ไว้เบาๆแล้วก็ก้มตัวไป “สองสามวันนี้ฝนตกเยอะเจ้าสวมเสื้อผ้าแค่นี้ต้องหนาวแย่”

เมื่อสิ้นเสียง สาวใช้ผู้นั้นก็กะพริบตาปริบๆ ผ้าคลุมที่อยู่บนไหล่ของกู้อ้าวเวยก็เอาไปห่อนางไว้แน่น ผมที่งอเล็กน้อยก็ถูกลูบ คนนั้นจึงเดินตามล่ายเสวียนไป

“นั่นก็เป็นเพียงแค่ทาส”องครักษ์พูดอย่างไม่เห็นด้วยเหมือนหยิบผ้ามาก็ต้องส่งต่อ

“พวกนั้นก็เป็นชั่วโคตรที่ถูกเจ้าตัดขา ถ้าเจ้าไม่อยากถูกข้าตัดขาสองข้างหล่ะก็วันหลังคำพูดต่ำๆเช่นนี้ก็ไม่ต้องอ้างถึงสิ่งที่ข้าจะทำ

กู้อ้าวเวยเหลือบมองเขานิ่งๆตกใจจนองครักษ์ที่อยู่ในสนามรบยกทัพไปปราบศึกยังตะลึงเล็กน้อย

ผ้านี้ สุดท้ายก็ส่งไม่ไป

เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ ครั้งนี้กู้อ้าวเวยถึงเพิ่งมองอ้ายหยินที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างล้วนเป็นทหารของแคว้นเจียงเยี่ยน แต่เมื่อเทียบกับท่าทางที่ไม่พอใจเล็กน้อยของกู้อ้าวเวยคนอื่นๆก็ดูพยายามอดกลั้น

อ้ายหยินไอเบาๆยังไม่ทันได้ยืนขึ้นกู้อ้าวเวยก็นั่งลงเองยกมือขึ้นเบาๆ สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกก็มองอ้ายหยินอย่างเข้าใจ เมื่อเห็นอ้ายหยินพยักหน้าถึงจะรีบไปเติมน้ำชา

“ฝ่าบาทองค์หญิง ข้า…..”

“มีเรื่องอะไรก็พูดมา ให้ผู้ชายป่าเถื่อนกลุ่มใหญ่มายืนเรียงแถวเช่นนี้จะให้ข้ายอมจำนนรึไง!” กู้อ้าวเวยตบโต๊ะ ตัดบทอ้ายหยินด้วยความโกรธทำให้ทหารสองสามคนตกใจขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงเลยว่าพลังอำนาจจะถูกกดไป

“ดูจากเช่นนี้ ท่านคงเป็นสายเลือดของฝ่าบาทเอ่อตานจริงๆ”อ้ายหยินยิ้มขึ้นมาเบาๆเหมือนกำลังมองหน้าตาเธออยู่ ตลอดทางที่มานางไม่ได้ใส่หน้ากากเพียงแค่ใช้ผ้าคลุมและผ้าพันคอปิดไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีผ้าคลุมและผ้าพันคอนี้ก็ปิดได้ไม่เยอะ

กู้อ้าวเวยเป็นหญิงที่หยิ่งผยองมานานนับสิบกว่าปี ตอนนี้ช้อนสายตาขึ้นมาปลายนิ้วก็ยกขึ้นเล็กน้อยมาแตะที่คางของตนเองแล้วพูดด้วยเสียงเย็นว่า “ข้าใช่หรือไม่ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่แม่ทัพอ้ายหยินผู้มีประสบการณ์พูดบ้าง?”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท