บทที่ 535 แผนการลอบสังหาร
บัดนี้กู้อ้าวเวยยุ่งเรื่องข้างนอกน้อยมาก
บัดนี้โลกภายนอกไม่มั่นคง เรื่องของแต่ละแคว้นล้วนให้นางเข้าไปแทรกแซงโดยพลการไม่ได้ และชางหลานก็ส่งคนมาเพื่อหวังว่าจะหมั้นหมายอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งก็ถูกฉูหลี่และฉูห้าวตอกกลับไป
ต้วนโฉงก็ไม่รู้จะทำเช่นไรกับเรื่องนี้ ตอนนี้ซ่านจินจื๋อมีร่างของหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขน ยกเว้นก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งกลับไม่สามารถใกล้ชิดไปกว่านี้ได้ วันนี้กู้อ้าวเวยดูเหมือนว่าจะหลับได้ไม่เลว ตอนที่ตื่นขึ้นมาหัวเกือบจะทิ่มลงไปกับพื้น ทำให้ซ่านจินจื๋อตกใจไปไม่น้อย พยุงคนกลับขึ้นมาบนเตียง
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ซ่านจินจื๋อสอดส่องดูทั่วตัวนาง
“ไม่เป็นไร ข้าลุกเร็วเกินไป” กู้อ้าวเวยนวดขมับไปมา นางเคยชินกับการทำอะไรไปมารวดเร็ว ความเร็วในการลุกขึ้นแน่นอนว่าต้องไวสุดๆ แต่ตอนนี้ร่างกายกลับถูกซ่านจินจื๋อดูแลตามใจจนเหลิงไปหมด จู่ๆ ก็ตวัดสายตาไปทางเขาครู่หนึ่ง “หากข้าไม่ขยับมากไปกว่านี้อีก ร่างกายนี้ไม่แน่ว่าก็จะไม่เป็นการดีเช่นกันแล้ว”
“งั้นก็รอจนหลังจากฤดูใบไม้ผลิแล้ว” ซ่านจินจื๋อกดคนเอาไว้ สั่งการให้คนรับใช้ไปตักน้ำอุ่นมา แล้วค่อยไปเตรียมเตาผิงมาให้เรียบร้อยแล้วเอาเข้ามาวาง อาหารเช้าก็ไม่ควรให้ห่าง
“หลายวันนี้หิมะละลาย หนาวเป็นอย่างยิ่ง เจ้ากับชิงจืออยู่ที่บ้านกันดีๆ สักหลายวันหน่อย รอจนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ยังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ”
“เรื่องอะไร” กู้อ้าวเวยแปลกใจ
ซ่านจินจื๋อรีบเอาเรื่องที่เฉิงซานมารายงานเขาเมื่อวานบอกกล่าวออกไป
ตอนนี้กู้อ้าวเวยกลับได้แค่ค่อยๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน คิดอยู่ชั่วครู่ “ตลอดเวลามานี้ ยังไม่สามารถให้นางอยู่ที่นั่นอย่างสงบอย่างจริงจังเลย”
“ข้าเตรียมที่จะซื้อคนของสำนักเหลี่ยงหยีลอบสังหารกู้เฉิง ให้กู้เฉิงรู้ว่าซูพ่านเอ๋อไปถึงแคว้นซินก็เพื่อที่จะล้มเขา” ซ่านจินจื๋อเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นส่งข้ามมา
กู้อ้าวเวยรีบเช็ดหน้า พยักหน้าอย่างจริงจัง “หากเป็นเช่นนี้ กู้เฉิงต้องไม่ปล่อยซูพ่านเอ๋อไปแน่ อีกทั้งยังไม่เชื่อคำพูดของนางอีกด้วย พวกเราได้แต่อาศัยจังหวะช่วงฤดูใบไม้ผลิเอาตำแหน่งพระชายาจิ้งพานางกลับมาโดยทันที”
“หลังจากพากลับมาล่ะ” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วขึ้นมา
“อันดับแรกเลยนางควรจะสำนึกความผิด ก็เป็นนางที่สูญเสียลูกไป อีกทั้งยังสูญเสียแม่ไปด้วย” กู้อ้าวเวยออกปากพูดอย่างเบาๆ “ในเมื่อนางพบหญิงที่โรงเตี๊ยมไม่ได้ งั้นก็สู้ให้นางลิ้มรสความเป็นแม่ดูไม่ดีกว่าหรือ”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะทำได้โหดร้ายกว่านี้เสียอีก” ซ่านจินจื๋อโอบไหล่นางไว้ ช่วยนางจัดแจงผมเผ้าอย่างลวกๆ
