บทที่ 533 ช่องว่างระหว่างพ่อลูก
แคว้นซินเพิ่งจะสถาปนาขึ้น รากฐานไม่มั่นคงนัก
ไม่มีพระราชวังที่โอ่อ่ากว้างขวาง แม้ว่าซูพ่านเอ๋อจะถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง ก็มีแค่สวนแคบๆ ให้นางได้พำนักเท่านั้น ข้างกายมีสาวใช้ที่ผอมแห้งอ่อนแออยู่สองคน อีกทั้งยังชอบหาเรื่องกัน
แต่องครักษ์ด้านนอกประตูกลับได้แค่มองนางอย่างดูถูกอยู่ครู่หนึ่ง “หากไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านผู้นำ บัดนี้ก็จะเอาเจ้าส่งไปที่ตลาดสดนานแล้ว”
“ข้าทำอะไรผิดหรือ” ซูพ่านเอ๋อถามอย่างอยากรู้
“บัดนี้ไฟสงครามได้ยืดเยื้อออกไป ท่านกลับปลุกปั่นชางหลานและแคว้นเอ่อตานสองแคว้นใหญ่นี้ บัดนี้แคว้นซินเดิมทีก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว หากยั่วยุถูกสองมหาอำนาจใหญ่ ใครก็ล้วนรู้ว่าไม่มีผลดีอะไรทั้งสิ้น” ความดูถูกบนใบหน้าขององครักษ์ปรากฏชัดเจนขึ้นมาอีก “หากเจ้ารู้เรื่องด้านนอก ก็อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังซะ”
“ช่วยส่งจดหมายให้อ๋องจิ้งได้หรือไม่” ซูพ่านเอ๋อลอบเอาเงินจำนวนหนึ่งมอบให้แก่เขา
คนผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ก็ได้เพียงเก็บเงินไป “ให้เวลาเจ้าสองชั่วยามในการเขียนจดหมาย ช้ากว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนผลัดแล้ว”
“ข้าทราบแล้ว” ซูพ่านเอ๋อรีบเดินเข้าไปด้านใน
รีบร้อนเขียนจดหมายหนึ่งฉบับส่งมอบให้แก่องครักษ์ แววตาของซูพ่านเอ๋อก็เริ่มเย็นชาลง
ในเมื่อนางได้สูญสิ้นคนที่คอยประคับประคองนาง ถ้าเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดที่กู้อ้าวเวยเคยทำไว้เมื่อก่อน นางก็สามารถทำได้
ล้อเล่นกับจิตใจคน สร้างข่าวลวงขึ้นมา ทำไมนางจะไม่เป็น
แต่นางกลับไม่รู้ว่าหลังจากองครักษ์นั้นจากไป ก็นำจดหมายฉบับนั้นมอบให้กับมือของกู่เซิง
ดูเนื้อหาด้านในจดหมายเสร็จ กู่เซิงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งคำ เอาจดหมายฉบับนี้มองให้คนที่อยู่ด้านหลัง “ส่งไปให้กับมือของท่านพ่อ เขารู้ดีว่าควรจะทำเช่นไร”
คนที่อยู่ด้านหลังรีบออกไป กู่เซิงกลับมาที่ลานบ้านของซูพ่านเอ๋อด้วยตนเอง เขาเคยเจอคนผู้นี้เมื่อตอนที่อยู่ในเมืองเทียนเหยียน บัดนี้กลับเห็นว่าขาขวาของซูพ่านเอ๋อไม่เป็นธรรมชาติไปหน่อย จึงแปลกใจ “ตามเส้นทางที่เดินทางมานี้ ได้รับบาดเจ็บหรือ”
“บาดแผลเก่ายังไม่หายดี หากพวกเจ้าเห็นว่าข้าเป็นองค์หญิงจริงๆ ก็ไม่ปฏิบัติต่อข้าดีๆ หรือ” ซูพ่านเอ๋อวางพู่กันที่อยู่ในมือ “กู้อ้าวเวยเอาข้าส่งมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะอยากจะทรมานข้าหรือ”
“ทำไมพวกเราต้องช่วยกู้อ้าวเวยทรมานเจ้าด้วยล่ะ นางเป็นใครหรือ” กู่เซิงนั่งลงด้วยรอยยิ้ม เอาขนมเปี๊ยะที่นำมาด้วยวางไว้ที่ด้านหน้าของซูพ่านเอ๋อ
ซูพ่านเอ๋อมองไปทางเขาอย่างสงสัย นิ้วมือกลับค่อยๆ กำแน่นขึ้นอีก
หากนางไม่มีวิธีที่จะช่วยกู้อ้าวเวยล้มกู้เฉิง งั้นควรทำอย่างไรดี
“นางก็แค่อยากทำให้เจ้าเสียหน้า อีกทั้งยังหาไม่เจอสถานที่จะดีที่จะส่งเจ้าไป” แน่นอนว่ากู่เซิงรู้ความหมายของกู้อ้าวเวยที่ส่งนางมา จดหมายระหว่างพวกเขาสองคนล้วนส่งกันไปมาโดยผ่านทิงเฟิงเก๋อ
กู้อ้าวเวยได้แค่บอกเขาว่า จุดประสงค์ของซูพ่านเอ๋อก็คือจัดการกู้เฉิง
