บทที่ 511 แยกประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตนออกอย่างชัดเจน
“พนันแพ้แล้ว นางก็เป็นแพะรับบาป แต่ถ้าหากว่าข้าชนะพนันแล้วล่ะก็ จะไม่ยอมให้นางต้องตายง่าย ๆ เป็นอันขาด”
กู้อ้าวเวยเอียงหน้าจดจ้องที่เขา ลูบไล้เบา ๆ บริเวณแผลตรงนั้น ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่ทว่ารู้สึกคัน ราวกับว่าชอบใจที่ได้เห็นท่าทางซ่านจินจื๋อที่ดูเจ็บปวดทุรนทุราย นางเพียงพูดขึ้นต่อไปว่า “เจ้ายอมรับการลงโทษเสียแต่โดยดี ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ล้วนแต่ต้องทำให้นางเจ็บปวดจนไม่เป็นผู้เป็นคน เอานางไปสารภาพกลับใจและชดใช้ความผิดเบื้องหน้าป้ายหลุมศพของอาจารย์ชายและหญิงของเจ้า”
ชั่วขณะนั้นซ่านจินจื๋อเองก็ไม่แน่ใจความรู้สึกนั้นว่าเป็นความรู้สึกอันหอมหวานหรือว่าขมขื่นกันแน่
ทั้งสองคนพูดจากันราวกับว่ามีเพียงฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่อยู่ในสายตา ในตอนนี้หยุนหว่านยิ่งไม่แน่ชัดในความรู้สึกแท้จริงของบุตรสาวมากขึ้นไปอีก ก็แม้กระทั่งฉูหลี่เองก็ยังรู้สึกแปลกใจเส้นทางความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสอง เฉกเช่นในตอนนี้ที่เห็น ดูเหมือนระหว่างบุตรสาวและซ่านจินจื๋อนั้นไม่ได้มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเลยแม้แต่น้อย
แอมกระแอมอยู่ไม่กี่ทีเรียกเองสติของบุตรสาวกลับมา หยุนหว่านเดินตรงไปด้านหน้าดึงนางออกมาสักหน่อย “กลางวันแสก ๆ กระทั่งผ้าผ่อนของบุรุษก็ฉีกออก กลับไม่ได้รู้สึกหน้าแดงขวยเขิน”
“เป็นหมอช่วยเหลือผู้คน ดูบาดแผลก็พอแล้ว”กู้อ้าวเวยยืนอยู่ข้างกายของหยุนหว่านด้วยท่าทีหลักแหลม พลางก็มองเห็นใบหน้าของฉูหลี่ที่เคร่งขรึมลง เพียงแค่พูดขึ้นด้วยความระอาใจว่า “ฝ่าบาท ข้าเองก็ดูร่างกายของชายและหญิงมาก็มาก เป็นหมอช่วยเหลือผู้คน พวกนี้ไม่คณาอันใดนักหรอก”
ฉูหลี่รู้สึกปวดหัวตึ้บมากยิ่งขึ้น หยุนหว่านแทบอยากจะอุดปากที่ไม่มีหูรูดของบุตรสาวให้เสียสนิท
“ต่อหน้าท่านพ่อท่านแม้ จะพูดเรื่องพวกนี้ไม่ได้”ในตอนนี้ซ่านจินจื๋อเองก็จ้องมองที่นางด้วยท่าทีจริงจัง พลางจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
บัดนี้กู้อ้าวเวยจึงจำใจต้องปิดปากลง นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติกับผู้หลักผู้ใหญ่อย่างไร
เพียงแค่นั่งลง แล้วเอาเรื่องราวประสบการณ์ที่ตนเองผ่านมาในแคว้นเจี่ยงเยี่ยน–บอกเล่าต่อ ในตอนท้ายก็ถามขึ้นว่า “ดังนั้นจริง ๆ แล้วเจ้ามาที่เอ่อตานด้วยเหตุอันใด”
“เพื่อข้อตกลงสันติภาพ ยิ่งไปกว่านั้นก็เพื่อเจ้า”ซ่านจินจื๋อจ้องมองเอกสารทางในมือด้วยสีหน้าที่ไม่ได้แปรเปลี่ยน “ในตอนแรกที่เจ้าแกล้งตายหนีจาก นับว่าเป็นการหลอกลวงต่อราชวงศ์ แต่บัดนี้สถานะของเจ้าไม่เหมือนเดิม ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เหล่าบรรดาเชษฐาและพระอนุชาเพียงแค่หวังว่าข้าจะพาเจ้ากลับไปที่จวนได้”
“ขอพูดจากใจจริง เจ้าเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ข้ากลับหลงคิดไปว่า เพื่อซูพ่านเอ๋อแล้วเจ้าถึงได้มาทำดีกับข้า”ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็ได้เอ่ยปากเผยความในใจที่คิดอยู่ทั้งหมดออกมา
แก้วในมือของฉูหลี่ที่ได้ปรากฏให้เห็นรอยร้าวออกมาเป็นที่เรียบร้อย จ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อด้วยสายตาที่เยียบเย็น
คนหลังที่ว่ามานี้ก็ชะงักงันเล็กน้อยออกมาก่อน พลันก็ยกยิ้มมุมปากที่ซีดขาวออกมาจาง ๆ
“ที่แท้แล้วเจ้าก็ยังสงสัยข้าอยู่”
“เจ้ามีความหมกมุ่นอยู่ลึก ๆ เพื่อสิ่งนี้แล้วก็ยิ่งทำร้ายคนไปมากมายนับไม่ถ้วน แต่พอได้พบกันอีกครั้งเจ้ากลับมีความรักที่ลึกซึ้ง ผนวกกับหลายปีที่ผ่านมานี้ ซูพ่านเอ๋อไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บก็แกล้งทำท่าทีเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ ความสงสัยของข้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนไร้ต้นสายปลายเหตุ”
กู้อ้าวเวยรินน้ำชาให้กับตัวเองหนึ่งแก้ว ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง
ถูกสงสัยเข้าดังนี้แล้ว ซ่านจินจื๋อทำท่าทีมั่นอกมั่นใจ “พูดไปก็ฟังดูมีเหตุผล”
กู้อ้าวเวยถึงได้พยักหน้าลง หยุนหว่านกลับยิ่งรู้สึกสับสนจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกเข้าไปอีก โชคดีที่ว่ากุ่ยเม่ยที่
อยู่ด้านนอกทนฟังต่อไปไม่ได้ ถลาตัวมาถึงข้างกายของหยุนหว่าน แล้วค่อย ๆ อธิบายขึ้น
“ตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งคู่รู้จักตัวตนของกันและกันแล้ว ก็มีปฏิสัมพันธ์เช่นที่เห็นนี้ ฮูหยินไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป”
แต่กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกกังวลใจขึ้นไปอีก
“เวยเอ๋อ”หยุนหว่านจำใจต้องค่อย ๆ เอ่ยปากพูดขึ้น กวักมือเรียกนาง “เรื่องราวระหว่างเจ้ากับซ่านจินจื๋อ แท้จริงแล้วเป็นเช่นใดกันแน่?”
