บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 482

ตอนที่ 482

บทที่ 482 พบว่ายังไม่ตาย

ในยามปกกติท่านแม่แทบจะดูทิศทางลมจากนางทั้งนั้น ต่อให้เป็นเรื่องน่าตำหนิก็ไม่พูดถ้อยคำรุนแรงอะไร

ทว่านับตั้งแต่คราวก่อนทั้งสองคนพบกันที่เจียงเยี่ยน นางก็ต้องเปลี่ยนมุมมองต่อท่านแม่ผู้นี้ใหม่ หยุนหว่านไม่ได้กลัวการพบเจอฉูหลี่เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ไม่สมัครใจเท่านั้น แต่ถ้าหากเผชิญหน้ากับลูกสาวอย่างไม่ลงรอยแล้ว กลัวว่าคงจะพานางกลับไปอบรมเป็นอย่างดีสักตั้งจริง ๆ แล้ว นางสองคนเป็นคนละรุ่นกัน สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือการมีคนมาอบรมตัวเอง ในการเรียนหนังสือตามปกติพอเห็นอาจารย์ก็อึดอัดแล้ว นับประสาอะไรจะเป็นท่านแม่!

“อีกอย่าง แม้แต่กุ่ยเม่ยยังถูกฮูหยินหิ้วหูสั่งสอนไปตั้งสองชั่วยามเชียว” หยินเชี่ยวลอบเอ่ยประโยคนี้อีกครา

กู้อ้าวเวยวางชามตะเกียบทั้งหมดลงอย่างใจเย็น กล่าวอย่างจนปัญญา “เหตุใดเจ้าเองก็ไม่ช่วยข้าพูดสักประโยคเลย?”

“ข้าพูดแล้ว ข้ายังให้ฉีหลินช่วยห้ามช่วยถ่วงเอาไว้ด้วย แต่ท่านเองน่ะไม่รู้หรอกว่าฮูหยินเก่งกาจมากเพียงใด ฉีหลินแค่พูดประโยคเดียวว่าท่านมีความคิดเห็นของตัวเอง หลังจากกนั้นก็ถูกฮูหยินถือดาบไล่ออกกมาทันที หากไม่ใช่กุ่ยเม่ยมาขวางไว้ พวกเราสองคนอาจจะตายตามกันไปแล้วเชียว” หยินเชี่ยวกอดแขนพลางลูบไล้ หวนคิดขึ้นมาแล้วก็มีความรู้สึกนึกหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย

กู้อ้าวเวยเองกก็กลัวเหมือนกัน ที่แท้ท่านแม่โกรธเข้าก็พร้อมจะถือดาบฆ่าคนได้เชียว!

ส่วนฉูหลี่กลับรู้สึกว่าแปลก ๆ ถึงตรงนี้ยังอดเอ่ยถามหนึ่งประโยคไม่ได้ “เป็นแม่บุญธรรมของเจ้ารึ ฟังดูแล้วยังรู้สึกว่าใส่ใจเจ้าอยู่ไม่น้อยเลย”

ไม่เอ่ยถึงคงจะดีกว่า พอปริปากเช่นนี้ หยินเชี่ยวก็มองไปทางเขา แทบไม่รอให้กู้อ้าวเวยเอ่ยปากห้ามปราม ก็อ้าปากเอ่ยคำทันใด “นั่นเป็นถึงท่านแม่แท้ ๆ ของคุณหนูเชียว ในยามปกติอุปนิสัยอ่อนโยนยิ่งแล้ว ครั้งนี้ก็โดนคุณหนูทำให้เคืองต่างหาก”

“เพล้ง…”

โต๊ะเบื้องหน้าแทบจะถูกตบจนแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉีหรัวและหยินเชี่ยวต่างนิ่งอึ้งอยู่กับที่ยังไม่ทันตอบสนองกลับมา

กู้อ้าวเวยตกใจสะดุ้งโหยงแต่กลับรีบหยัดตัวลุกขึ้นโดยพลัน เดินไปยังข้างกายของฉูหลี่พลางกอดท่อนแขนของเขาเอาไว้ “เรื่องนี้ข้าต้องกล่าวโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว”

“นางอยู่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือ?” ในใจฉูหลี่นั้นโกรธเคือง ทว่าดวงตาสองคู่กลับเรื่อแดงขึ้นมา กำข้อมือของกู้อ้าวเวยแน่นหนาอย่างเอาเป็นเอาตาย

ฉีหรีวกลับเข้าใจโดยพลันว่าบุคคลตรงหน้านี้คือใคร อาศัยช่องโหว่ที่กู้อ้าวเวยคว้าฉูหลี่เอาไว้ รีบพาหยินเชี่ยวที่ยังสับสนงงงวยอยู่วิ่งลงไปด้านล่างทันที มิหนำซ้ำยังยัดเงินให้เถ้าแก่โดยตรงอีกด้วย “เงินค่าโต๊ะด้านบน มีการเคลื่อนไหวอะไรก็อย่าได้ขึ้นไปรบกวนเชียว”

