บทที่521 พักผ่อนสักครู่
บาดแผลจากการลงแส้ด้านหลังกับแผลที่ใต้ไหปลาร้าดีหมดแล้ว เหลือเพียงแต่รอยแผลเป็นน่ากลัวที่ยังไม่หายไป
เมื่อดูอย่างละเอียดบนตัวกู้อ้าวเวยยังมีบาดแผลเล็กๆน้อยๆอีกมาก แต่บาดแผลหนักๆแทบจะทั้งหมดนั้นมาจากตำหนักอ๋องจิ้ง ซ่านจินจื๋อเปลี่ยนยาให้นางอย่างเงียบขรึมแล้วค่อยๆใส่เสื้อผ้าให้
“ถ้าข้าเป็นเจ้าจะไม่มีทางให้โอกาสผู้ชายได้เข้าใกล้เช่นนี้”
กู้อ้าวเวยรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของซ่านจินจื๋อก้มหัวลงจัดการปกเสื้อตนเอง: “ความรักเป็นสิ่งแปลก วันนี้ถ้าท่านเกิดเปลี่ยนใจไปจากข้า ข้าก็จะไม่พูดอะไร”
“แต่โอกาสนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนัก”ซ่านจินจื๋อโอบนางเข้าอ้อมแขน: “ข้าไม่รู้ว่าจะชดใช้ให้เจ้าอย่างไรดี”
“งั้นก็บอกข้าเรื่องข่าวองค์ชายสามตีเมือง”กู้อ้าวเวยผลักเขาออกแต่ก็ยังข้ามตัวเขาแล้วใส่รองเท้าให้เรียบร้อย: “ข้ารู้ว่าเมื่อวานเย็นฉูห้าวจากไปแล้วแต่พวกท่านก็ไม่มีใครยอมบอกข้าเรื่องแนวตะเข็บชายแดน”
“ข้าถามหมอแล้วว่าอาการปวดหัวอาจเป็นเพราะเจ้ากดดันมากไปต้องพักผ่อน”ตอนนี้ซ่านจินจื๋อเหมือนกับหมาตัวใหญ่ที่เกาะคนหนึบ โอบเอวกู้อ้าวเวยจากด้านหลังแล้วคลอเคลียเบาๆ: “นอนอีกสักพักไหม?”
“ครั้งนี้ข้านอนนานพอแล้ว” กู้อ้าวเวยหันข้างมือข้างหนึ่งก็กดหน้าเขาไว้: “การเดินทางกลับมาของพวกเราครั้งนี้ใช้เวลาไปไม่น้อยแต่ข้ากลับไม่ได้เสียงลมใดๆนี่ใช่การชดเชยที่เมื่อก่อนท่านพูดไม่ดีหรือไม่?”
“นับว่าใช่ก็ได้”ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นยืนแต่สองมือก็ยังไม่ออกจากเอวของอีกฝ่าย: “รอจนพวกเขาทำให้สถานการณ์มั่นคงแล้วค่อยว่ากันอีกทั้งข้าก็จะให้กู้เฉิงรู้ถึงสาเหตุที่องค์ชายสามเคลื่อนพลนั้นเป็นเพราะซูพ่านเอ๋อคอยประสานงานอยู่ในแคว้นเจียงเยี่ยน”
“ดูเหมือนท่านตั้งใจจะจัดการเขาจริงๆ” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆโดยไม่สนใจว่าข้างหลังยังมีผีเกาะอยู่เพียงแค่ไปล้างหน้าล้างตาเดินอ้อมฉากกั้นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดๆก่อนจะออกประตู: “เรื่องพวกนั้นยกให้ท่านจัดการข้าจะไปหาชิงจือ”
“ได้” ซ่านจินจื๋อยังคงอยู่ในเสื้อผ้ายืนอยู่หน้าอ่างเพื่อล้างหน้า
หลังจากที่ทานข้าวเช้าแล้วกู้อ้าวเวยก็ยิ่งแน่ใจว่าทุกคนไม่ยอมให้นางรู้เรื่องสงครามแม้แต่กุ่ยเม่ยตอนนี้ก็ปิดปากเงียบ เขาเพียงแต่อุ้มชิงจือเดินดูของ มองถนนการค้าที่สงบสุขแล้วก็หอมหน้าผากชิงจือ: “เจ้าชอบคนที่ถูกโซ่ตรวนหรือไม่?”
