บทที่ 504 ไม่มีใครรู้แผนการ
“องค์ชาย รัชทายาทแห่งแคว้นเอ่อตานมาที่นี่ด้วยตนเอง”
เฉิงซานเดินไปในกระโจมค่ายของซ่านจินจื๋ออย่างทันเวลา
บรรดาแม่ทัพต่างมองไปยังซ่านจินจื๋อ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเอ่อตานมีตำแหน่งสูงส่ง ตอนนี้มาอยู่ที่กองทัพของพวกเขา คงไม่ได้มาเพื่อตรวจพลทหารแน่นอน จะต้องตั้งใจมาคุยเรื่องสำคัญ
ซ่านจินจื๋อวางมือลงบนโต๊ะ เอนกายเล็กน้อย “คุยเรื่องนี้กันต่อ นำคนที่ชายแดนมาตรวจสอบให้ชัดเจน หากไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้ วันหลังจะไปรับใช้อ๋องจงผิงให้ดีได้อย่างไร”
ทุกคนก้มศีรษะ ที่เรียกพวกเขากลุ่มนี้มาก็รู้ดีว่าเป็นพวกเก่งแต่ปาก พวกแม่ทัพที่ลาดตระเวนอยู่ในเมืองก็เอาท่องพิชัยสงคราม จึงถูกซ่านจินจื๋อตำหนิแทบจะทุกวัน จึงยิ่งต้องพูดกันต่อไป และไม่ควรจะยั่วยุให้อ๋องจิ้งคนนี้ต้องหงุดหงิด
ซ่านจินจื๋อรู้สึกปวดหัว แม่ทัพในมือของหยวนเอ๋อล้วนแต่เป็นพวกไม่เอาไหนไร้ความสามารถ ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องของซูพ่านเอ๋อและกู้อ้าวเวยขึ้นมาอีกยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสีย ตอนนี้เขารู้แล้วว่ารัชทายาทแห่งแคว้นเอ่อตานมาด้วยตัวเอง เขาได้แต่กัดฟันยอมรับความวุ่นวายยุ่งเหยิงที่กู้อ้าวเวยโยนมาให้
“หากว่าเจ้าไม่สามารถกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ได้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ข้าจะต้องบุกโจมตี”
ระบายความไม่พอใจออกมาอย่างเบาๆ ซ่านจินจื๋อปลีกตัวออกมายังกระโจมค่าย
ฉูห้าวไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ ที่มาวันนี้กลับมาในชุดสีน้ำเงินเข้มของราชวงศ์เอ่อตาน ดวงตากลมโตคู่หนึ่งที่ดูไม่มีพิษภัย เพียงแค่เอ่ยปากพูด กลับกลายเป็นเสียงต่ำทุ้ม “เจ้ากับข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องคุยกันก่อน จากนั้นค่อยคุยเรื่องราชการ ดีไหม”
นายพลที่อยู่รอบๆ อดไม่ได้ที่จะหันมามอง เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อพยักหน้าจึงค่อยๆทยอยออกไปทีละคน
แต่มีหลายคนที่อดไม่ได้จนต้องกระซิบกัน จิ้งอ๋องแห่งแคว้นชางหลานกับรัชทายาทแห่งแคว้นเอ่อตาน มีเรื่องส่วนตัวอะไรคุยกันอีก”
“ข้ารู้ว่าเรื่องที่พี่สาวข้าทำไม่ได้ปรึกษาอะไรกับใคร และชอบทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ข้าก็ไม่คิดจะให้เรื่องนี้มาอยู่ในเรื่องส่วนตัว กลับเลือกที่กลับมาคืนดีกับผู้ชายแบบเจ้า”
ฉูห้าววางแก้วในมือลง ดวงตามีความคมชัดมากขึ้น
“ข้ามีความละอายใจต่อนาง ครึ่งชีวิตหลังจากนี้ข้าต้องทำเพื่อตนเอง” ท่าทีของซ่านจินจื๋อยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ได้แต่เพียงขมวดคิ้ว “ข้าก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ตั้งแต่เจ้าเรียกนางว่าพี่สาว แต่นางกลับยังทำตามใจของตนเอง สถานการณ์ของแคว้นเจียงเยี่ยนในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน แต่นางกลับมีโอกาสที่จะชนะ หรือจะเป็นไปได้ไหมว่าพวกเจ้ามีข่าวอะไรบางอย่างในมือ”
“อย่างนั้นขอมอบคืนให้เจ้า ไม่ใช่เจ้าหรือที่เป็นโอกาสชนะของเขา” ฉูห้าวค่อยๆขมวดคิ้ว
ซ่านจินจื๋อรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “นางให้พวกเจ้าทำเรื่องอะไรบางอย่างเพื่อช่วยนางหรือ”
“ตอนที่จากไปนางเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง มีเพียงแต่ให้ข้าตั้งให้ซูพานเอ๋อเป็นองค์หญิงตัวจริงของแคว้นเอ่อตาน นางบอกว่านางไม่ได้ขอความช่วยเหลือเพียงเพราะเจ้าคอยหนุนหลัง ส่วนเรื่องที่เหลือข้าไม่ได้รู้อะไรมาก” ตอนนี้ฉูห้าวกำหมัดแน่น เมื่อเห็ฯใบหน้าของซ่านจินจื๋อเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เขาจึงถามขึ้น “จะเป็นไปได้ไหมเจ้าไม่ได้รู้อะไรเลยเช่นกัน….”
“นางบอกเพีนงว่าให้เดินหนึ่งก้าวเว้นหนึ่งก้าว ปรับตัวไปตามสถานการณ์ พูดอีกอย่างก็คือมีกุ่ยเม่ยคอยปกป้อง”
“กุ่ยเม่ยอยู่ข้างกายข้า” ฉูห้าวตอนนี้เริ่มหน้าดำคร่ำเครียด ยกมือขึ้นเล็กน้อย กุ่ยเม่ยที่เปลี่ยนการแต่งหน้าเสื้อผ้าหน้าผมอยู่ในชุดคนรับใช้เปิดประตูเดินเข้ามา
เมื่อเห็นชายสองคนมีสีหน้าเคร่งขรึม กุ่ยเม่ยก็ค่อยๆขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ทำไมเจ้าไม่ตามไปแคว้นเจียงเยี่ยน” ซ่านจินจื๋อบิดที่แขนในมืออย่างอดไม่ได้
กุ่ยเม่ยแปลกใจ “นางมีวิธีเอาตัวรอดจากกู้เฉิง นอกจากนี้ยังมีองครักษ์ขององค์ชายคอยสุ่มติดตาม อีกไม่กี่วัน ข้าเองก็อาจจะต้องไปแคว้นเจียงเยี่ยนในนามคณะทูตของแคว้นเอ่อตาน อย่าได้กังวลใจไปเลย”
เมื่อเห็นกุ่ยเม่ยพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย ฉูห้าวแตะค่อยๆหน้าผากของเขาราวกับกำลังคิดอะไร “น่าจะรู้ ว่าการเดินทางของทั้งสองทำให้พ่อแม่ต้องเป็นกังวล”
“ตอนที่เจ้าอยู่ข้างกายนาง ตามใจนางขนาดนี้หรือ” ซ่านจินจื๋อทุบโต๊ะขึ้นมา เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกเกลียดกุ่ยเม่ยอย่างมาก ช่วงหลังยิ่งมีสีหน้าที่น่าแปลก “นี่คือสิ่งที่นางต้องการจะทำ และข้าเองก็ไม่ยอมให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย ทำไมเจ้าต้องเป็นกังวลขนาดนั้น”
ทันทีที่พูดแบบนี้ ชายทั้งสองก็ต่างตกตะลึง
กุ่ยเม่ยถอยหลังอย่างระมัดระวัง “นางไปถึงจุดหมายแล้ว โดยไม่ต้องใช้กำลัง แต่ข่าวคราวและตัวคน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกหรือ”
สายตาอาฆาตของซ่านจินจื๋อก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกันฉูห้าวผู้รู้ความลับอย่างลึกซึ้ง ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อนว่า “ณ จุดนี้ ไม่ต้องพูดถึง ที่มาวันนี้ เพียงแค่มาตามความหวังของท่านอาว่าก่อนสงคราม จะต้องต่อพันธสัญญาในตอนนั้นก่อน”
หากพูดในตอนนี้ ซ่านจินจื๋อต้องกดความโกรธในใจของเขาลง นี่เป็นสิ่งที่ควรทำ
แว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายทศวรรษ ผ่านไปห้าปีทั้งสองประเทศก็ได้ส่งทูตไปลงนามพันธสัญญา หลายปีที่ผ่านมาจัดว่าเป็นไปอย่างราบรื่นเรียบร้อยดี ยิ่งกว่านั้นตอนนี้แคว้นที่คานอำนาจกันสามแคว้นมีเจียงเยี่ยนที่แตกพ่ายไปก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานก็เหมือนกำลังอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
คราวนี้ซ่านจินจื๋อมาก่อน และได้รับคำสั่งของพี่ชายจริง ๆ เพื่อให้พูคุยเรื่องนี้
