บทที่ 531 สามพยางค์
ตอนที่ฉูหลี่เดินลงมายังดูไม่ได้สติอยู่เล็กน้อย
กู้อ้าวเวยและซ่านจินจื๋อเดินไปจนไร้ซึ่งเงานานแล้ว มีเพียงหยุนหว่านที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แววตาดูเหม่อลอย “ข้าเป็นคนที่ตายไปตั้งนานแล้ว วันข้างหน้าเวยเอ๋อคงจำเป็นต้องอาศัยเจ้าคอยเป็นที่พึ่งแล้วล่ะ”
“นางเป็นลูกสาวของพวกเราทั้งสอง” ฉูหลี่ได้แค่รีบเดินขึ้นมาด้านหน้า เอามือที่เย็นดั่งน้ำแข็งของหยุนหว่านกุมไว้ในมือ “แม้ว่าเจ้าจะไม่เปิดเผยโฉมหน้า แต่ข้ายังเก็บห้องไว้ให้เจ้ากับเวยเอ๋ออยู่เช่นเดิม ไปดูสักประเดี๋ยว……ได้หรือไม่”
หยุนหว่านไม่ได้ปฏิเสธ ฉูหลี่ได้แต่รอที่จะชื่นชมยินดี เอาธุระทุกอย่างมอบให้ฉูห้าวไปจัดการเสียนานแล้ว
ตอนที่กู้อ้าวเวยและซ่านจินจื๋อออกจากเมือง ฉูห้าวได้แพร่กระจายแผนการอันชั่วร้ายจากแคว้นอื่นไปทั่วอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแค่เพื่อปลุกระดมชาวบ้าน ในขณะเดียวกันก็หวังว่าจะมีผู้ที่มีความกล้าหาญไปเป็นทหารมากยิ่งขึ้น
คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นราชา
กู้อ้าวเวยคิดได้เช่นนี้ ยังคิดจะกลับตัวไปขึ้นม้า ร่างก็กลับถูกคนค่อยๆ นำพาลงมา เสียงของล้อเกวียนดังมาจากในป่า รถม้าคันหนึ่งหยุดลงตรงหน้ากู้อ้าวเวย
“ไม่ง่ายนักที่จะขี่ม้า” ซ่านจินจื๋อเอานางยัดเข้าไปในรถม้า พร้อมกับเอากลิ่นที่สดชื่นบริสุทธิ์ให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“เจ้ารู้หรือว่าข้าอยากไปไหน” กู้อ้าวเวยขยี้จมูกไปมา
“น่าจะไปพอท่านปู่เป็นได้” ตอนที่ซ่านจินจื๋อพูดอยู่ขณะนั้น คนคุมรถม้ากระตุกเชือกให้ขยับไป เคลื่อนตัวไปตามถนนเล็กๆ ด้านข้าง
กู้อ้าวเวยค่อยๆ ยิ้มออกมาแล้วเอนเอียงตัวไปยังหมอนนุ่มนิ่ม “เจ้ารู้ได้เช่นไรกัน”
“เมื่อครู่ที่เจ้ายอมรับพ่อเจ้า ดูเหมือนกับว่าจะเบิกบานใจเป็นพิเศษ” ซ่านจินจื๋อหยิบเอายาทาที่อยู่ในลิ้นชักด้านข้างออกมา “บางครั้งก็อยากจะไปไปพบคนในครอบครัวอย่างกะทันหัน”
“ตอนนั้นคนที่เจ้าอยากเจอคือใครกัน” กู้อ้าวเวยค่อยๆ แกะเสื้อออก ยอมให้เขาใส่ยาให้
“พี่ใหญ่ของข้า” ซ่านจินจื๋อช่วยเขาเอาเศษผ้าเล็กๆ พวกนั้นฉีกขาดลงมา ปรากฏเป็นบาดแผลออกมาให้เห็น
มองดูคนที่ใส่ยาอยู่ตรงหน้าอย่างจริงจังให้ตน กู้อ้าวเวยมักจะรู้สึกเหมือนว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันนางก็พบเรื่องบางอย่างที่น่าประหลาดใจ “เจ้าไม่ควรจะชื่อว่าซ่านจินจื๋อ”
