บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 552

ตอนที่ 552

บทที่ 552 ลูกปัด

“พระองค์ทั้งสองท่านอยู่ห้องด้านใน…”

สาวใช้ที่ออกมารายงานใบหน้าแดงก่ำกะทันหัน

หยุนหว่านบีบมือที่กำบนขอบแก้วแน่น และเข้าใจในทันที ก่อนกระแอมไอสองสามครั้ง ทำได้เพียงรอคอยอย่างเงียบเชียบ

ผ่านไปเป็นเวลานาน กู้อ้าวเวยจึงวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาอย่างซวนเซ ดวงตาคู่หนึ่งกลับยังเจือแววพึงพอใจหลายขนัด แม้กระทั่งซ่านจินจื๋อที่รีบรุดตามหลังมาก็ยังเปี่ยมด้วยความเคลิบเคลิ้ม รังแต่จะทำให้หยุนหว่านในฐานะคนเป็นแม่เกิดความกระอักกระอ่วน

กู้อ้าวเวยกลับไม่ค่อยอึกอัก ผิวหน้าก็ไม่เรื่อแดง นั่งลงข้างกายหยุนหว่านอย่างว่าง่ายพลางกล่าวถามนาง “ท่านแม่เตรียมตัวจะไปเมืองเย่นสักเที่ยวใช่หรือไม่”

“ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้แหละ” หยุนหว่านยังคงกระแอมไออย่างอึดอัดตามเดิม “หลายวันมานี้เรื่องราวต่าง ๆ เป็นไปได้ไม่ดีเท่าไร หากเจ้ามีเวลาไม่สู้ไปอารามสักเที่ยว ยุ่งกับพวกเรื่องราวใหญ่โตให้น้อย ๆ หน่อย พยายามมอบให้พวกเขาไปจัดการก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“เวยเอ๋อทราบแล้ว” กู้อ้าวเวยรีบพยักหน้าทันที

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเรียบง่ายสักพัก คนข้างกายของหยุนหว่านเริ่มเร่งเร้าขึ้นมา บอกว่าจะไปดูสถานการณ์ที่เมืองหมู่บ้านในเอ่อตานก่อน หลังจากนั้นจึงจะกลับไปชางหลาน เมืองเย่น

การไปคราวนี้ หยุนหว่านกลัวว่าคงต้องรอครึ่งค่อนปีกว่าจะได้หวนกลับมา

และก็มีเพียงเวลานี้ กู้อ้าวเวยถึงได้ชิงชังรถม้านี้ คิดว่าหากสะดวกสบายกว่านี้หน่อย ก็คงสามารถประหยัดเวลาได้สักกี่มากน้อยกันนะ

หยุนหว่านจึงทำเพียงกอดกู้อ้าวเวยสักพัก ก่อนจะจากไปยิ่งไม่ลืมเอ่ยเตือนซ่านจินจื๋อ “ทำอนาจารกลางวันแสก ๆ ไม่ดีนัก อุปนิสัยกู้อ้าวเวยไร้ความกังวล เจ้ากลับไม่ใส่ใจเลย?”

“ข้าไม่ดีเอง” ซ่านจินจื๋อตอบรับอย่างกระอักกระอ่วน และได้รับยาถอนพิษที่หยุนหว่านยื่นมาให้ตนแบบไม่นอกเหนือความคาดหมาย “หลังจากทานแล้วให้พักฟื้นดี ๆ สักสองสามวันก็ดีขึ้นแล้ว”

“ท่านไม่กลัวข้าทำร้ายนางแล้วหรือ” ตั้งแต่ต้นจนจบซ่านจินจื๋อแบมือออกตลอด ไม่เคยได้ประกบกันเลย

“ตอนนี้เจ้าสามารถลองเชิงปลุกปั่นเอ่อตานได้แล้ว”

ทิ้งประโยคนี้ไว้ หยุนหว่านปีนขึ้นรถม้า ซ่านจินจื๋อเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้

