บทที่ 492 ความจริง
“ถึงจะไม่ใช่ฝีมือยัยเด็กคนนั้น แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้นที่ขึ้นเขามา ตลาดทางพวกเราต้องระวังตัวกันมากหน่อย เรายังจับตัวพวกนั้นไม่ได้”
ก่อนเดินทาง เฒ่าแก่เนี๊ยะก็เอ่ยปากเตือนอีก
กู้อ้าวเวยจำได้ว่าจูเย่นเคยบอกไว้ ว่าซูพ่านเอ๋อเคยฆ่าเด็กคนหนึ่งด้วยยาพิษ
สีหน้าซ่านจินจื๋อไม่ค่อยดี กู้อ้าวเวยก็พูดว่า “ด้วยวิทยายุทธของเจ้า ต่อให้ปีนออกมาจากหิมะแล้วขึ้นเขาไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“ข้าไม่ไปคนเดียวแน่” ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่น แค่กู้อ้าวเวยพูดด้วยเสียงนิ่ม เขาก็หมดความอดทนแล้ว “ข้าเชื่อในฝีมือเจ้า”
“ได้” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ก็รีบกินกินไข่ต้มชาในมือตนเอง แล้วก็ไปเอาอาหารแห้งจากเฒ่าแก่เนี๊ยะ แล้วก็หอบเอาผ้าปูนอนแล้วเดินตามซ่านจินจื๋ออกไป
“เดี๋ยวข้าแบกเจ้า” ซ่านจินจื๋อก้มหลังให้นาง
“ข้าเดินเองได้”
“เจ้าอยากให้ข้าเสียเจ้าไปอีกหรือ?” ซ่านจินจื๋อหันหัวมา แล้วก็เอานางขึ้นหลัง กู้อ้าวเวยเห็นว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็เลยขยับสัมภาระตนเองแล้วขึ้นหลังเขาไป กอดขอของซ่านจินจื๋อ แล้วก็เงียบไป
ดูเหมือนจะหนัก แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้หนักอะไร
ซ่านจินจื๋อคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังจำได้
เพียงแต่คนที่ขี่หลังเขาอยู่นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
หิมะสูงมาก เดิมทีจะใช้เวลา1-2ชั่วยาม แต่ก็ต้องนานขึ้น
สิ่งก่อสร้างบนยอดเขาถล่มลงมาทับกับหิมะ เหลือห้องเพียง2ห้อง หิมะปกปิดเหลือเพียงแท่นวางอาวุธ
พอเปิดประตู ฝุ่นก็ฟุ้งจนทำให้กู้อ้าวเวยสำลัก ซ่านจินจื๋อก็ขมวดคิ้วตาม แล้วก็วางนางลงบนบันไดด้านหน้าประตู แล้วก็เริ่มจัดการทำความสะอาดห้อง แล้วก็เรียกกู้อ้าวเวยเข้ามา
ท่าทางกู้อ้าวเวยแข็งทื่อเดินเข้ามา แล้วก็มองห้องโดยรอบ
ในห้องมีเตียงทั้งสองฝั่ง แต่อีกเตียงวางชั้นหนังสือไว้ ด้านหน้ามีโต๊ะหนังสือ แสดงว่าถูกทำให้เป็นเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือ เก้าอี้ตัวอื่นดูใช้ไม่ได้แล้ว นั่งได้แค่ข้างๆ เตียง
กู้อ้าวเวยนั่งลง แล้วเอาผ้าห่มมากอดไว้ “เจ้าไปทำความเคารพอาจารย์และอาจารย์แม่เถอะ ข้าจะพักผ่อนที่นี่”
“เจ้าไม่ไปกับข้าหรือ?” ซ่านจินจื๋อกำลังเอาหนังสือเก่าๆ ออกมา
“ไม่เกี่ยวกับข้านี่” นางปูที่นอน แล้ววางหมวกลง แล้วก็นอนตะแคงลอง ดูเหมือนว่าจะง่วง
ส่วนอีกคนก็เดินปิดประตูออกไป
แผ่นหลังของซ่านจินจื๋อก็ยังคงอบอุ่น กู้อ้าวเวยก็นอนขดในผ้าห่ม แล้วก็งีบหลับไป
หลุมศพของอาจารย์และอาจารย์แม่อยู่หลังเขานี้ไม่ไกล ซ่านจินจื๋อไม่ได้มานาน ได้แต่เอาอาหารแห้งมาเซ่นไหว้เล็กน้อย แต่ว่าถึงแม้จะอยู่ในกองหิมะ เขาก็ดูออกว่ามีคนทำอะไรกับหลุมศพ
พอเอาหิมะออก ก็เห็นกล่องเหล็กคล้ายโลงศพ
นี่เป็นกล่องเหล็กที่อาจารย์เอาไว้เก็บของ เป็นของแทนใจของอาจารย์ทั้งสอง เดิมทีมันควรถูกฝังลงไปแล้ว
เดิมทีนึกว่ามีใครมาขุดหลุมศพ ตอนที่จะยกออกมาก็เห็นว่ามีโซ่เหล็กล่ามอยู่ด้วย ซ่านจินจื๋อก็ตัดออก ก็พบว่าด้านล่างมีอะไรซ่อนอยู่
ทำไมตอนแรกถึงไม่เห็นนะ?