“ข้าไม่เคยเห็น”จิงชือไม่ค่อยเข้าใจความหมาย
“งั้นเจ้ารู้สึกว่าชิงจื๋อชื่อนี้เพราะไหม??” กู้อ้าวเวยลูบหัวเขาเดินไปทางที่พักและโรงเรียนของเมืองตะวันตก
ชิงจือลูบหัวฟังกู้อ้าวเวยอธิบายความหมายของคำพูดนี้อยู่นานสุดท้ายก็พยักหน้าแล้วตบมืออย่างดีใจ: “ชอบ”
“งั้นวันนี้พวกเราไปฟังชื่อกันดีไหม?” สายตาของกู้อ้าวเวยหยุดอยู่ที่ประตูโรงเรียน สถานที่นี้เป็นที่ที่ฉูหลี่ใช้ชั่วคราว ตอนที่ทหารสองสามนายเห็นนางก็เพียงแค่เปิดทางให้เดิน
“ดี”ชิงจือพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดูขืนตัวจะลงจากอ้อมกอดของกู้อ้าวเวยแล้วจับแขนเสื้อนางเดินเข้าไป
ทาสนับพันที่แคว้นเจียงเยี่ยนส่งมาเพิ่งมาถึงเช้านี้
ฮ่องเต้แคว้นเจียงเยี่ยนแม้จะสั่งให้เตรียมชุดที่เหมาะกับพวกเขาแต่โซ่ตรวน ที่ควรถูกปลดออกตอนนี้ยังคงติดแน่นอยู่บนข้อมือของพวกเขา เด็กที่อายุไม่เยอะมีสองสามร้อยคนทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในโรงเรียนที่ค่อนข้างเล็กแทบจะเบียดแน่น
แต่พวกเขาก็เบียดอยู่ด้วยกัน ไม่ไปแตะชิงจือกับกู้อ้าวเวยหัวก็ก้มลงไม่กล้าเงยขึ้น
ส่วนผู้ชายสองสามท่านในโรงเรียนตอนนี้ก็กลุ้มใจแล้วก็คำนับกู้อ้าวเวย: “ฝ่าบาท”
“ไม่จำเป็นต้องคำนับข้า ที่มาวันนี้หวังว่าพวกท่านทั้งหลายจะตั้งชื่อให้แก่พวกเขา ในอนาคตถ้าอยากกลับไปหาครอบครัวก็จะไม่ขัดขวางแต่ก่อนอื่นต้องมีชื่อแล้วก็รู้จักตัวหนังสือ ในอนาคตอย่างน้อยก็จะไม่ถูกหลอก”กู้อ้าวเวยโบกมืออย่างขี้เกียจ ชิงจือที่อยู่ข้างกายก็ได้จับนิ้วมือของสาวใช้คนหนึ่ง สาวใช้ตกใจไม่กล้าขยับแล้วก็ไม่กล้ามองชิงจือ
กู้อ้าวเวยยิ้มกับสิ่งนี้: “ปลดโซ่ตรวนพวกเขาออกก็ยังดูเหมือนขาดอะไรไป ข้ารอสักพักจะพาพวกเขาไปซื้อของ”
“ที่นี่มีสองสามร้อยคน ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องทำเอง” ชายแก่สองสามท่านได้รับการยกยอจนแปลกใจ ถึงแม้ราชวงศ์ของแคว้นเจียงเยี่ยนส่วนมากจะเป็นพวกเขาที่เลือกแต่สุดท้ายก็ยังความต่างระหว่างศักดิ์สูงต่ำ
“การต่อสู้แนวตะเข็บชายแดนอยู่ในสถานการณ์กดดัน หมอในเมืองมีไม่มาก ข้ามีทักษะทางการแพทย์ก็ไม่ใช่วิธีแก้” กู้อ้าวเวยพูดแล้วก็ส่งคนไปย้ายโต๊ะเก้าอี้ออกมา: “ยิ่งไปกว่านั้น ชิงจือก็ไม่สามารถเล่นกับข้าที่เป็นหมอได้ทั้งวัน ที่นี่เด็กเยอะขนาดนี้ก็พอที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขาสักพัก”
“แต่เด็กพวกนี้ยังไม่มีวัฒนธรรม ถ้าทำร้ายองค์ชายน้อย……”
“ปกติมีคนคอยแอบดูอยู่ พวกท่านโปรดวางใจ” กู้อ้าวเวยยิ้มหวานพร้อมทั้งส่งเงินสองสามใบให้คนข้างๆ: “เอาไปซื้อขนมผลไม้เชื่อมธรรมดาๆมา ตอนกลางวันกำชับให้แม่ครัวอย่าทำอาหารที่มันเกินไป ในวันปกติพวกเขาไม่ควรกินมันๆ ตอนนี้ก็ค่อยๆปรับไป”
ในชั่วขณะนั้น ทั้งในและนอกโรงเรียนก็วุ่นขึ้นมา
เพียงแต่เด็กเยอะๆสองสามร้อยคนนี้แต่เพราะการสอนในวันปกติเลยไม่กล้าพูดคุย ตอนแรกจึงได้ยินแต่เสียงอ่อนหวานของชิงจือที่ค้นหาหนังสืออ้างอิงโบราณกับเหล่าสุภาพบุรุษ พร้อมทั้งถามเรื่องครอบครัว เลือกตัวเสียงตัวอักษรมาตั้งชื่อ
ส่วนด้านกู้อ้าวเวยช่วยคนจับชีพจร ดูแล้วเด็กส่วนมากไม่ได้ป่วยหนัก ทางฝั่งนี้ก็มองเห็นเด็กผู้ชายตัวผอมก็ขมวดคิ้วทันที: “มือเจ้าแต่ก่อนเคยบาดเจ็บ ตอนนี้ยังเจ็บหรือไม่?”
“ไม่เจ็บ” เด็กชายคนนั้นรีบพูด
“ถ้าเจ็บก็ต้องพูด”กู้อ้าวเวยจ้องเขาอย่างดุๆแล้วตบเก้าอี้ข้างๆ: “รอจนวันนี้ข้าจับชีพจรเสร็จก็จะพาเจ้าไปรักษาดีๆ”
เด็กชายนั่งอย่างกล้าๆกลัวๆ
ซ่านจินจื๋อจัดการเรื่องการเงิน หลังจากที่ได้รับข่าวไม่น้อยก็กลับมาโรงเรียนก่อนอาหารค่ำเด็กสองสามร้อยคนก็กำลังนั่งกินข้าวที่บันไดหรือเก้าอี้ กู้อ้าวเวยกำลังเขียนใบสั่งยา ชิงจือก็วิ่งไปทั่วถามเหล่าพี่ชายพี่สาวว่าชื่ออะไร
“ไปซื้ออาหารมันๆมา”กลางคืนกอดร่างที่ไม่มีเนื้อ
เฉิงซานหัวเราะแล้วส่งคนไปจัดการ
ด้านนี้ซ่านจินจื๋อก็เดินไปข้างๆนางแล้วหาที่ว่างนั่งลง ถามนางว่า: “ข้าจัดการหนังสือราชการทั้งวัน อาหารเช้ากลางวันเจ้ากินหรือยัง?”
“ท่านนี่ยิ่งเหมือนกุ่ยเม่ยขึ้นเรื่อยๆ” กู้อ้าวเวยเหลือบมองเขา: “กินหมดแล้ว”
“การยึดเมืองด้านนั้นก็นับว่าค่อนข้างสำเร็จ ถึงอย่างไรเสียทั้งสองด้านก็สร้างความกดดันเหมือนกันอีกทั้งก็ได้ประกาศแล้ว ตราบใดที่ทาสเข้าสวามิภักดิ์ ก็จะไม่ฆ่า นี่ก็ตีไปสองวันเป็นเช่นนี้ทาสนับพันก็จะหนีออกมา
ซ่านจินจื๋อพูดจบ การกระทำของกู้อ้าวเวยก็หยุดลง เด็กๆในลานบ้านก็พากันหันมา
“เช่นนั้นก็ยิ่งดี” กู้อ้าวเวยคิดถึงเรื่องทาสแล้วก็หันไปมองเขา: “ตอนแรกท่านคิดฆ่าสองหมื่นคนนั่น ซูพ่านเอ๋อเองก็เคยเป่าหูใช่หรือไม่”