บทที่ 508 ใช้ม้าศึกเป็นแผน
“ฮ่องเต้ องค์หญิงเป็นแขกของแคว้นเจียงเยี่ยน ใต้เท้าอ้าย พูดจาไม่ได้แบบนี้จะเป็นอันตรายกับประเทศได้” กู้เฉิงลุกขึ้นยืนและแสดงความเคารพ “ขอให้ฮ่องเต้โปรดตรวจหาความจริงให้พบเกี่ยวกับเรื่องการวางยาพิษ อย่าให้คนมาปิดหูปิดตาได้”
พูดเสร็จ กู้เฉิงมองไปยังขุนนางตระกูลอ้ายอย่างให้ความสนใจ
เพียงครู่เดียว ก็โยนเรื่องการวางยาพิษให้ตระกูลอ้าย
แม่ทัพอ้ายหยินเป็นเสาหลักของแคว้นเจียงเยี่ยน และเมื่อเขาชนะสงครามเขาก็คงจะอยู่ในระดับสูงแล้ว
อีกทั้งองค์ชายของแคว้นเจียงเยี่ยนก็ยังไม่ได้แต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะต้องเร่งรีบวางยาพิษฮ่องเต้
ในสองปีมานี้ กู้เฉิงยังกลับมาไม่ตลอด และคนชั่วร้ายคนนี้ก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว”
เงียบไประยะเวลาหนึ่ง เมื่อกู้อ้าวเวยได้เห็นขุนนางแซ่อ้ายที่ยืนอยู่ข้างกายก็คิดที่จะพูด แต่กลับมีคำพูดอย่างดูแคลนดังสวนมา “ใต้เท้ากู้คนนี้พูดเหมือนสงสัยเจ้า”
ขุนนางแซ่อ้ายถูกกู้อ้าวเวยมองอย่างดูแคลน จึงค่อยๆขมวดคิ้ว
“แต่ฮ่องเต้จะต้องใส่ใจ ในศาลมีขุนนางอยู่มากมาย เรื่องจะร้องตะโกนจับโจรให้ก็เหมือนสุนัขกัดกันเอง” กู้อ้าวเวยกล่าวออกไปด้วยความเคารพต่อฮ่องเต้ “แทนที่จะหาตัวให้รู้ว่าใครคือคนวางยาพิษฮ่องเต้ ไม่อย่างนั้นฮ่องเต้ก็โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ ว่าจะสมควรทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง เพื่อความเสถียรภาพของตนเอง”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา บรรดาคนผู้ปราดเปรื่องก็ไม่สงสัยในสถานะของนางอีก
แม้ว่ากู้เฉิงจะตกใจ แต่ในใจก็รู้ว่าคำพูดของกู้อ้าวเวยนั้นมีความตรงประเด็นมาก
ความหมายของคำพูดเหล่านี้ ก็คือการโน้มน้าวให้ฮ่องเต้ร่วมมือกับแคว้นเอ่อตานในเรื่องนี้ แทนที่จะเชื่อบรรดาขุนนาง ให้เชื่ออำนาจที่มีในมือจะดีกว่า
นางพูดในฐานะองค์หญิงของแคว้นเอ่อตานจริง ๆ
“สิ่งที่องค์หญิงพูดนับว่ามีเหตุผล” กู้เฉิงรีบหันมาแสดงความเคารพ
“ไม่เพียงแต่เท่านั้น ข้ายังรู้มาอีกหนึ่งเรื่อง” กู้อ้าวเวยยิ้ม และมองไปยังกู้เฉิง “พระชายาอ๋องจิ้งซูพ่านเอ๋อในตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของใต้เท้ากู้ ฮัวลี๋หรือไม่ ข้ามาที่นี่ตอนนี้ ก็อยากที่จะคืนความเป็นธรรมให้กับตัวเอง จึงอยากจะขอให้ฮ่องเต้โปรดตัดสินใจด้วย”
ฮัวลี๋ตายไปแล้ว ซูพานเอ๋อกับฮัวลี๋มีความสัมพันธ์อะไรกัน
กู้เฉิงผงะไปชั่วขณะ และฮ่องเต้เองกลับฟังเพียงไม่กี่คำก็เชื่อองค์หญิงผู้กล้าหาญนี้ เรื่องเกี่ยวกับช่วงเวลาที่กู้เฉิงเคยอยู่ในแคว้นชางหลาน เขาเองก็มีข้อสงสัยอยู่ ตอนนี้ก็ได้แต่ประคองมือไว้แน่น หรี่ตามอง “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
“ตามที่ควรจะเป็น” ดวงตาของกู้อ้าวเวยลุกโชติช่วง มองไปยังฮ่องเต้ “แม้ว่าข้าจะไม่อาจพูดได้ว่าใต้เท้ากู้มีใจคิดทรยศ แต่ซูพ่านเอ๋อนั้นได้คุกคามตำแหน่งของข้าจริง ๆ หากว่าฮ่องเต้และใต้เท้ากู้สามารถจะฟื้นคืนสถานะของข้าได้ วันข้างหน้าพวกเราก็มีความร่วมมือที่ดีกันได้”