ผู้ดูแลร้านรับปากหนึ่งที ทางด้านนี้หยินเชี่ยวกลับประหลาดใจ “คนผู้นั้นเก่งกาจยิ่งนัก แต่ทำไมพวกเราต้อง…”

“คนผู้นั้นกลัวแต่ว่าเป็นบิดาแท้ ๆ ของนาง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเอ่อตานผู้นี้ อย่างไรก็ไม่ใช่คนที่เจ้ากับข้าจะยั่วโมโหได้ อยู่ห่าง ๆ ไว้จะดีกว่า” ฉีหรัวรีบลากถูนางอย่างรวดเร็ว รู้สึกเพียงแต่ว่าน้องสะใภ้คนนี้ช่างถูกน้องชายตามใจจนทึ่มไปแล้วจริง ๆ

หยินเชี่ยวลูบกระหม่อมพลางตอบสนองกลับมา ดึงฉีหรัวแล้ววิ่งไปเร็วกว่าเดิมเสียอีก

ส่วนด้านในห้อง กู้อ้าวเวยทำให้ฉูหลี่นั่งลงมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย เกร็งหนังศีรษะบอกเล่าเรื่องราวที่ตนได้พบเจอกับท่านแม่ก่อนหน้านี้ทีละข้อ ข้าวยังไม่ทันได้กินถึงสองคำ โต๊ะตรงหน้าก็ขาดเป็นสองท่อนโดยสมบูรณ์แล้ว สำรับอาหารหกกกระตายลงเต็มพื้น

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้” ฉูหลี่ร้องตำหนิลูกสาว

กู้อ้าวเวยไม่กล้าพูดอะไร ในตอนนี้ไหนเลยจะพูดได้ว่าท่านแม่ไม่เต็มใจจะพบเขา ตนเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุเหมือนกัน ทำได้เพียงก้มหน้างุด เอ่ยเสียงแผ่ว “เดิมข้าอย่างจะให้ค่อยเป็นค่อยไป ก่อนหน้านี้ข้ามอบห่อสัมภาระชิ้นนั้นให้ท่าน ในความเป็นจริงแล้วคือการส่งจดหมายให้กับท่านปู่ ให้เขามาเป็นผู้สร้างสันติ รอกระทั่งข้าจัดการปัญหาในมือก่อนค่อยให้พวกท่าน…”

รู้ว่าลูกสาวเคยคิดวางแผนให้ตัวเอง อารมณ์ของฉูหลี่ก็ค่อย ๆ จางลงไปบ้างแล้ว ทำเพียงกุมขมับเอ่ยเสียงเข้ม “พาข้าไปพบนาง ตั้งหลายปีมานี้…”

ถ้อยคำด้านหลังยังไม่ทันเอ่ยออกมา ตัวฉูหลี่เองกลับเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมา จึงก้มหน้าต่ำอย่างเคร่งขรึม “ช่างเถิด เรื่องนี้อย่างไรก็มอบให้เจ้าจัดการเองเถิด หากว่าข้าเข้าไปเองละก็ กลัวว่านางคงจะหนีไปอีก”

กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจเลยสักนิด เห็นเพียงแต่ฉูหลี่มีท่าทางราบเรียบปวดใจ ค่อย ๆ อ้อมมาเบื้องหน้าของเขาอย่างระวัง นั่งยอง ๆ ลงบนพื้น มือข้างหนึ่งวางลงบนหัวเข่าของเขา พลางกล่าวเสียงแผ่ว “เรื่องก่อนเก่านั้นคงจะแก้ไขได้เสมอนั่นแหละ หากท่านยังคงเป็นห่วงละก็ ข้าจะพักอยู่ที่นี่อีกสักระยะ รอกระทั่งท่านแม่ไม่กังวลใจกับข้าแล้ว ท่านค่อยมาพบนางดีหรือไม่”

“ข้าคงไม่อาจให้เจ้าอยู่ในเมืองเพียงลำพังได้หรอก มันไม่ปลอดภัยยิ่งนัก” ฉูหลี่ฉุดนางขึ้นมาเบา ๆ “นับประสาอะไรเมื่อครู่ข้ายังได้ยินว่าเจ้าจะสานสัมพันธ์ครั้งก่อนเก่ากับอ๋องจิ้งคนนั้น ย่อมต้องดูแลเจ้าให้ดีแทนแม่ของเจ้าอยู่แล้ว ไม่อาจปล่อยให้เจ้าไปทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว”

“แต่นี่เป็นสิ่งที่ข้ารับปากกับเขา” กู้อ้าวเวยเองก็แสนอึดอัด “อีกอย่างพักนี้ข้าเองก็คงไม่ได้หรอก”

“ในเมื่อพ่อแม่เจ้าก็อยู่ครบ แต่ไม่อาจควบคุมให้เจ้าทำร้ายตัวเองได้ ข้าไม่ขอร้องให้เจ้ายุติธรรมกับผู้คนแบบเจ้าให้ข้าข้าคืนเจ้า แค่อยากให้ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าสงบร่มเย็น ไม่ต้องสนใจว่าอ๋องจิ้งคนนั้นจะเป็นอย่างไร” ฉูหลี่ฉุดนางเอาไว้ เหลือบมองอาหารทั้งโต๊ะนี้ที่ร่วงเกลื่อนเต็มพื้น ในใจก็เริ่มละอาย “เมื่อครู่เป็นข้าเองที่…”