“ข้ารักเขา แต่ไม่เชื่อใจเขา มิหนำซ้ำก่อนที่องค์ชายสามจะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ ข้าไม่สามารถช่วยเขาชักชวนแสวงหาผลประโยชน์ทางการทหาร ยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่ว่าเขาจะยอมทิ้งบัลลังก์เพื่อข้าได้จริง ๆ”
ทุกถ้อยถ้วนคำล้วนแล้วแต่ไม่มีบิดพลิ้วหรือเสแสร้ง ล้วนแล้วแต่ออกมาจากน้ำใสใจจริง
ฉูหลีคิดอยากจะพูดขึ้นว่าบุรุษเช่นนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ซ่านจินจื๋อที่อยู่ฟากนั้นกลับเอ่ยปากพูดขึ้นตามมาด้วยว่า “ท่านป้า ข้าทำต่อนางเช่นดังนี้ ในบัดนี้ถึงแม้นางจะบอกว่าติดต่อกับองค์ชายสามไม่มาก แต่แท้จริงแล้วนางก็ยังเป็นคนขององค์ชายสาม ยิ่งไปกว่านั้นวางแผนกลยุทธ์ให้กับอ๋องจงผิง ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะไม่เชื่อข้า แต่หัวใจดวงนี้ต่อไปในภายหน้าก็เป็นของนางไปแล้ว”
“เป็นเช่นดังนี้ พวกเราทั้งสองก็จะนับว่าจะแยกประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตนออกอย่างชัดเจน
ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
กู้อ้าวเวยเอนพิงลงบนไหล่ของหยุนหว่านอย่างเอาใจ กอดแขนของนางเอาไว้ “ท่านแม่จัดการเรื่องของท่านและฝ่าบาทเถิด เรื่องของลูก ลูกสามารถจัดการเองได้”
เมื่อพูดมาถึงระดับนี้แล้ว แม้ว่าหยุนหว่านจะกังวลใจกับเรื่องนี้ก็ดูไปแล้วเห็นทีคงจะไม่มีประโยชน์
ถอนหายใจเอามาเบา ๆ อย่างจนใจ แล้วก็กำชับนางมาอีกว่าในบัดนี้ได้อยู่ในสถานการณ์ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน อย่าได้ทำอะไรที่ไม่ดีต่อซ่านจินจื๋ออีก ถึงได้พาทั้งฉูหลี่และกุ่ยเม่ยปลีกตัวออกไป แล้วปล่อยห้องหนังสือให้กับพวกเขาทั้งสองคน
ซ่านจินจื๋อเขยิบตัวถอยที่ว่างบนเก้าอี้ตัวยาวขึ้นอย่างจงใจ กู้อ้าวเวยเดินไปพลางนั่งลงอย่างเข้าใจ จ้องมองตัวหนังสือที่อยู่บนเอกสารทางการ แต่เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้นก็ค่อย ๆ นิ่งงันเหม่อลอยไปเล็กน้อย “องค์ชายหกกลับคืนสู้สถานะเดิมได้รวดเร็วเช่นนี้ แท้ที่จริงแล้วฮ่องเต้ทรงมีพระดำริอยากทำอะไรกันแน่?”
“บีบบังคับให้องค์ชายสามให้ปกปิดความแข็งแกร่งและความสามารถ”ซ่านจินจื๋ออ่านหนังสือทางการในมือเสร็จสิ้นลง แล้วก็เอาตอนหนึ่งในนั้นส่งให้ในมือของกู้อ้าวเวย “ไม่นานมานี้ องค์ชายสามจะกรีทาทัพมา เหยียบย่ำแคว้นเจียงเยี่ยน พวกนี้ล้วนแล้วแต่ตระเตรียมไว้ให้กับเจ้า? ”
“แต่ก็ได้ทิ้งข้อความเอาไว้เป็นการเตือน”กู้อ้าวเวยไอเบา ๆ ออกมาทีหนึ่งด้วยความรู้สึกกระดากอาย “ถ้าหากว่าต่อไปเขาอยากจะฮ่องเต้ ถึงแม้ไม่ต้องการชัยชนะในการสงคราม แต่บัดนี้ได้มีองค์ชายหกเพิ่มมาอีกหนึ่งพระองค์ ไม่ควรจะให้เขานั่งรอความตายเอาแน่ ๆ ”
“เจ้าไม่เชื่อว่าองค์ชายหกไม่มีพระประสงค์ต่อราชบัลลังก์?”ซ่านจินจื๋อหัวเราะออกมาเบา ๆ มือข้างหนึ่งก็ค่อย ๆ โอบเข้าที่ด้านหลังของกู้อ้าวเวยไว้ โอบนางเข้าสู่อ้อมแขน “ข้าหลงคิดว่าเจ้าชอบนาง เชื่อเขามากกว่า”
กู้อ้าวเวยไม่ได้ขัดขืนต่อความใกล้ชิดของเขา เพียงแค่วางหนังสือในมือลง “ข้ารู้ว่าต้องแยกแยะเรื่องส่วนรวมและเรื่องส่วนตัวให้ออกจากกันอย่างชัดเจน ในวันนั้น ข้าเองก็ไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ แต่ว่าท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้นแล้ว มีเพียงเขาคนเดียวที่เต็มใจให้คำมั่นสัญญาต่อข้า เป็นเช่นดังนี้แล้ว จะเรียกว่าข้าไม่ชอบได้ยังไงกัน”
ท่าทีของซ่านจินจื๋อนิ่งแข็งขึ้น ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก
เรื่องเดิมเอามาพูดขึ้นอีก กลับเป็นการโบยกระหน่ำซ้ำตีลงบนบาดแผลของคนทั้งสองคน
เงียบงันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน รอจนกระทั่งดวงอาทิตย์ได้ลาลับลง กู้อ้าวเวยถึงได้ปลีกตัวออกไป เฉิงซานรีบตามท่านหมอมาทำแผลให้กับเขา แต่กลับถูกเขาตำหนิออกไป “ในเมื่อนี่เป็นการลงโทษ สิ่งเหล่านี้ก็หาจำเป็นไม่”
ในปีนั้น ร่างอันบอบบางของกู้อ้าวเวยนั้น อดทนต่อความหนาวเย็นทั่วร่างนี้ไปได้เช่นไรกัน
ความมืดในยามค่ำคืนมาเยือน กู้อ้าวเวยได้อาบน้ำชำระร่างกายเป็นที่เรียบร้อย หยุนหว่านตั้งใจเอายาน้ำซุปและยาทาบำรุงเข้ามา พูดอธิบายขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “อย่าได้บีบบังคับตัวเองจนมากไปนักเลย ในหลายวันมานี้ของตระกูลหยูนต่างก็พากันมา ข้าจะไม่ออกหน้า……”
“ข้าจะให้เวลาอีกสักพัก ครั้งหน้าค่อยไปแคว้นเจียงเยี่ยนอีกสักครา ต่อไปในภายหน้าก็ไม่ต้องไปอีกแล้ว”กู้อ้าวเวยซับลงบนผมยาวที่เปียกชื้น นั่งอยู่ข้างกายของหยุนหว่าน กุมมือที่เยียบเย็นของท่านแม่เอาไว้เป็นมั่น “ข้าจะดูแลตระกูลหยูนอย่างดี ท่านแม่วางใจเถอะค่ะ”
เช่นนี้หยุนหว่านถึงได้วางใจลง ถ้าหากว่าให้มากคนรู้เข้าว่าหยุนหว่านยังไม่ตาย เพื่อใบสั่งยาที่คงความเป็นอมตะเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าจะหลอกล่อแมลงเม่าออกมาได้สักกี่ตัว
ในเมื่อวางใจลงแล้ว หยุนหว่านถึงได้ผละตัวออกไป โดยไม่ทันได้สังเกตเข้าที่เรียวนิ้วของกู้อ้าวเวยกำลังสั่นเทาน้อย ๆ
กดมือที่สั่นเป็นเจ้าเข้าไม่หยุดด้วยความระมัดระวัง หยดน้ำที่บนหน้าผากหาใช่เพราะว่ายังไม่ทันได้ซับให้แห้งไม่ แต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นเม็ดเหงื่อเย็นที่ไหลออกมา นางจ้องมองไปทางยาต้มซุปบำรุงนั้นที่อยู่เบื้องหน้า โดยที่ยังไม่ได้แตะต้องมาโดยตลอด เพียงแค่กินยาลูกกลอนลงไป หัวใจที่อยู่ในทรวงอกก็ได้กลับคืนสู่การเต้นตามจังหวะตามปกติ
ร่างนี้ ก็ยิ่งทุกข์ทรมานรวดร้าวเข้าไปอีก
บัดนี้เงื่อนไขมีข้อจำกัดและขาดแคลน ชั่วครู่หนึ่งนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะว่าที่อกเคยได้รับบาดเจ็บมาใช่หรือไม่ และพิษพวกนั้นก็ค่อย ๆ แทรกซึมลงไปตามกระดูก ถึงทำให้นางรู้สึกปวดหัวไม่หยุด บางครั้งต้องตื่นขึ้นมาจากความฝันด้วยความตกตะลึงเพราะที่หน้าอกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
จมลงสู่ห้วงนิทราด้วยความปวดร้าว
จวบจนกระทั่งในกลางดึกที่ผู้คนนิ่งสงบลง ร่างของคน ๆ หนึ่งก็ตกลงมาจากข้างกำแพงอย่างไร้สุ้มเสียง