ท่าทีของซ่านจินจื๋อแข็งอยู่กับที่ มองนาง
“ชื่อของเจ้าควรจะเป็นซ่านจิน ไม่มีตัว “จื๋อ” ด้านหลัง กู้อ้าวเวยพูดอย่างเบาๆ ในช่วงที่ฝ่ายตรงข้ามแววตากำลังอึ้งอยู่นั้นจับข้อมือของเขาไว้ “ฮ่องเต้องค์ก่อนเมื่อตอนนั้นคิดว่าเจ้ามีความเกลียดชังที่หนักเกินไป ราวดังเช่นปีศาจร้ายเหมือนแม่ของข้า ตัวอักษรคำว่า “จื๋อ” ก็ไม่ใช่ตัวอักษรที่ผู้ที่เป็นฮ่องเต้จะนิยมใช้กัน ตัวอักษรคำว่า “จิน” กลับเหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นของเจ้า”
ซ่านจินจื๋อมองดูท่าทางที่จริงจังของกู้อ้าวเวย ในใจรู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหายเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงฤดูหนาวเมื่อปีนั้น คนของเสด็จแม่พาเขาไปที่หน้าของอาจารย์พ่ออาจารย์แม่
ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเต็มท้องฟ้า อาจารย์ที่อายุมากโขผู้นั้น กลับมีลักษณะภายนอกที่หนักแน่น อีกทั้งยังเอาจริงเอาจัง ได้เอากระบี่ไม้หนึ่งเล่มมอบให้กับมือของเขา “ชื่อที่ไม่ได้รับการอวยพร ไม่ต้องเอาก็ได้ ในชื่อของอาจารย์มีตัวอักษรคำว่า “จื๋อ” อยู่ งั้นไม่ก็เอามอบให้เจ้า นับว่าเป็นศิษย์อาจารย์กันหนึ่งวัน แต่มีความหมายของการเป็นพ่อตลอดชีวิต”
แต่ตอนนั้นเขากลับคุกเข่าอยู่ต่อหน้าอาจารย์ส่ายหัวไปมา
“นี่เป็นแซ่ที่พ่อแท้ๆ ของข้าเป็นผู้ตั้งให้ ผู้เป็นแม่แท้ๆ ตั้งชื่อให้ วันนี้อาจารย์ตั้งชื่อให้ ข้าก็เลยต้องเพิ่มตัวอักษรหนึ่งตัว หากวันใดพ่อของข้าอยากจะกำจัดข้าให้ตาย ข้าถึงจะสละแซ่นี้ทิ้งไปได้ แต่ตัวอักษรคำว่า “จิน” นี้ กลับเป็นสิ่งที่สละทิ้งไม่ได้”
พูดจบ เขาก็โขกหัวคำนับอาจารย์หนึ่งทีอย่างหนักๆ
ชื่อของอาจารย์วันหลังก็จะไม่มีตัวอักษรคำว่า “จื๋อ” อีกต่อไป
ตอนนั้นเขายังหวังว่าพ่อแม่คู่นั้นของตนเองยังสามารถรักและปกป้องตัวเองไว้ได้
แต่ต่อมากลับเป็นราชโองการลับฉบับหนึ่งของฮ่องเต้องค์ก่อนให้เขาเป็นผู้สืบทอดราชสมบัติต่อ เสด็จแม่ที่รักและปกป้องตัวเองกลับเพราะเรื่องนี้อยู่นิ่งไม่ได้ และเอาเสด็จพี่ผลักดันให้ขึ้นครองราชย์
บัดนี้คิดขึ้นมากลับมีอารมณ์ทอดถอนใจหลายเท่าอยู่
นิ้วมือของกู้อ้าวเวยค่อยๆ หักไปที่ด้านหลังใบหูของเขา ดึงสติของเขากลับมา “เสด็จพี่ของเจ้าจริงใจกับเจ้าจริงๆ หลังกลับไปก็ควรจะขอโทษเขาดีๆ”
“อะไร…..” ซ่านจินจื๋อค่อยๆ อึ้งไป
“เขาใช้ตัวอักษรคำว่า “จิน” แสดงให้เห็นชัดเจนว่าต้องการบอกเจ้าว่า ไทเฮาองค์ปัจจุบันไม่รู้จะทำเช่นไรกับการตั้งชื่อที่มีตัวอักษรนี้จริงๆ แต่บัดนี้ตัวอักษรตัวนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นมานานแล้ว”
“ตัวอักษรตัวนี้เป็นตัวอักษรของเทพแห่งสงครามแห่งชางหลาน เป็นตัวอักษรของน้องชายเขา”
กู้อ้าวเวยตบเข้าไปที่หน้าผากของซ่านจินจื๋อราวกับว่าตบเข้าที่หน้าแข้งของตนเช่นนั้นก็ไม่ปาน “กลับไปจำไว้ด้วยว่าต้องขอโทษดีๆล่ะ”
ซ่านจินจื๋อค่อยๆ อึ้งไป เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เดิมทีคิดว่าเสด็จพี่จะหวังว่าเขาจะเหมือนเฉกเช่นองค์ชายพวกนี้ สามารถที่จะสืบราชบัลลังก์ต่อไปได้ แต่ได้ฟังคำพูดของกู้อ้าวเวยแล้ว เขากลับรู้สึกว่ามีความหมายที่ไม่ธรรมดาแฝงอยู่ในนั้น
เห็นท่าทางของซ่านจินจื๋อยังคงอึ้งอยู่เช่นนั้น กู้อ้าวเวยได้แต่ส่ายหน้า หันร่างกลับไปมองไปที่นอกหน้าต่าง “เทียบกับความเจ็บในอก ตอนนี้นางยังต้องมีเรื่อง
ที่สำคัญยิ่งกว่าที่ต้องจัดการ”
“หากเจ้าชี้ถึงการต่อสู้กันระหว่างสองแคว้นของกู้เฉิงและอ้ายหยิน ข้าจะไม่หนีจากไปไหน” ซ่านจินจื๋อพุ่งเข้ามาด้านหน้า มีความยุ่งยากลำบากใจบางอย่างที่เอาคนเข้ามาอยู่ในอ้อมอก “ข้ารับปากกับท่านน้าแล้วว่าจะไม่หนีจากเจ้าไปเด็ดขาด”
“หรือว่าเจ้าเชื่อคนอื่นว่าสามารถทำเรื่องนี้ได้ดีหรือ อย่าลืมไปล่ะว่าเจ้าคือเทพแห่งสงครามแห่งชางหลาน” ในขณะเดียวกันกู้อ้าวเวยก็ผลักเขาออกไปอย่างอดรนทนไม่ไหว แล้วก็ครุ่นคิดอยู่กับความคิดในหัวของตนเอง พลางใช้เท้ากระทืบไปที่เขาเบาๆ หนึ่งที “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการเอาคืนของข้าจะมีเพียงเท่านี้หรือ”
“แม้ว่าเจ้าจะต้องการเอาคืน ข้าก็จะไม่จากไปไหน” ซ่านจินจื๋อทำมือแข็งอ้อมโค้งเพื่อที่จะโอบนางเอาไว้
สองคนพัวพันกันไปมาอยู่ชั่วครู่ กู้อ้าวเวยจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีแรง ได้แค่ทอดถอนใจว่า “ไปไม่ไป”
“ไม่ไป” ซ่านจินจื๋อเอาคางวางไว้บนหัวของฝ่ายตรงข้าม “ข้าก็ต้องขอโทษต่อท่านปู่ของเจ้าเช่นกัน”
“เจ้าควรดูสถานการณ์โดยรวม” กู้อ้าวเวยต้านคางของเขาไว้
“ข้าต้องการแค่สาวงาม ไม่ต้องการแผ่นดินอันกว้างใหญ่” ซ่านจินจื๋อไม่ได้ปล่อยออก อีกทั้งยังขยับกระชับเอวของนางให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นอีก น่าตกใจจนคนที่อยู่ในอ้อมอกเสี่ยงที่จะกระโดดออกมา แต่กลับยังคงเรียบเฉย “หากไม่มีข้าแล้ว พวกเขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามล้วนทำได้ไม่ดีหรอก งั้นชางหลานแห่งนี้ไม่เอาก็ได้”