พูดถึงตรงนี้ บรรดาขุนนางกลับไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
ในตอนแรกองค์หญิงผู้นี้เหมือนจะพูดกับกู้เฉิง ตอนนั้นกลับกัน พุ่งวัตถุประสงค์ไปยังการสร้างความร่วมมือกับฮ่องเต้ และยิ่งเป็นการสร้างความขุ่นเคืองระหว่างกู้เฉิงและตระกูลอ้ายโดยตรง มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนสับสนจริง ๆ
กู้เฉิงไม่เข้าใจในสิ่งที่กู้อ้าวเวยพูด แต่ตอนนี้ฮ่องเต้เชื่อในกู้อ้าวเวย ดูเหมือนจะไม่เป็นการเหมาะสมที่จะหยุดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พูดออกไปด้วยเสียงต่ำ “องค์หญิงพูดไม่ผิด ซูพ่านเอ๋อเป็นลูกสาวคนเล็กของข้าน้อย ตอนนั้นได้ให้นางอยู่ในตำหนักอ๋องจิ้ง ก็เพื่อจะคอยสืบด้านการทหาร แต่ไม่คิดว่าตอนนี้นางปีกกล้าขาแข็งแล้ว กลับไม่เชื่อฟัง และยังพยายามไขว่คว้าตำแหน่งองค์หญิง”
“หากเป็นดังนี้ดูเหมือนว่า ลูกสาวคนเล็กของเจ้าก็เป็นกบฏ ที่คิดจะตีสนิทเอาแคว้นเอ่อตานมาเป็นพวกเพื่อสามีของนางซ่านจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยฉวยประโยชน์จากสถานการณ์
“ตัวข้าเองไม่รู้อะไรเลย แต่ในตอนนั้นที่อยู่ในแคว้นชางหลาน ข้าสามารถรับรองสถานะขององค์หญิงได้” กู้เฉิงรีบพูดออกไป
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เป้าหมายของกู้อ้าวเวยก็สำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดกู้เฉิงก็ยอมอาสาแบกเรื่องของซูพ่านเอ๋อมาไว้บนบ่า
จากนั้นนางก็มองไปยังขุนนางแซ่อ้ายที่อยู่ด้านข้าง “ฮ่องเต้ บุคคลผู้นี้จงใจทำให้คนสับสน อีกทั้งยังพูดไม่ให้ความเคารพต่อองค์หญิงอย่างข้า ไม่ทราบว่าฮ่องเต้จะตัดสินใจอย่างไรให้ข้า”
“ต้องทำอยู่แล้ว” ฮ่องเต้โบกมือขึ้น มองออกไปอย่างเยือกเย็น “ปลดออกให้เป็นคนสามัญ สั่งโบยอีกสี่สิบที องค์หญิงพอใจไหม”
“พอใจแล้ว แต่ตอนนี้ซูพ่านเอ๋อต้องการยืมสถานะของข้าไปเพื่อรับตำแหน่ง ในความเป็นจริงคือไปตีสนิทแคว้นชางหลาน ในกรณีนี้ ข้ายังพอมีกำลังอยู่ ข้ายินดีจะมอบม้าศึกหนึ่งพันตัวให้ฮ่องเต้ไว้ เพื่อแสดงความจริงใจ” กู้อ้าวเวยนอบน้อมอย่างสุดตัว ตอนนี้เป็นห้วงเวลาของความสง่าผ่าเผย
ฮ่องเต้ค่อยๆ ยกปากขึ้นเล็กน้อย และตอบรับคำ
งานเลี้ยงงานนี้ทำให้ต้องอกสั่นขวัญแขวน หลังจากทุกอย่างสิ้นสุดลง กู้อ้าวเวยยังคงถูกกู้เฉิงพาไปส่งกลับยังลานจวน จิตใจของกู้เฉิงเพิ่งกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว “เรื่องซูพ่านเอ๋อ ทำไมต้องโยงมาเกี่ยวกับข้า”
“ข้ากับซูพ่านเอ๋อนั่นมีความแค้นกันมาแต่เดิม ตอนนี้นางต้องการตำแหน่งของข้า ข้าจึงไม่อาจประสบความสำเร็จได้ การที่บอกว่าเป็นลูกอกตัญญูของเจ้าก็เพื่อ ประการแรกเพื่อรับรองสถานะของข้า ประการที่สองเพื่อแสดงว่าข้าไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างใคร ประการที่สาม…ข้าต้องการให้เจ้าทรมานนางในอนาคต”
กู้อ้าวเวยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับแข็งกร้าว
“เจ้ารู้จักยาถอนพิษหรือเปล่า” กู้เฉิงลูบหน้าผากของเขา และยังรู้สึกได้ว่ากู้อ้าวเวยกำลังแก้ปัญหาส่วนตัวอยู่นอกจากเรื่องของราชการ