แต่ความต้องการที่กู้เฉิงมีต่อเขา กลับกลายเป็นการทรมานซูพ่านเอ๋อให้ดีๆ วิธีการที่ดีที่สุดคือให้นางเป็นไม้กันหมา เรื่องขุ่นเคืองใจทั้งหมดล้วนสาดเข้าไปบนตัวนางได้
กู่เซิงไม่เข้าใจความหมายของกู้อ้าวเวยทั้งหมด กลับยังรู้ว่ากระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสองคน จำเป็นมาก ก็พูดเสียงต่ำว่า “แต่บัดนี้เจ้าถูกคนโยนทิ้ง พ่อเจ้าไม่เพียงแค่อยากทิ้งเจ้า อีกทั้งยังอยากใช้เจ้าเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องจิ้งและซ่านจินจื๋อในช่วงเวลาสุดท้ายให้เกิดประโยชน์ด้วย”
“อะไร” ซูพ่านเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น
“ตั้งแต่ต้นจนจบอ๋องจิ้งปฏิบัติต่อเจ้า หากได้รีบการรับประกันจากเขา บัดนี้สภาพทางสงครามของแคว้นซินอาจจะแตกต่างออกไป”
ได้ฟังคำพูดนี้ ซูพ่านเอ๋อหัวเราะออกมาหนึ่งคำอย่างเย็นชา “ดังนั้น เขาก็เลยไม่ปล่อยข้าไป แต่ว่าเอาข้าเก็บเอาไว้เป็นตัวประกันก็ไม่ปาน”
“บอกเสียจากว่าเจ้าจะแสดงออกถึงความชาญฉลาดที่มากกว่านี้ ก็อาจจะเอาด้านที่มีประโยชน์ที่สุดของเจ้าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ มิฉะนั้นเจ้าก็จะไม่มีทางได้ออกจากแคว้นซินไปแม้แต่ครึ่งก้าว แต่ท่านพ่อแต่ไหนแต่ไรมาก็กดดันซ่านจินจื๋ออยู่แล้ว จวบจนเขายอมประนีประนอม” กู่เซิงเทน้ำชาให้ตัวเอง สีหน้าของการพูดเท็จยังคงไม่เปลี่ยนไป
แต่ไหนแต่ไรมากู้เฉิงไม่รู้สึกว่าซูพ่านเอ๋อมีค่าใดๆ ที่จะหลอกใช้ให้เกิดประโยชน์เลย
แม้แต่ซ่านจินจื๋อก็ยังไม่ยืนอยู่ข้างซูพ่านเอ๋อฝั่งนี้เด็ดขาด
ซูพ่านเอ๋อกลับกระชับผ้าให้แน่นขึ้นอย่างตายใจ เรื่องพวกนี้ราวกับว่ามีเหตุผลในตัวของมันอยู่แล้ว
“งั้นบัดนี้เจ้าเอาเรื่องพวกนี้บอกข้า มีจุดประสงค์อื่นใดอีกหรือ” นางหัวเราะอย่างเย้ยหยันหนึ่งคำ วางขนมเปี๊ยะที่อยู่ในมือลง
“ไม่เหมือนกับท่านพ่อ ข้าเพียงแค่อยากได้รับความช่วยเหลือจากซ่านจินจื๋อ” กู่เซิงเอาถ้วยน้ำชาถ้วยนั้นดื่มจนหมด วางลงอย่างเบาๆ “แต่ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของเจ้า ได้เพียงแค่บอกเล่าข่าวคราวแก่เจ้า เส้นทางในนั้นเจ้าจำเป็นต้องไปคลำหาเอาเอง”
ซูพ่านเอ๋อยกมุมปากขึ้น กลับคิดไม่ถึงว่าลูกของกู้เฉิงก็มีจิตใจที่ทะเยอทะยานเช่นนี้ บัดนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว บัดนี้ฝ่ายที่ต้องการความร่วมมืออย่างดียิ่งคนหนึ่ง นางไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน “ข้าตกลงรับปาก”
“แม่นางซูเป็นคนฉลาด” กู่เซิงค่อยๆ ยิ้ม ก่อนจากไปได้แค่มองขนมเปี๊ยะนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็จากไป
ออกจากลานบ้านของซูพ่านเอ๋อแล้ว กู่เซิงส่งจดหมายส่วนตัวไปให้กู้อ้าวเวยเพื่อบอกเรื่องนี้ ตนเองก็มาที่ห้องหนังสือของกู้เฉิงโดยลำพัง เห็นใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม รีบพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ แต่ว่าจดหมายฉบับนั้นมีปัญหาอะไรหรือ”
“หญิงผู้นี้คิดไม่ถึงว่าจะโง่เขลายิ่งนัก ยังคิดจะให้ซ่านจินจื๋อสั่งการทหารเพื่อนาง น่าขำเสียจริง” กู้เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ตบเข้ากับเก้าอี้เสียงดังไปหนึ่งเสียงทำให้จดหมายตกลงบนพื้น “นางคิดว่าซ่านจินจื๋อจะรักเดียวใจเดียวต่อนางจริงๆ”