ฉูห้าวเลือกแคว้นเอ่อตานเป็นดินแดนที่จะแสดงความจริงใจด้วย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ จนกระทั่งเมื่อซ่านจินจื๋อติดตามฉูห้าวมาถึงแคว้นเอ่อตาน คฤหาสน์หลังใหญ่ถูกแวดล้อมไปด้วยทหารทั้งภายในและภายนอก คนที่เป็นฮ่องเต้อยู่ตอนนี้อย่างฉูหลี่ก็ภาคภูมิใจ เห็นซ่านจินจื๋อมีสีหน้าไม่ค่อยดี
ช่วงหลังได้ทะเลาะกับเขาระหว่างทางไปหนึ่งยก โดยส่วนตัวแล้วยังเป็นคนร้ายที่ทำร้ายหัวแก้วหัวแหวนของนาง
และซ่านจินจื๋อก็มองไปเช่นกัน แค่อยากรู้เรื่องราวรอบตัวของฮ่องเต้องค์นี้ ผู้หญิงในผ้าโปร่งสีดำและเสื้อคลุมสีดำคนนั้นเป็นใคร
หลังจากคุยธุระอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนองครักษ์จะออกไป ทุกอย่างล้วนกลมกลืนกัน
เมื่อเหลือเพียงไม่กี่คนให้ห้อง ส่วนมากเป็นพวกเพื่อนสนิทของซ่านจินจื๋อ เรื่องต่าง ๆเหล่านี้เป็นแค่ด้านเดียว ฉูหลี่ทุบโต๊ะด้วยฝ่ามือ พูดด้วยเสียงโกรธ “เจ้าทำแบบนี้เพื่อปกป้องเวยเอ๋อ! แต่กลับไม่รู้ว่าพวกเจ้าแคว้นชางหลานเป็นพวกเดรัจฉานในคราบมนุษย์……”
“พูดไปก็ไร้ประโยชน์!” ผู้หญิงในชุดดำข้างเขาแทบจะผลักเขาออกไปในทันที ฉีกผ้าคลุมหน้าของตนเองออก แล้วมองไปยังซ่านจินจื๋อ “เวยเอ๋อ จริง ๆแล้วเจ้าถูกใช้ให้ไปทำอะไรกัน ก็ต้องบอกข้าให้หมดสิ”
มองไปแล้วคนๆนี้มีใบหน้าคล้ายกับกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อผงะไป ก่อนจะถามทันที “นางไม่ได้บอกอะไรกับข้ามากในเรื่องนี้ นางสารภาพเฉพาะเรื่องที่ก่อขึ้นในแคว้นชางหลาน และยังให้ข้าเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือทาสให้แพร่ออกไป จากนั้นก็ต้องการเมืองเล็กน้อยที่อยู่รอบข้า และตกลงกับนางในตอนที่นางจากไป”
ฉูห้าวถือถ้วยไว้โดยไม่พูดสักคำ
เขาไม่พูดอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้า ยิ่งในตอนนี้ยิ่งมาพบกับแม่ยายยิ่งไม่พูดอะไรเลย
อ๋องจิ้ง!
“ไม่มีอะไรอีกแล้วหรือ” หยุนหว่านส่งสายตาที่เฉียบคม
“ไม่มีอะไรอีกล้ว”
“ปัง….” เสียงโต๊ะที่มาพร้อมกับหมัดที่สองของฉูหลี่ และล้มลงเสียงดังสนั่น
“นางไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริง ๆ และยังไม่บอกอะไรกับเราเลยด้วย” ฉูหลี่ระบายความโกรธที่สะสมมานานออกมา ฉูห้าวรีบเข้าไปห้ามเอาไว้อย่างจริงจัง
ที่นี่หยุนหว่านก็เริ่มหน้าซีด เดิมทีคิดว่าลูกสาวไม่พูดอะไรมากกลับไม่เป็นไร แต่เพียงแค่คิดว่านางไปอยู่ที่แคว้นเจียงเยี่ยนคนเดียวก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย”
ไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่นางยังจะผลักดันซูพ่านเอ๋อขึ้นสู่ตำแหน่งองค์หญิงของแคว้นเอ่อตาน จะไม่ทำให้สถานะของคนเองถูกคนสงสัยเอาหรือ
“นางจะต้องไม่เป็นอะไร” กุ่ยเม่ยก้าวออกมายืน “ข้าเชื่อมั่นในตัวนาง”