“หากให้คนลิ้มลองแต่ความผิดหวัง มันจะเป็นการไม่ค่อยดี ถึงเวลาเจ้าก็สามารถไปรับนางออกมาด้วยตัวเองได้ บอกนางเรื่องความจริงที่เจ้ารู้ทั้งหมด แล้วค่อยไม่สนใจไยดีนางอีก” กู้อ้าวเวยเอนตัวไปและผละออกจากอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ “รอจนตอนที่นางหมดหวังจากเจ้า ก็จะเป็นประโยชน์ให้ข้าได้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ตอนนี้เรื่องที่ข้าต้องทำ ก็คือต้องปูทางไว้อย่างดีให้นาง”
“เจ้าอยากให้นางช่วยกู่เซิงหรือ” ซ่านจินจื๋อถามอย่างหยั่งเชิง ค่อยๆ เว้นระยะห่างออกจากนางเล็กน้อย
นั่งอยู่ข้างเตียง กู้อ้าวเวยมองดูซ่านจินจื๋ออย่างสงสัยอยู่ลำพังชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พยักหน้า “รอจนถึงเวลามั่นใจว่านางหมดหวังแล้วคิดที่จะเอาคืน และก่อนหน้านั้นมีเพียงกู่เซิงที่ยอมเชื่อนาง แน่นอนว่านางต้องติดกับ”
“นางอยากหลอกใช้เมี่ยวหารเพื่อได้รับการช่วยเหลือจากอ้ายจือ บัดนี้ก็ควรจะให้นางได้ลิ้มรสชาติการถูกหลอกใช้เช่นกัน”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่กู้อ้าวเวยตัดสินใจดีแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว
และในขณะเดียวกัน ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ที่แคว้นซินกลับไม่มีวันที่ได้ใช้ชีวิตดีๆ เลยสักวัน กิน ใส่ ใช้สอยประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ในบ้านไม่มีคนที่เชื่อถือได้ แม้แต่องครักษ์ที่ใช้เงินซื้อเพื่อให้ไปส่งจดหมายให้ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ ตอบกลับมา
ขาขวาของซูพ่านเอ๋อเริ่มมีอาการปวดอยู่ภายใต้ผ้าห่มที่บางเช่นนี้ ในห้องไม่มีเตาผิง เย็นเยือกไปหมด
นางไม่เป็นวิชาแพทย์ และยังไม่สามารถเชิญหมอมาได้อีก ได้แต่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดในแต่ละวัน ตอนที่ไม่มีคนยิ่งน้ำตานองหน้าไม่หยุด ปรากฏความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา
วันที่เป็นเช่นนี้ติดต่อกันมาหลายวัน ในที่สุดนางก็ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างทนไม่ได้ แต่กลับถูกองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูกดไหล่นางลงไปกับพื้น แส้ฟาดลงไปบนสลักหลังยิ่งเจ็บปวดดั่งไฟที่ร้อนแรง
“อย่าให้หน้าแล้วไม่รักษาหน้าไว้ บัดนี้เจ้ามีกินได้ในแต่ละคำก็เมตตาเจ้ามากพอแล้ว”
คนที่อยู่ด้านหลังบีบหน้าของนางพร้อมกับด่าว่า ซูพ่านเอ๋อได้แต่รู้สึกว่าในกระเพาะของนางมีอาการปั่นป่วน แต่แส้ที่ฟาดมาที่ด้านหลังนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า รอจนองครักษ์นั้นด่าว่าจนพอใจแล้วจากไป
ขาสองข้างของนางล้วนสั่นเทาอยู่ในลมหนาว สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างกายพยุงนางขึ้นมา กล่าวเตือนนางว่า “บัดนี้ในแคว้นซินวุ่นวายกันไปหมด เอาเจ้าเอาไว้นั้นทำให้พวกชาวบ้านต่างพากันโมโหกันใหญ่”
“ข้าคนเดียวจะดึงดูดให้ชาวบ้านลุกฮือขึ้นมาได้อย่างไร” ซูพ่านเอ๋อโมโห
“เมื่อก่อนท่านวางแผนอยากได้ตำแหน่งองค์หญิงแคว้นเอ่อตาน แต่บัดนี้องค์หญิงแคว้นเอ่อตานองค์ปัจจุบันเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและจิตใจเมตตา ยังเป็นคนที่พาทาสรับใช้หนึ่งพันคนกลับไปและดูแลอย่างดีเมื่อตอนนั้นด้วย ตอนนี้ประชาชนของแคว้นซินส่วนใหญ่ก็เป็นทาสรับใช้ ให้ความเคารพนับถือกับองค์หญิงผู้นี้เป็นอย่างมาก” สาวรับใช้พูดเบาๆ
ฟังถึงตรงนี้ ซูพ่านเอ๋อถลึงตาใส่สาวใช้สองคนที่ประคองอยู่อย่างทันที ต่างคนต่างกลับไปในห้องของตน
เรื่องนี้ก็เป็นแค่เรื่องที่กู้อ้าวเวยไม่ได้เจตนา แม้แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าในสายตาของทาสรับใช้เหล่านี้ องค์หญิงเอ่อตานสีคำนี้จะแสดงถึงการนับถือสองคำนี้ แม้ว่าทาสรับใช้เหล่านี้จะไม่ได้อยู่ที่แคว้นเอ่อตาน ก็อดไม่ได้ที่จะมีจิตใจที่ยกย่องเคารพนับถือนาง
แน่นอน เรื่องนี้ถูกแพร่ข่าวไปถึงแต่ละแคว้น นั่นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ซ่านจินจื๋อจะส่งคนไปสืบดูหน่อย
ซูพ่านเอ๋อกลับมาถึงในห้อง เหงื่อเย็นไหลออกมาเรื่อยๆ
บัดนี้นางแค่สงสัยว่าเป็นต้วนโฉงที่นำจดหมายที่นางส่งไปถูกตัดตอนระหว่างทาง หากไม่เป็นเช่นนี้ ทำไมท่านพี่จื๋อจนป่านนี้ยังไม่มีข่าวคราวอันใด
แต่ผ่านไปชั่วครู่ องครักษ์ที่อยู่นอกประตูเข้ามาในลานบ้านพร้อมกับทหารของแคว้นซิน
ซูพ่านเอ๋อถูกทำให้ตกใจขึ้นทันใด กู่เซิงหน้าดำคร่ำเครียดพาคนเดินเข้ามาเช่นกัน “เอาตัวนางไป”
ทหารสองนายพุ่งขึ้นมาด้านหน้า จับเข้าที่บาดแผลที่อยู่บนสะบักของนาง ซึ่งออกแรงเป็นสิบๆ เท่า
ซูพ่านเอ๋อเสียงหลงออกมาอย่างมึนกับความเจ็บ สายตาด้านหน้าเกือบจะมืดมิด ได้แต่กัดฟันเงยหน้าขึ้นมา “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย นี่พวกเจ้าเตรียมที่จะเอาข้าไปฆ่าหรือ”
“ลอบสังหารท่านพ่อข้า โทษนี้มากพอที่จะฆ่าเจ้าพันหมื่นครั้ง” กู่เซิงนวดขมับอย่าที่ปวดอยู่ คนที่อยู่ด้านหลังเอามีดที่บ่งบอกว่าเป็นของสำนักเหลี่ยงหยีโยนไปที่ด้านหน้าของนาง “เจ้าซื้อคนของสำนักเหลี่ยงหยี เพียงแค่ต้องการเอาชีวิตท่านพ่อข้า บัดนี้แขนของท่านพ่อได้รับบาดเจ็บ คนของสำนักเหลี่ยงหยีทั้งหมดกินยาพิษฆ่าตัวตาย บนตัวยังมีจดหมายลับของเจ้าอยู่
นางมองดูดาบที่อยู่บนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถลึงตาด้วยความตกใจ “ตอนนี้ข้าถูกกักขังอยู่ที่นี่ ทำไมจะ……ต้องเป็นกู้อ้าวเวยแน่นอน ต้องเป็นนางสารเลวคนนั้น……”
“อย่าเล่นลิ้นอีกเลย” กู่เซิงเดินขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว หยิบผ้าอุดปากนางเอาไว้ น้ำเสียงเย็นชา “ใครจะไม่รู้ว่าสำนักเหลี่ยงหยีเป็นพรรคพวกที่อยู่ในยุทธภพของชางหลาน กู้อ้าวเวยไปทางแคว้นเอ่อตานนานแล้ว แม้แต่คนรุ่นหลังของตระกูลหยุนล้วนแอบพาไปด้วยกัน พำนักอยู่ที่ป้อมในแคว้นเอ่อตาน เจ้าสาดโคลนเช่นนี้ มันจะน่าขำมากเกินไปกระมัง
“อู้ๆ” ซูพ่านเอ๋อพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
กู่เซิงกลับล็อกคอของนางไว้ในตอนนั้น พูดเบาๆ ข้างหูนางว่า “มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นในเวลานี้อย่าตกใจ นิ่งเงียบรอดูการเปลี่ยนแปลง”
ซูพ่านเอ๋อค่อยๆ ถลึงตาขึ้น ถึงคิดขึ้นมาได้ว่ากู่เซิงยังหวังว่าซ่านจินจื๋อที่อยู่เบื้องหลังตนจะช่วยนาง ก็เลยค่อยๆ นิ่งเงียบลงบ้าง ยอมให้ทหารพวกนั้นพาตัวออกไป
กู้อ้าวเวย เจ้าช่างมีแผนการเยอะแยะเสียจริง