กู่เซิงเอาจดหมายฉบับนั้นเก็บขึ้นมา ได้แค่แสร้งดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาอย่างทันที “เมื่อครู่ข้าไปพบนางมา แต่คิดไม่ถึงว่านางแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็ล้วนคิดจะยุแยง
“ทำไม กลยุทธ์สาวงามหรือ” กู้เฉิงมองไปที่กู่เซิงอย่างสงสัยอยู่ชั่วครู่
“มิใช่เช่นนี้ นางแสดงตัวว่านางรู้เรื่องของซ่านจินจื๋อที่นั่นไม่น้อยเลย แค่หวังว่าข้าจะสามารถใช้นางให้เป็นประโยชน์ได้ ช่วยนางส่งข่าว วันข้างหน้าเขาก็จะพาซ่านจินจื๋อมาช่วยข้าแย่งตำแหน่งรัชทายาท” กู่เซิงตั้งใจที่จะพูดเช่นนี้
กู้เฉิงเลิกคิ้วไปมา ตอนนี้กลับไม่มีคำพูดใดเลยให้กู่เซิงออกไป
กู่เซิงกลับมาที่ที่พักของตนอย่างเงียบๆ ในห้องมีหยกแกะสลักที่แตกหักวางอยู่
นั่นคือสิ่งที่ฮัวหลีซื้อมาจากตลาดเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาเมื่อตอนนั้น แต่ตอนนี้ของขวัญยังอยู่ ฮัวหลีกลับจากไปเสียนานแล้ว
กู้เฉิงเห็นลูกชายดีกว่าลูกสาว คิดว่าลูกสาวไม่มีประโยชน์ ก็เลยปล่อยทิ้งไปอย่างง่ายดาย
แต่สำหรับเขาแล้ว ตอนที่เขาผอมแห้งสู้ใครไม่ได้ ก็มีแต่ฮัวหลีเท่านั้นที่ปกป้องนางอยู่ข้างนอก บัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขากับฮัวหลีมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันนัก แต่ตอนนี้ กู้เฉิงกลับเอาชีวิตของหญิงสาวมาพนัน แม้แต่ท่านแม่เล็กทั้งหมดล้วนต้องจากไป
“ฮัวหลี หวังว่าเจ้าจะรับรู้ได้ในปรโลก สามารถเห็นวันที่จะมาถึงได้” นิ้วของกู่เซิงกรีดผ่านหยกแกะสลักไป ดวงตาค่อยๆ ปิดลง
ตั้งแต่ที่กู้เฉิงปล่อยวางชีวิตของฮัวหลีเป็นต้นมา เขาก็ไม่ใช่หุ่นเชิดที่กตัญญูคนนั้นอีกต่อไป
……
หิมะร่วงโรย ท่าทางที่สวมใส่ชุดสีเงินราบเรียบอยู่ตรงหน้า
เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมหลังคา แค่แสงอาทิตย์ที่บางเบาส่องมากระทบทะลุผ่าน
กู้อ้าวเวยโค้งตัวไปรับจดหมายที่ส่งมาจากกู่เซิงจากในมือของเด็กที่สวมหมวกหัวเสือ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของพวกเด็กๆ ก็เตรียมผลไม้กวนไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว เพื่อที่จะแบ่งแจกจ่ายออกไป
ซ่านจินจื๋อจูงชิงจือเดินเข้าไปในร้านตัดเสื้อ ด้านหลังมีสัมภาระเยอะแยะมากมาย ได้แค่เงยหน้ามองไปบนจดหมายนั้นอย่างคร่าวๆ ขมวดคิ้ว “เจ้าก็เชื่อว่ากู่เซิงจะช่วยเจ้าจริงๆ หรือ”
“ก็ไม่เชื่อหรอก แต่เขาเป็นคนฉลาด” กู้อ้าวเวยเอาจดหมายฉบับนั้นเก็บขึ้นมา ยื่นมือออกไปจะไปจูงชิงจือ ระหว่างทางกลับถูกซ่านจินจื๋อขวางทางไว้ ได้แค่จูงข้อมือที่เย็นเป็นน้ำแข็งของนางเบาๆ
“ลมหนาวรุนแรง เจ้ากลับรอคอยจดหมายที่ไม่ได้ปิดผนึกแน่นหนาอยู่ที่นี่” มือข้างหนึ่งของซ่านจินจื๋อดึงนางไว้ มืออีกข้างหนึ่งก็เอาชิงจือโอบไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่น
“นี่ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ” กู้อ้าวเวยเหลือบตาใส่เขาครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน “ข้าอยากจะเห็นท่าทางที่แสดงออกมาของซูพ่านเอ๋อเมื่อรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าจนทนไม่ไหวแล้ว”