“ทุกอย่างล้วนอยู่ในหลักเหตุผล นางปิดบังท่าน และก็เป็นความผิดของข้าเอง” กู้อ้าวเวยรีบร้อนเอ่ยปาก “แต่ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากท่านกล้าทำไม่ดีกับท่านแม่แม้เพียงครึ่งเสี้ยว วันหน้าข้าเองก็ไว้ปล่อยท่านไว้แน่”

“เจ้าลูกคนนี้นี่…” คราวนี้หัวใจทั้งดวงของฉูหลี่ถึงนับว่าถูกเติมเต็ม

ตลอดระยะทางเดินไปยังราชวัง กู้อ้าวเวยล้วนมองทางเขาอย่างระมัดระวัง หัวไหล่สองพ่อลูกถูไถกัน คราวนี้เริ่มจะมีกลิ่นไอความผูกพันบ้างแล้ว

อาจเพราะความใจเย็นของกู้อ้าวเวยมักจะแพร่สู่ผู้คนได้เสมอ ตอนที่เข้าสู่ราชวังนำเรื่องดังกล่าวไปบอกเล่าแก่ฉูห้าวนั้น ฉูหลี่ได้มีท่าทีสงบนิ่งมาตลอดทางแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ เขาฉุดรั้งกู้อ้าวเวยที่หมายจะออกไปเอาไว้โดยตรง และเอ่ยปากพูดกับฉูห้าว “วันพรุ่งนี้หากเจ้าจะเคลื่อนพลไปชายแดนละก็ ต้องพานางไปด้วย ให้นางได้พบนางกับท่านแม่โดยเร็ววันเสียหน่อย”

“ได้ เช่นนั้นเรื่องราวในราชวังนี้ก็มอบให้ท่านลุงแล้ว” ฉูห้าวยิ้มพลางตอบรับคำ

กู้อ้าวเวยมองไปทางเขาอย่างพิศวง “ท่านไม่อยากไปพบหน้ากับท่านแม่สักครั้ง?”

“ข้ารู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ก็เพียงพอแล้ว รอให้นางคลายปมในใจเสียก่อน ข้าย่อมต้องรีบไปหาอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว” ฉูหลี่ลูบกระหม่อมของนาง หมายจะสาวเท้าเดินออกไป ชายเสื้อกลับถูกกู้อ้าวเวยรั้งเอาไว้

นางไม่ถนัดเรื่องการสื่อสารในเครือญาติ เวลานี้กลับสามารถมองออกถึงความยุ่งเหยิงและสิ้นหวังของฉูหลี่ได้ ทำเพียงปลดจี้หยกประตูซุ้มที่หยุนหว่านเคยมอบให้กับตนลงมา ยื่นใส่ในมือของเขา “นำป้ายชิ้นนี้ไปที่ทิงเฟิงโหล ก็จะสามารถหาท่านแม่พบ ช่างฝีมือมากความสามารถในชางหลานมีมากมายเลย จะทำเครื่องหยกหนึ่งชุดให้ท่านกับท่านนั้นนั้นก็สามารถทำได้เลย”

ฉูหลี่นิ่งงันอยู่กับที่ ในมือมีหยกพกประตูโค้งวางอยู่ ก่อนค่อย ๆ กระตุกมุมปากขึ้นเบา ๆ

กู้อ้าวเวยชักมือกลับมาอย่างระวัง กล่าวกลั้วหัวเราะเบา ๆ “พวกท่านทั้งสองไม่เคยลืมเลือนอีกฝ่ายตั้งแต่แรกจนตอนสุดท้าย ถึงไม่รู้ว่าความเข้าใจผิดในปีนั้นอยู่ตรงไหน แต่ต้องมีสักวันหนึ่งที่เมฆคลายตะวันทอแสง รอให้นางคลายปมในใจได้นั้น คงไม่สู้ให้ตัวท่านเองไปแก้ปมให้นาง”

กล่าวถึงตรงนี้ กู้อ้าเวยยิ่งมองไปทางเขาอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย

ฉูห้าวที่อยู่ด้านข้างกลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่านลุงที่แสนสง่างามก็มีท่าทีอลหม่านปานนี้ เห็นกู้อ้าวเวยกะพริบตาปรบ ๆ ให้กับตน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา “พูดได้มีเหตุผลทีเดียว อีกอย่างขาสองข้างของพี่สาวก็ไม่ค่อยดี หากว่าท่านลุงไม่ตามไปละก็ กลัวว่าพี่สาวจะฉวยโอกาสตอนที่พวกท่านไม่อยู่ เอนกระหม่อมเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกน่ะสิ…”

“เจ้ากล้า!?” จากนั้นสีหน้าของฉูหลี่ก็พังครืนลง “ข้าจะไปพบนางพร้อมกับเจ้า”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท