บทที่ 558 กองกำลังเบื้องหลัง
“อยู่ตรงหน้านั่นเอง!”
กู้อ้าวเวยเร่งความเร็วมากขึ้น ในช่องตาดำยังสะท้อนร้านพักแขกในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ลุกโชน
เสียงกีบม้าเร่งรีบ หัวใจทั้งดวงของนางคล้อยตามลงช่องคอไป ระยะทางแสนไกลขนาดนี้ นางยังสามารถมองเห็นคนก้าวเข้าหมู่บ้านนั้นเกือบร้อยกว่า และตอนที่ท่านแม่ออกไปนั้น ข้างกายมีคนจำนวนเพียงหยิบมือ แล้วนางจะหนีเอาตัวรอดได้อย่างไรเชียว?
ส่วนคนที่ก้าวลงมาในหมู่บ้านก็สังเกตเห็นพวกนางแล้ว กำลังคนขบวนหนึ่งย้อนกลับมา ทหารหลายนายที่อยู่ข้างกายกู้อ้าวเวยขวางคนเอาไว้ “พระองค์ รีบไปเร็วเข้า”
กู้อ้าวเวยมองไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้า ลังเลอยู่สักพัก แต่ยังคงถลาเข้าไป
หากพวกเขาทำเพื่อสูตรยาอมตะจริง ๆ ก็ไม่อาจฆ่านางตายจริง ๆ แน่
นางตัดสินใจเสี่ยงดวงสักตั้ง
ต่อให้เป็นไปได้ว่าจะถูกจับตัวไปพร้อมกับหยุนหว่าน เช่นนั้นดีร้ายก็ยังมีคำตอบสักอย่างอยู่บ้าง
พุ่งถลาเข้าไปท่ามกลางฝูงชน คนเหล่านั้นคล้ายกับตกใจจนชักดาบในมือกลับไป ทำเพียงใช้สองมือมาพยายามจับตัวนางลงจากหลังม้า และบางคนก็หมายจะลงมือกับม้าใต้กายของนางอีกด้วย
“สมควรตาย” เสียงสบถทุ้มต่ำหนึ่งประโยค กู้อ้าวเวยกระโดดลงไปดื้อ ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่หลายคนคาดไม่ถึง และกลิ้งตัวไปที่ลำต้นไม้ด้านข้าง ฝุ่นควันลอยพุ่งทุกทิศ จนมองเห็นเงาคน
ส่วนทหารเอ่อตานพวกนั้นไม่รักการสู้รบอีกต่อไป พยายามมุ่งสู่ป่าเขาลำเนาไพรค้นหาเงาร่างของกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยวิ่งตัดผ่านท่ามกลางป่าเขา ไม่ได้ยินเสียงกีบม้าที่ยิ่งเพิ่มความเร็วดังลอยมาจากเบื้องหลังด้วยซ้ำ และไม่ทันเห็นกำลังคนของซ่านจินจื๋อกับกุ่ยเม่ยที่ดักมาข้างหน้า หนอนแมลงในแขนเสื้อถือว่าเกณฑ์มาใช้ประโยชน์แล้ว
หากไม่ใช่เพราะหยุนหว่านเหลือทิ้งร่องรอยบางส่วนตามรายทาง บางทีนางอาจจะยังหาที่นี่ไม่เจอ
แมลงพิษนี้ถูกเพาะเลี้ยงโดยหยุนหว่าน มันรู้จักแต่กลิ่นหนอนชนิดหนึ่งในมือของหยุนหว่าน หนอนชนิดนี้เลี้ยงง่ายยิ่งนัก ขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น ถ้าหากใช้ในการตามหาคนจะดีอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่เพราะหนอนตัวเล็กเกินไป จะต้องอยู่ภายในละแวกสี่ลี้จึงจะหามันพบ
ในเมื่อกู้อ้าวเวยรู้แล้วว่าหยุนหว่านเคยปักหลักอยู่ที่นี่ เพียงแค่ครู่เดียว ขอเพียงหยุนหว่านยังจำได้ว่าต้องทิ้งหนอนเอาไว้ ต่อให้นางตัวคนเดียวก็สามารถหาแหล่งที่อยู่ของนางพบแน่
พระเจ้าไม่รังแกผู้มีใจแน่วแน่ ตอนที่สีท้องฟ้ามืดสลัว ในที่สุดนางก็มองเห็นฝูงชนนั่งพิงอยู่รอบลำต้นไม้
คนมีกี่คนดูเหมือนจะซวนเซ ตอนที่กู้อ้าวเวยปรากฏตัวนั้น ผู้ชายสองคนที่เหลือซึ่งยังพอขยับตัวได้ใช้อาวุธคมดาบเล็งมาที่นาง แต่หลังจากที่เห็นใบหน้าดวงนั้นชัดเจนแล้ว หยุนหว่านจึงรีบหยัดตัวขึ้นโดยพลัน “เวยเอ๋อ เจ้ามาได้อย่างไร”
“ท่านแม่ ข้าต้องมาช่วยท่านอยู่แล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะพักยาว ท่าเทียบเรือชางหลานเมื่อปีกลายนั้นได้รับกองทัพเรือของบ้านริมน้ำโล่เสีย ขอเพียงมีคนจำหน้าข้าหรือสถานะของข้าได้ พวกเขาก็จะช่วยเหลือได้” กู้อ้าวเวยถลาเข้าไปกุมมือของหยุนหว่านเอาไว้ หยุนอี้ถูกนางจับบนมือซ้าย พลางกล่าวต่อไป “ถ้าหากไม่มีคนตามมา ราว ๆ พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ก็จะได้เห็นกำลังเสริมแล้ว”
หยุนหว่านรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าลูกสาวจะกำลังโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก
จื่อเหมิงกลับมองไปที่เลือดค่อนข้างมากบนคมดาบ รวมถึงเลือดพวกนั้นบนชายกระโปรงของหยุนอี้อย่างแปลกใจ
“ท่านนี่คือ…”
“ไม่เป็นไร ก็แค่สัตว์ป่าบางตัวเท่านั้น” กู้อ้าวเวยกล่าวไปส่ง ๆ แต่มือที่คว้าหยุนหว่านเอาไว้กลับมีความแน่วแน่อย่างไร้ข้อกังขา “พวกเราจำต้องจากไป ท่านแม่”
หยุนหว่านไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงบัญชาคนให้ตามไป สองคนที่เจ็บหนักนั้นต่างพันปากแผลเรียบร้อยแล้ว พลางพยุงกันและกันมุ่งไปข้างหน้า ความเร็วเช่นนี้ช้าเกินไป แต่ในป่าเขานี้ก็ซ่อนเร้นมากเช่นกัน ถึงยามราตรีในตอนนี้ นอกจากเสียงคำรามของสัตว์ป่าและเสียงแหวกว่ายของใบไม้แล้ว ข้างหูก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
กู้อ้าวเวยคล้ายกับท่องจำแผนที่ของที่นี่ขึ้นใจแล้ว ก่อนทำเครื่องหมายไว้บนลำต้นไม้อย่างคุ้นเคยเส้นทางดี ค้นหาทิศทางที่แม่นยำ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สังเกตว่าหมู่บ้านด้านหลังในจุดอันไกลโพ้นได้ถูกเหยียบราบคาบโดยสมบูรณ์แล้ว
ซ่านจินจื๋อและกุ่ยเม่ยกลับดูเหมือนแมลงวันหาแหล่งที่อยู่ของคนไม่พบ
คนที่กู้เฉิงส่งมาล้วนถูกกวาดล้างจนเกลี้ยงแล้ว รอจนกระทั่งยามสาม กุ่ยเม่ยจึงพาซ่านจินจื๋อมาถึงป่าเขา สถานที่แห่งนี้มีซากศพนอนเอกเขนกอยู่สองร่าง ศพหนึ่งเลือดไหลออกจากเจ็ดรูทวาร ส่วนอีกศพกลับถูกแทงทะลุขั้วหัวใจ โดยปลายนิ้วยังกำกระดาษผ้าสีเหลืองอ่อนไว้หนึ่งชิ้น
“นี่คือกระดาษที่ในยามปกตินางมักจะใช้ห่อยาพิษ หากเป็นยาถอนพิษหรือวัสดุยาธรรมดา โดยทั่วไปจะเป็นสีขาว นางน่าจะผ่านมาทางนี้ ซ้ำยังตัดการกับสองคนนี้อีกด้วย” กุ่ยเม่ยคุกเข่าลงบนพื้น มองสำรวจปากแผลที่ช่วงอกของคนผู้นั้น พลางเลิกคิ้ว “นางทาพิษไว้ที่หยุนอี้ ปากแผลไม่ลึกเลย ดูการเคลื่อนไหวของคนผู้นี้น่าจะยังเคยคว้าชายกระโปรงของกู้อ้าวเวยเอาไว้ด้วย”
ซ่านจินจื๋อกลับเริ่มไตร่ตรองสิ่งของละแวกใกล้เคียงอย่างเงียบ ๆ เขาสามารถตามมาถึงที่นี่ได้ เป็นเพราะคนของกู้อ้าวเวยเหลือทิ้งร่องรอยเอาไว้ทั้งนั้น นึกถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงรีบส่งคนไปค้นหา “ไปดูว่าละแวกนี้มีนายทหารเอ่อตานอยู่หรือไม่ ถ้าหากหาพบ ให้รีบปกป้องทันที และถามไถ่ที่กบดาน”
ครึ่งชั่วยามให้หลัง ไม่กี่คนก็ค้นพบนายทหารหลายนายอยู่จริง ๆ ด้วย ทหารสี่คนต่างถูกคนของกู้เฉิงทำร้ายสาหัส แต่ดูแล้วคนของกู้เฉิงยังไม่ทันลงมือฆ่าให้ตายเพราะต้องรีบไล่ตามหยุนหว่านและกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อจึงทำได้เพียงส่งคนกลับไปรักษาในหมู่บ้านหักพัง เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา
“มุ่งหน้าไปอีกหลายสิบลี้ ก็เป็นท่าเทียบเรือและด่านเจิ้งสุ่ยแล้ว” ซ่านจินจื๋อพึมพำกับตัวเอง
อิงจากความคิดของเขา หยุนหว่านไม่อยากให้ผู้คนค้นพบตัวตนของนาง และยิ่งไม่อยากมีส่วนเอี่ยวความสัมพันธ์กับราชวงศ์คนใด ๆ แต่ด่านเจิ้งสุ่ยกลับเป็นสถานที่สำคัญทางทหารยิ่งยวด มุ่งหน้าไปที่นั่นมิใช่เรื่องดีเลย แต่ถ้าหากไปกับกู้อ้าวเวยแล้วมันย่อมต่างออกไป
พอมีกู้อ้าวเวยแล้ว พวกนางคิดจะหยิบยืมสิ่งนี้เพื่อได้กับการปกป้อง ก็ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลเสียทีเดียว
“ไปด่านเจิ้งสุ่ย” ซ่านจินจื๋อตัดสินใจทันที โทษก็แต่ตนไม่นึกถึงเรื่องนี้ได้แต่เนิ่น ๆ เขาเข้าใจเพียงความคิดของกู้อ้าวเวย แต่กลับเดาไม่ออกว่าในใจหยุนหว่านคิดอะไรอยู่ เขาคิดว่า หากหยุนหว่านหลบหนีจริง ก็คงไม่มีทางหนีไปด่านเจิ้งสุ่ยสถานที่ป้อมปราการเช่นนี้แน่
อย่างไรเสียขอเพียงนางไม่เปิดเผยตัวตนออกมา ครั้นเข้าใกล้ก็จะถูกประหารทันที
คนที่มีความคิดแบบเดียวกับซ่านจินจื๋อ แน่นอนว่ายังมีกู้อ้าวเวยอีกคน
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่นางว่าเคยคิดเลยว่าหยุนหว่านจะหลบภัยที่นี่ แต่ตอนนี้นางกลับพบว่าหยุนหว่านไม่ได้เกรงกลัวด่านเจิ้งสุ่ยที่การตรวจการกวดขันเลย หลังจากที่ค่อย ๆ เว้นระยะห่างจากผู้คนด้านหลัง นางจึงกล่าวเสียงแผ่ว “ท่านแม่ หากท่านไม่ระบุตัวตน มุ่งไปด่านเจิ้งสุ่ยก็จะถูกฆ่าตายที่นั่นทันที แต่ท่านยังจะไปที่นี่อีก?”
“ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้ว อีกอย่าง เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าได้รับข่าวสารแคว้นต่าง ๆ ตอนอยู่ชางหลาน และทุกอย่างเดินบนเส้นทางสายหลัก” หยุนหว่านเร่งฝีเท้าขึ้นเช่นกัน มองดูท่าทีพิสดารของลูกสาว พลางกล่าวเสียงต่ำ “ไม่เพียงเท่านี้ กองกำลังเบื้องหลังข้าหากจะนับจริง ๆ น่าจะมาหลายร้อยกว่าปี ทว่ารอจนคนรุ่นหลังตระกูลหยุนรู้เข้า ก็ไม่อาจมีส่วนโยงใยกันอีกต่อไป ตอนนี้ทิงเฟิงเก๋อถูกทำลาย ความลับนี้ถูกขุดออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้าทำได้เพียงกลับชางหลานสักเที่ยว ไปด่านเจิ้งสุ่ยก็แค่วิธีเสี่ยงเข้าตาจนเท่านั้นเอง”
คราวนี้กู้อ้าวเวยจึงนึกถึงคำพูดของล่ายเสวียน เอ่ยว่าหยุนหว่านออกจากชางหลานเพียงแค่ยี่สิบปี แต่เหตุใดทิงเฟิงเก๋อถึงได้ไปมาหาสู่ทุกแคว้นได้เช่นนี้ เบื้องหลังจะต้องมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาหนุนอยู่ถึงจะถูก
“กองกำลังเบื้องหลังนี้ ใช่ตำบลเหยสุ่ยหรือไม่” กู้อ้าวเวยถามไถ่อย่างลองเชิง
หยุนหว่านตกตะลึงเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยังคงพยักหน้า