รอกระทั่งหยุนหว่านจากไป กู้อ้าวเวยจึงเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ข้างกายของเขา พิงบนไหล่ของเขาอย่างได้ใจ ก่อนค่อย ๆ เงยหน้าเหลือบมองเขา “ทำไมท่านถึงได้ว่าง่ายขนาดนี้”

ซ่านจินจื๋อประสานมือของนางเอาไว้เฉกเช่นเคย เติมเต็มง่ามนิ้วของนางทั้งหมด “ตอนนี้เจ้างดงามอ่อนช้อยเสียยิ่งกว่าช่อผกา ข้าจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไรกัน”

ถูกเอ่ยเช่นนี้ แม้ว่ากู้อ้าวเวยจะค่อนข้างเกรงอกเกรงใจ แต่กลับเอ่ยถ้อยคำโต้แย้งออกมาไม่ได้

ซ่านจินจื๋อทานยาถอนพิษลงไป กู้อ้าวเวยส่งคนไปเตรียมรถม้า หมายจะไปอารามสักครั้ง

นางเคยมอบลูกปัดหนึ่งเส้นให้กับฉูหลี่ผู้เป็นบิดา แต่เป็นเพียงแค่สินค้าวางขายตามท้องถนน ตอนนี้พอดีถือโอกาสนี้ไปขอสิ่งดี ๆ ที่อารามด้วยเลย

ซ่านจินจื๋อเองก็จำเป็นต้องพักผ่อนอย่างดีสักระยะหนึ่ง

อารามอยู่บนเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ภูเขานิรนาม อารามแห่งนี้ก็นิรนามเช่นกัน

ในบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายก็ไม่ได้นับถือพระเจ้าและพุทธองค์ เลื่อมใสก็แต่ฟ้าดิน ยามกลางวันตอนเช้าตรู่จำต้องนั่งสงบนิ่งอยู่ภายใต้ชายคา ทานเนื้อคาวคลุ้งผสมผสานกับน้ำจัณฑ์ ทว่าก่อนทานอาหารทุกมื้อกลับต้องแผ่เมตตาก่อนเสมอ หลังภูเขาอุปถัมภ์เลี้ยงดูเด็กจำนวนไม่น้อย ผู้คนในวัดวาอารามส่วนมากจะเป็นสุภาพบุรุษ ยามปกติไม่ได้ท่องพระคัมภีร์บ่อยนัก เพียงแต่บ่มเพาะวิธีทางความประพฤติเท่านั้น

ถูกเรียกว่าอาราม แต่เนื่องจากมีคนจำนวนไม่น้อยต่างบอกว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นอารามแห่งแรกบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้ ต่อให้ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ทว่ายังคงมีพระชั้นสูงจากทั่วทุกมุมเมืองหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยียน

เด็กกำพร้าที่กู้อ้าวเวยเคยช่วยชีวิตส่วนมากก็ถูกส่งเข้ามายังสถานที่แห่งนี้

ยังไม่ทันย่างเหยียบบนประตูหลัก ก็สามารถมองเห็นพวกเด็กน้อยที่สวมเพียงชุดเดียวเรียบง่ายเดินกันให้ควัก เสียงหัวเราะเติมเต็มป่าเขาลำเนาไพร พวกเราทั้งสองยังไม่ได้พาคนเข้ามา กู้อ้าวเวยก็ยังสวมผ้าคลุมหน้าโปร่งบางเอาไว้อยู่ ซ่านจินจื๋อก็ยังสวมอาภรณ์ตัวยาวสีดำขลับตามเดิม ในเวลานี้กำลังจูงกู้อ้าวเวยเอาไว้อย่างระมัดระวัง

คืนนั้นที่หยุนหว่านจากไป กู้อ้าวเวยเกือบจะผล็อยหลับไปในบ่อน้ำพุร้อน หลังจากถูกสาวใช้ไม่กี่คนหามขึ้นมาก็ตากลมเย็น ถึงแม้จะเลี่ยงเสียงหัวเราะหยันจากซ่านจินจื๋อไม่ได้ แต่ตลอดทางหลายวันมานี้กลับดูแลเป็นอย่างดี ทว่าจนป่านนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย

“เจ้าป่วยแบบนี้นานเกินไป ไม่สู้ให้ข้าหาท่านหมอสักคนมาให้เจ้าอีก” ซ่านจินจื๋อเหลือบเห็นปลายจมูกของนางแดงเรื่อไปหมด แล้วพลันเห็นใจ

“ท่านอย่าได้เคลือบแคลงในทักษะการแพทย์ของข้าอยู่เรื่อยสิ นี่ข้าเรียกมันว่าเจ็บป่วยมาดั่งเขาคว่ำ และจากไปดุจกรอด้าย ทุกคนต่างก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้นแหละ” กู้อ้าวเวยจ้องเขาอย่างดุดัน น้ำเสียงกลับแหบพร่า

ที่สำคัญคือครั้นนางเจ็บป่วยเข้า ก็ยังไม่เต็มใจเลื่อนการเดินทางออกไปสักสองสามวัน ทุลักทุเลตลอดทางตอนนี้ขาทั้งสองข้างก็ยิ่งอ่อนแรงลง

หากไม่ใช่เพราะกู้อ้าวเวยดึงดัน ซ่านจินจื๋อก็คงไม่รังเกียจที่จะอุ้มนางขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ

“ข้ายังคง…”

“ท่านกล้า!” กู้อ้าวเวยจ้องเขาเขม็งปราดหนึ่ง

ใช้เวลาเนิ่นนาน ในที่สุดก็นับว่ามาถึงประตูหลักของวัดนิรนามเสียที สุภาพบุรุษที่ได้รับข่าวสารก็พาทั้งสองจัดแจงไปอยู่ที่ห้องปีกทางทิศตะวันออก ที่นี่ส่วนมากจะมีแขกเหรื่อและสุภาพบุรุษอาศัยอยู่ เช่นเดียวกันภูเขาด้านหลังซึ่งไกลออกไป มันเงียบสงบยิ่งนัก

ซ่านจินจื๋อวางห่อสัมภาระของทั้งสองคนลง เห็นกู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนฟูกนอนนุ่มนิ่ม กำลังบีบนวดขาสองข้างที่เริ่มอ่อนแรงด้วยตัวเอง

“ที่แท้เจ้าชื่นชอบวัดวาขนาดนี้เลยเชียว” ซ่านจินจื๋อหย่อนกายลงบนเตียงโดยตรง นั่งที่ขอบเตียงพลางช่วยนางบีบนวด

“ไม่ได้ชอบเสียหน่อย เพียงแต่ยามปกติพอข้าสงบใจลงมากลับรู้สึกว่าไม่สบายใจ แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน” กู้อ้าวเวยพลิกกาย ฝังครึ่งหน้าของตัวเองเข้าไปในผ้านวม “ที่แห่งนี้ การทำสมาธิจึงจะเป็นทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ เป็นความรับผิดชอบด้วย”

ซ่านจินจื๋อกดทับขาทั้งสองข้างของนางเอาไว้ และไม่แปลกใจเลยสักนิดที่แขนขาทั้งสี่ของนางซูบผอมลง ก่อนกล่าวเสียงต่ำ “หากไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเป็นคุณหนูจอมหยิ่งผยองคนหนึ่ง ข้าคงจะเข้าใจไปจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นลูกที่เกิดจากครอบครัวที่ทุกข์ยากสักแห่งเป็นแน่”

“ท่านไม่เคยคิดมาก่อนเลยหรือว่า ปีนั้นงานวิวาห์อันยิ่งใหญ่ในคืนนั้น กู้อ้าวเวยก็ตายจากไป?”

กู้อ้าวเวยปริปากอย่างจับพลัดจับผลู

ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการแบกรับชื่อของคุณหนูจอมผยอง หากแต่นางไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนเลยจริง ๆ

นับตั้งแต่เล็กที่เริ่มจำความได้ เรียนรู้และความรับผิดชอบสองคำนี้ยังคงวนเวียนไม่หนีหาย จนกระทั่งภายหลังนางต้องเผชิญหน้ากับผู้ป่วยรวมถึงครอบครัวอันนับไม่ถ้วน เพียงเพื่อขยับขยายคำว่าความรับผิดชอบให้มากขึ้น ส่วนสิ่งที่ครอบครัวซึ่งไม่ได้มีอยู่อีกต่อไปของนางหลงเหลือทิ้งไว้ให้ก็คือการเรียนรู้อันไม่สิ้นสุด

พวกเขาตายจากการวินิจฉัย ตายจากพิษความเจ็บป่วยร้ายแรง ดังนั้นนางจึงไม่เคยหยุดลงอย่างแท้จริง

แต่ไรมาซ่านจินจื๋อไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นกู้อ้าวเวยตะแคงกายทอดมาที่เขา กลับเริ่มเคลือบแคลงขึ้น

“เช่นนั้นเจ้าเป็นใคร?”

“ข้าก็คือกู้อ้าวเวย เพียงแต่ไม่เหมือนกับนาง” กู้อ้าวเวยหัวเราะหยันเบา ๆ หนึ่งที ยันตัวตะแคงกายเหลือบมองที่เขา “ล้อเล่นน่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ”

ระหว่างทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องมีคำพูดมากมายใด ๆ ซ่านจินจื๋อกลับเริ่มไตร่ตรองความเป็นไปได้ของเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน

กู้อ้าวเวยเข้าร่วมกิจกรรมของอารามโดยไม่มีความรู้ใด ๆ เลย แม้ว่าซ่านจินจื๋อจะมาถึงที่นี่แล้ว ก็ยังคงเขียนจดหมายเอกสารราชการไม่หยุดหย่อน นอกจากตอนเย็นจะกลับเข้ามาสวมกอดนอนหลับร่วมกันในห้องปีกแล้ว ก็ไม่ได้มีสิ่งอื่น ๆ อีก

รอกระทั่งวันที่จะจากไป ซ่านจินจื๋อก็ทำได้เพียงมองกู้อ้าวเวยถูกเจ้าพวกหัวแครอทหนึ่งกลุ่มห้อมล้อมอย่างแปลกใจ เหลือบเห็นกู้อ้าวเวยเรียกชื่อพวกนางอย่างสนิทสนม ซ้ำยังกำชับพวกนางถึงการกระทำความประพฤติทุกอย่างในภายภาคหน้าราวกับเป็นอาจารย์ก็ไม่ปาน จึงอดหดหู่ไม่ได้ “คิดไม่ออกเลยว่าจะมีสักวันที่นางหยุดลง จะมีท่าทีเป็นอย่างไร”

กู้อ้าวเวยไม่ทันได้ฟังน้ำคำของเขาชัดเจน ทำเพียงจากลาพวกเด็กน้อย และเดินมาอยู่ต่อหน้าของเขา “เมื่อครู่ท่านพูดอะไรนะ”

“ไปกันเถอะ” ซ่านจินจื๋อส่ายหน้า กอดนางเข้าไปในรถม้า

รอกระทั่งรถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า กู้อ้าวเวยจึงช่วงชิงข้อมือของเขามา และสวมลูกปัดเส้นหนึ่งให้เขา พลางคลี่ยิ้มพิมพ์ใจ “ข้าไปภาวนาในใจทุก ๆ วันเชียวนะ หวังว่าของสิ่งนี้จะสามารถทำให้กระแสแห่งปีศาจบนตัวท่านลงน้อยลงบ้าง”

ลูกปัดบนข้อมือเป็นเพียงแค่ของที่ทำจากไม้เท่านั้น ซ่านจินจื๋อกลับยกมุมปากขึ้นโดยไม่มีเหตุผล

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท