บทที่ 488 องค์หญิงเอ่อตา
พอออกจากวังหลวง จูเซที่อยู่ด้านข้างได้มีเหงื่อเย็นท่วมกายตั้งนานแล้ว
ขณะเดียวกันจูเย่นก็ระวังรอบคอบ กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้กู้อ้าวเวยแม้แต่เผชิญหน้ากับฮ่องเต้ก็ยังไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด กระทั่งสงบเยือกเย็น
“พวกเจ้าสองคนรีบออกไปโดยเร็วเสีย ไปพึ่งใบบุญหยินเชี่ยว เทียนเหยียนอยู่นานไม่ได้ เลี่ยงไม่ให้ซูพ่านเอ๋อทำเรื่องชั่วร้ายอีก”
กู้อ้าวเวยเสียงเอ่ยแผ่วเบากับพวกเขา กงกงที่อยู่ข้าง ๆ ชี้ทางให้ทั้งสองอย่างรู้งาน
ก่อนหน้าที่จะจากไป จูเย่นกลับชะงักฝีเท้า มองที่นาง “เมื่อครู่ท่านบอกว่า พวกเราเป็นคนตระกูลของท่าน?”
“แต่เดิมตระกูลหยุนของพวกเราและตระกูลจูของพวกเจ้าก็เป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณมากมายสำหรับการสนับสนุนซึ่งกันและกัน อนาคตหากมีเรื่องลำบากตรากตรำแค่มาหาก็สิ้นเรื่องแล้ว” กู้อ้าวเวยแย้มยิ้มพิมพ์ใจอย่างจนปัญญา “เร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็ไม่สู้ยืมมือคนในตระกูลจะมีชีวิตที่ดีกว่านะ”
“ขอบคุณมาก” จูเย่นประสานสองมือคารวะ ทำความเคารพอย่างลุ่มลึกต่อกู้อ้าวเวย
คนหลังเพียงโบกมือไปเรื่อย พับเก็บรอยยิ้มครึ่งเสี้ยวพลางเดินตามเหล่านางในไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงในวัง
ในใจกลับใคร่รู้ หากว่าซูพ่านเอ๋อและซ่านจินจื๋อเห็นตนอยู่ในงานเลี้ยงครอบครัวตอนนี้ จะรู้สึกว่าอย่างไรกันบ้างนะ
สถานที่จัดงานเลี้ยงตั้งอยู่บนชานชาลาสูงใกล้กับสวนดอกไม้หลวง ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นหน้าหนาวอันหนาวเหน็บ แต่ได้ทานหม้อไฟอุ่น ๆ หน่อยร่างกายกลับไม่เลวเลยทีเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดอกเบญจมาศหลากสีสันที่เต็มลานนี้เลย มันช่างผสมผสานเป็นกลิ่นไปแห่งความสูงสง่าอันหายาก แต่กลับเพิ่มรสชาติแห่งครอบครัวขึ้นมาได้หนึ่งขนัด
กู้อ้าวเวยมาพบพักตร์กับฮ่องเต้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ยังไม่พร้อมออกไปทอดน่อง ทำได้เพียงมาหย่อนตัวนั่งในตำหนักรองก่อน กุ้ยมามายังเข้ามาด้วยตัวเองหนึ่งเที่ยว ส่งซุปนกพิราบหนึ่งชามมาให้ ซ้ำยังกล่าวด้วยความเอาใจใส่ “ไทเฮาทรงคิดถึงท่านตลอดเวลา วันนี้ได้พบว่าท่านปลอดภัยดี จึงวางพระทัยแล้ว”
“ข้าฝากขอบพระทัยไทเฮาด้วย อีกอย่าง วันนั้นข้าแกล้งตายทำเอานางซึ่งเป็นผู้อาวุโสต้องมาปวดใจ จะต้องช่วยข้าขออภัยสักหนด้วยนะ” กู้อ้าวเวยถือซุปนกพิราบพลางรีบร้อนกล่าว
ทั้งสองคนกำชับซึ่งกันและกันหลายประโยค กู้อ้าวเวยยิ่งรู้สึกละอายแก่ใจมากเท่านั้น
นางเข้ามาคราวนี้ แต่ยังไม่ทันได้เห็นท่านปู่ของตนเลยสักครั้ง ทว่าปัจจุบันรู้ว่าวรกายไทเฮาไม่เลวแล้ว ในใจก็เริ่มเบาใจ เพียงแต่วันหน้าคงไม่สามารถพบกันบ่อยแล้ว
ระหว่างที่ค่อย ๆ เหม่อลอย ก็ได้มีคนเดินเข้ามาแล้ว สภาพจิตใจกู้อ้าวเวยไม่สงบ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น ทำเพียงนวดวนหัวเข่าที่เริ่มปวดของตนเบา ๆ ยกมือขึ้นช้า “ช่วยข้าหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม ยังมีเวลาอีกตั้งค่อนชั่วยามใหญ่ ๆ เชียว”
“เจ้าค่ะ” นางในข้าง ๆ รีบร้อนออกไป
กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวของตนนั้นได้ถูกสามคนที่เดินเข้ามาเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง กู้จี้เหยาและซูพ่านเอ๋ออาศัยเพียงดวงตาหนึ่งคู่บนผ้าคลุมหน้าผืนบางนั้นก็สามารถจำได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่านจินจื๋อเลย
เดิมวันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้? กู้จี้เหยาแบะซูพ่านเอ๋อคิดพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้
ไม่กี่คนค่อย ๆ หย่อนตัวนั่ง และก็เป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองจริง ๆ หลังจากรอหนังสือหนึ่งเล่มมา กู้อ้าวเวยกลับพบว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นของสำหรับให้เด็กอ่าน แต่นางในคนนี้กลับมีท่าทางนิ่งเงียบน่าจะไม่รู้หนังสือ จึงทำเพียงพลิกเปิด อ่านโดยถี่ถ้วน ก็พลอยหลงใหลได้เหมือนกัน
จะว่าไปพระญาติของราชวงศ์ฮ่องเต้ก็มีไม่น้อยเลย แต่อีกประเดี๋ยวในตำหนักรองก็มีคนมานั่งจำนวนมากมายแล้ว ส่วนมากล้วนเอ่ยวาจาเสียงแผ่วเบา ไม่ค่อยรู้จักกับกู้อ้าวเวยสักเท่าไร เพียงแต่สงสัยใคร่รู้
ส่วนคนหลังกลับนั่งพิงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน กำไลเงินสองสามชิ้นบนข้อมือก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมาตามการเคลื่อนไหวในการเปิดหนังสือของนาง
รอจนกระทั่งงานเลี้ยงเริ่ม กู้อ้าวเวยจึงเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือในมือ สายตาอันแสนค้นเคยคู่นั้นทำให้ญาติในราชวงศ์ที่กำลังนั่งอยู่ต่างพากันหวั่นไหวเล็กน้อย แต่นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ กลับทำเพียงค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นอย่างแช่มช้า ยื่นหนังสือเล่มนั้นให้กับนางในข้างกาย ก่อนยิ้มบาง ๆ “หนังสือเล่มนี้สนุกมากจริง ๆ ขอบคุณมากนะ”
ถ้อยคำนี้ทำเอาฮูหยินท่านหนึ่งที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงหัวเราะหยันออกมา “ก็แค่บันทึกที่ให้เด็กอ่านเล่มหนึ่ง น่าสนุกตรงไหน?”
กู้อ้าวเวยมองตามเสียงไป ทว่าไม่ได้โกรธเลยสักนิด กลับกันยังยกมือขึ้นลูบกระหม่อมของนางในคนนั้น “หนังสือของเด็กก็สนุกมากเลยเชียว บอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่สนุก กลัวว่าเกิดมาก็คงเป็นผู้ใหญ่เลยอย่างไรอย่างนั้นแหละ ใหญ่ขนาดนี้คลอดออกมาแล้วฆ่าพ่อแม่ตายก็ไม่น่าแปลกใจหรอก”
ระหว่างนั้นเอง ทั้งตำหนักรองต่างไร้เสียงนกกา จากการที่ฮูหยินเองก็สีหน้าคร่ำเครียดด้วย ถือได้ว่านางก็เป็นฮูหยินของชินอ๋อง ไหนเลยจะทนรับการดูหมิ่นเช่นนี้ได้ กงกงติดตามที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้กลับรีบรุดเข้ามาต้อนรับ “พระองค์ เหตุใดท่านถึงตามผู้คนมารอที่นี่ เดิมฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ท่านพักผ่อนในตำหนักรอง”
กล่าวพลางหมายจะตำหนินางในขันทีที่อยู่ด้านข้าง กู้อ้าวเวยยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน “อบรมพวกเขาไปก็ไร้ประโยชน์ เพียงแต่ข้าไม่รู้จักเส้นทาง จึงมานั่งอยู่ตรงสถานที่คึกคักแห่งนี่เท่านั้นเอง พอดีเลยมาชมทัศนียภาพอันงดงามของชางหลานแห่งนี้ด้วย ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาได้เชียวแหละ”
ความน่าอึดอัดในถ้อยคำดังกล่าว ทำเอากงกงคนนั้นก็พลอยเหงื่อแตกซก รีบร้อนต้อนรับนางเดินขึ้นไปบนแท่นสูงทันที
ท้ายที่สุดไม่กี่คนก็นั่งไม่อยู่กับที่ ทยอยคาดเดาว่าพระองค์นี้เป็นใคร อีกฝั่ง ซ่านจินจื๋อกลับหยัดตัวตามไปตั้งแต่แรกแล้ว ทำเพียงทอดทิ้งชายาสองคนขอตนเอาไว้ด้านข้าง
เขารีบสาวเท้ามาที่ข้างกายของกู้อ้าวเวย ขับไล่ขันที่นางในข้าง ๆ ไป พลางกล่าวเสียงต่ำ “มาดขององค์หญิงนี้ช่างเหมาะกับเจ้าจริง ๆ”
“ไม่สู้บอกว่านิสัยเดิมของข้าก็เป็นเช่นนี้” กู้อ้าวเวยเชิดปลายคาง ปลายนิ้วเรียวยาวปลดผ้าคลุมบนหน้าลง “ว่าแต่ความสูงศักดิ์ของสถานะท่านอ๋องอย่างท่าน ตอนนี้กลับไม่ยอมอยู่เคียงข้างชายาเข้างานเลี้ยง มาอยู่กับข้าที่เป็นองค์หญิงจากต่างแดนไม่กลัวเสียหน้าเลย”
“ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
“ซูพ่านเอ๋อฆ่าท่านอาจารย์และท่านอาจารย์หญิง วันนี้งานเลี้ยงครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลง ท่านอ๋องโปรดระวังทุกสิ่งเถิด” กู้อ้าวเวยทนเห็นท่าทีสนิทสนมที่เขามีต่อตนไม่ไหว ทำเพียงเอ่ยถ้อยคำเย็นชา และไม่หันไปมองว่าสีหน้าซ่านจินจื๋อเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วด้วย
มายังปะรำงานเลี้ยง กู้อ้าวเวยเพียงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซ่านจินจื๋อ นางนั่งอยู่บนตำแหน่งแรกทางขวามือของฮ่องเต้ ก็เพียงพอจะอธิบายชัดเจนถึงสถานะของคนผู้นี้แล้ว เดิมทีก่อนหน้านี้มีคนรู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับพระชายาจิ้ง ทว่าตอนนี้ดูท่า การแต่งกายของกู้อ้าวเวยแตกต่างกับคนชางหลาน ถึงแม้เรือนผมจะมวยสูง แต่กลับเพิ่มเครื่องเงินประดับอยู่หน่อย
สีหน้าซ่านจินจื๋อเคร่งขรึม รังแต่จะทำให้ผู้คนจรลีหนีจาก ถึงยามปกติซูพ่านเอ๋อจะขี้อ้อน ตอนนี้กลับนั่งบนตำแหน่งพระชายารอง สุดท้ายก็ไม่กล้าออดอ้อนปลอบโยนแบบประดิดประดอยแล้ว
รอกระทั่งงานเลี้ยงครอบครัวเริ่มขึ้น ฮ่องเต้จึงปริปากแนะนำ ขณะที่หลายคนยังไม่ทันตอบสนองกลับมา ประโยคต่อไปของกู้อ้าวเวยก็มาเยือนแล้ว “วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงครอบครัว เพียงเพราะพี่สาวบุญธรรมของข้ากายอยู่ชางหลาน ดังนั้นจึงตั้งใจรับบัญชาของเสด็จพ่อมา และเลยมาเพื่อธุระอย่างอื่นด้วยเช่นกัน”
“พี่สาวบุญธรรม ท่านหมายความว่าองค์หญิงเอ่อตานที่แท้จริงอยู่ที่ชางหลานของเรา?”
มีคนผู้หนึ่งปริปาก ส่วนคนที่เหลือกลับมองไปทางซานจินจื๋อโดยไม่รู้ตัว
องค์หญิงเอ่อตานท่านนี้ช่างเหมือนกับพระชายาจิ้งก่อนหน้านี้ นับประสาอะไรที่เรื่องเก่าของหยุนหว่านฮูหยินยังไม่ทันซ่อนดี บรรดาญาติในราชวงศ์ต่างรู้กันบ้างไม่มากก็น้อย
“พูดมาเช่นนี้ พี่สาวบุญธรรมของพระองค์เป็นญาติในราชวงศ์ในปัจจุบันหรือ” กู้จี้เหยาหัวเราะเย็นชาหนึ่งที
“พี่สาวบุญธรรมของข้าก็คือลูกสาวแท้ ๆ ของเสด็จพ่อ ย่อมต้องไม่อาจละเลยได้เป็นธรรมดา แต่ข้ารู้ว่าพี่สาวบุญธรรมนั่งอยู่ในตำแหน่งพระชายารองที่ชางหลานอย่างน้อยเนื้อ ในใจก็ยิ่งไม่เบิกบานยิ่งแล้ว” กู้อ้าวเวยค่อย ๆ วางแก้วชาในมือลง สบประสานสายตากับซูพ่านเอ๋อ
พระชายารองในปัจจุบัน กลับมีเพียงคนเดียวเท่านั้น…ซูพ่านเอ๋อ