พอเอากล่องเหล็กยกขึ้นมาบนอก เขาก็รู้ทันทีว่ากุญแจที่อาจารย์แม่ซ่อนไว้ก่อนตายอยู่ที่ไหน อยู่ต่ออีกสักพัก แล้วก็กลับออกมา
พอเขากลับมา กู้อ้าวเวยก็ตื่นแล้ว นางกำลังยืนอยู่ตรงชั้นหนังสือ หยิบพู่กันขึ้นทำท่าทางจะเขียน พอเห็นเขากลับมา ก็ยื่นพู่กันมาให้ “ข้านึกว่าพู่กันนี้จะทำจากไม้ พอมาดูแล้ว มันทำจากเหล็กแต่แกะลายไม้ไว้ งานฝีมือไม่เลวเลย”
ซ่านจินจื๋อมองไป แล้วก็หยิบมาดู ก็นึกได้ว่าตอนเด็กไม่ชอบฝึกเขียนหนังสือ แล้วก็ไม่สนใจสิ่งของที่อาจารย์ใช้
“กลับมาครั้งนี้ ข้าพบเรื่องมากมายที่ไม่รู้มาก่อน” เขาลากนางมานั่งด้วย แล้วก็เอากล่องนั้นออกมา แล้ววางลงพร้อมกับพู่กันเหล็ก “อาจารย์เก่งเรื่องกลไก บ้านของอาจารย์แม่ก็เป็นช่างเหล็ก อาวุธของทั้งสองคนก็ได้มาจากบ้านอาจารย์แม่”
“ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่าของสองอย่างนี้ตระกูลอาจารย์แม่เจ้าเป็นคนทำ”
“ถูกต้อง แต่วันนั้นรีบร้อนไป แล้วก็พักอยู่ที่เมืองเทียนเหยียน ที่นี่ก็ไม่มีใครแล้ว ก็เลยไม่ได้กลับมา” สายตาเขาเศร้าขึ้น แต่ก็นึกได้เพราะว่าซูพ่านเอ๋อรั้งไม่ให้เขามาที่นี่
กู้อ้าวเวยหยิบของสองสิ่งนั้นมาดู “ข้าไม่ค่อยเข้าใจของพวกนี้ ไปดูที่อื่นอีกดีกว่า ว่ามีอะไรแปลกๆ อีกบ้าง”
“อย่าออกมาข้างนอกนะ” ซ่านจินจื๋อเตือน
กู้อ้าวเวยก็ฟังความมากขึ้น แล้วก็เดินไปดูห้องอื่น
สิ่งแรกที่ต้องหาก็คือ สถานที่ที่อาจารย์แม่บอกว่าขวดเจอยาพิษ ที่นี่มีหลุมหนึ่งอยู่ แม้กระทั่งโดยรอบได้รับยาพิษไปด้วยจนทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้
กู้อ้าวเวยเอาผ้าปิดจมูก แล้วขุดๆ ดิน เอาไม้มาเขี่ยๆ ดินออก แล้วก็พบก้อนหิน ใช้เวลาสักพักที่จะเอาดินที่มีพิษพวกนี้ออกไป แล้วก็เรียกซ่านจินจื๋อเอาเครื่องมือมาพลิกหินก้อนนี้
กู้อ้าวเวยยื่นหัวไปมองหลุมแล้วซ่านจินจื๋อก็ห้ามไว้ “ไม่ต้องดูแล้ว”
“ข้าเห็นมาหมดแล้วภาพร้ายๆ ” กู้อ้าวเวยอยากจะปัดมือออก แต่ซ่านจินจื๋อออกแรงจับแน่นขึ้น ไม่ยอมปล่อย กู้อ้าวเวยก็ต้องยอมกลับมายังห้องพัก
“มันคืออะไรกันแน่?” พอออกมาได้ นางก็ถาม
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก เมื่อครู่ข้าเปิดกล่องนั้นแล้ว ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” สีหน้าเขาไม่ดีจนน่ากลัว หน้าซีดไปหมด
กู้อ้าวเวยก็ไม่ถามต่อ
แต่ก็ใช้เวลาหากันมานาน จนฟ้ามืด ซ่านจินจื๋อก็สุมไฟในห้องต้มน้ำร้อนกินปกติ เพาะจะยังไม่ลงเขา
แสงไฟส่องทั้งสองคน ซ่านจินจื๋อใส่ฟืนเข้าไป แล้วถามขึ้นว่า “เจ้ารู้ได้ไงว่าข้างล่างนั้นมันมีอะไรอยู่”
“ถ้าข้างล่างก็เป็นดิน พวกพนักงานพวกนั้นก็ไม่รับสารภาพหรอก” กู้อ้าวเวยนั่งกอดเข่า แล้วเอามือผิงไฟ “แล้วข้าก็ดูพิษพวกนั้นแล้ว มันไม่ร้ายแรงอะไรมาก แต่มีพิษหลายชนิด พอนานไปแล้วก็เน่าเสีย”
พูดจบ สายตากู้อ้าวเวยก็มองมายังซ่านจินจื๋อ “ข้าสงสัยว่า ซูพ่านเอ๋อทำอะไรลงไป?”