คำพูดประโยคนี้ทำให้กู้อ้าวเวยรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางคิดว่าแบบนี้ไม่เลว ก็เลยพยักหน้ารับปากออกมา
“อย่าบอกท่านปู่ พิษของกระดิ่งเหล็กอันนั้นยังไม่ได้คลายหายไปหมด” กู้อ้าวเวยจู่ๆ ก็เปิดปากพูด
“ข้าไม่บอกหรอก แต่วันหลังห้ามออกแรงใช้ดาบ แล้วก็ห้ามลำบากมากเกินไป” ซ่านจินจื๋อเอานางกลับเข้ามาซุกไปที่บนหมอน “นอกจากเรื่องของหารเอาคืนแล้ว ข้าจะไม่ยอมเจ้าอีกแล้วนะ”
“เจ้า” ครั้งนี้กู้อ้าวเวยกระทืบไปที่ขาเล็กๆ ของเขาอย่างแรงหนึ่งที
เมื่อก่อนสิ่งที่คนผู้นี้รับปากล้วนไม่รู้ไปไหนหมดแล้ว
คนบังคับรถที่นั่งอยู่ข้างเฉิงซานได้ยินเสียงโต้เถียงกันไปมาของสองคน ได้แค่จับที่เคลาของตัวเองไปมา
บัดนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ไม่เย็นชาเรียบเฉยดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว
……
ในขณะเดียวกัน ซูพ่านเอ๋อถูกบังคับให้เข้าไปในรถม้าของแคว้นซิน มุ่งหน้าไปทางแคว้นซิน
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยเอาคืนนาง พอตัวเองยอมรับว่าเป็นลูกสาวของกู้เฉิงแล้ว อีกทั้งยังสูญสิ้นความช่วยเหลือจากชางหลานอีกในวันเดียวกัน ถ้าเปรียบระหว่างชางหลานกับแคว้นซิน แน่นอนว่าชางหลานหวังว่านางจะไม่กลับไปที่ชางหลานอีก
บัดนี้สิ่งที่พึ่งได้เพียงหนึ่งเดียว มีเพียงท่านพี่จื๋อที่จะจัดแจงเตรียมการพาตนเองกลับไป
แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น นางก็จำเป็นต้องตามทหารแคว้นซินเหล่านี้จากออกไปด้วยกัน
ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ฝูงพลทหารและม้าล้วนอดไม่ได้ที่จะพักผ่อนกันอยู่ตามป่าเขา จุดฟืนขึ้นมาเพื่อเตรียมที่จะพักค้างอ้างแรมอยู่ที่นี่หนึ่งคืน ซูพ่านเอ๋อกลับมองดูพื้นดินที่เปียกชื้นแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา บนท้องฟ้าใกล้จะมีหิมะตกลงมาแล้ว แต่พวกนางกลับได้เพียงเอนกายอยู่บนพื้น
“ก็ไม่ได้ถูกดูถูกอะไรหรอก” ซูพ่านเอ๋อส่งคนออกไปหาฟืนและนายพลล่าสัตว์อย่างไม่พอใจนัก
นายพลตวัดสายตามาทางนางอยู่ชั่วครู่ “มีที่ให้พักผ่อนหลับนอนก็ไม่เลวแล้ว อย่ามาทำท่าทางน่ารำคาญเยี่ยงหญิงสาวเช่นนี้”