กู้อ้าวเวยเขียนใบสั่งยาอย่างเร่งรีบ “ก็โดยประมาณนี้ หากต้องการจะถอนพิษจริง ๆ ยังต้องให้หมอปรับเปลี่ยนอีกหน่อย”
“อย่างนี้ก็ดี” กู้เฉิงรับใบสั่งยาไว้ แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในครั้งนี้ สุดท้ายมันก็เป็นการปลุกเร้าฮ่องเต้ และหากคิดดูให้รอบคอบ พิษนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทำของกู้เฉิงแน่นอน ฮ่องเต้จะสงสัยเฉพาะอ้ายหยิน และยังไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมดว่ากู้เฉิงมีลูกสาวอยู่ที่แคว้นชางหลานอีกคน แต่กลับเชื่อในสถานะองค์หญิงของแคว้นเอ่อตานของนาง
ทุกอย่างล้วนราบรื่นไร้ปัญหา
เมื่อลงจากรถม้าและเข้าไปในจวนแล้ว นางก็พูดขึ้นว่า “ม้าศึกพันตัวนั่น ข้าให้กับล่ายเสวียนไว้ใช้เท่านั้น และข้าจำเป็นจะต้องกลับไปด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ยอม”
“เจ้าเชื่อใจล่ายเสวียนหรือ” กู้เฉิงรู้สึกแปลกใจ
“เขาเกิดมาเป็นทาส เขาจะไม่มีทางนำม้าศึกเหล่านี้ไปกดขี่ทาสแน่นอน” กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบา แล้วกลับไปยังบ้านพักของตนเอง
กู้เฉิงมองดูจากระยะไกล พูดด้วยเสียงต่ำ “ใจอ่อนเหมือนสตรี สุดท้ายก็เป็นแค่หญิง”
เมื่อปิดประตูลง แววตาของกู้อ้าวเวยก็ไร้ความปรานีสงสาร มีแต่เพียงความเยือกเย็น เอาปลายนิ้วถูขมับอย่างทำอะไรไม่ถูก “ข้านี่ชอบสร้างแต่เรื่องน่ารำคาญจริง ๆเลย”
อ้ายจือเดินมาอยู่ต่อหน้า มองไปยังนาง “มันก็เป็นแค่งานเลี้ยงเท่านั้น”
“ก็จริงอยู่ จะว่าไปมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายมากไปกว่างานเลี้ยง” กู้อ้าวเวยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ในขณะที่เดินผ่าน นางก็ได้ยื่นยาถอนพิษให้นางด้วย “ดูแลเมี่ยวหารให้ดี ๆ ข้าอาจจะต้องให้เขาเป็นพยานในอนาคต”
อ้ายจือกินยาถอนพิษเข้าไปด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าสบายขึ้นทั้งตัว ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วหลัง “ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ”
กู้อ้าวเวยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการตีค่าของพวดเขา ได้แต่คอยนับวันอย่างรอบคอบ
ในอีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นเวลาเดือนเต็มแล้ว สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการที่ซ๋านจินจื๋อจะส่งคนไปโจมตีจริง ๆ ทุกคำที่พูดวันนี้ล้วนมีจุดประสงค์ ม้าศึกพันตัวนั่น ก็อาจจะทำให้ล่ายเสวียนได้กลับมาอีกครั้ง และอาจถูกกู่เซิงหลอกใช้ แต่อย่างน้อยที่สุด นางอาจจะใช้โอกาสนี้ในการออกไปได้
นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าซ่านจินจื๋อจะนำทัพออกมาเพื่อผู้หญิงคนเดียวอย่างนางจริง ๆ
กู้อ้าวเวยได้แต่รู้สึกปวดหัว นานแล้วที่ไม่ได้ทายาบนขาทั้งสอง มาเลยตลอดทางก่อนหน้านี้ ตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดมาก”
วันที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้ จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหนกัน