บทที่ 573 ห่างเหิน
ก่อนที่ซูพ่านเอ๋อจะเดินเข้ามาใกล้ ซ่านจินจื๋อได้วางห่อผ้าในมือลงในอ้อมแขนของกู้อ้าวเวย ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
กู้อ้าวเวยได้แต่ยิ้มและอุ้มห่อผ้านั้นไว้ในอ้อมแขน เข้าไปใกล้ซ่านจินจื๋อและกระซิบข้างหู “เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลย รู้แต่เพียงนางถูกกู้เฉิงส่งเข้าโรงเตี๊ยม
“ข้าต้องการฆ่านางโดยตรง” ซ่านจินจื๋อยกแขนขึ้นโอบเอวนาง “เจ้าจะปล่อยให้ข้าเผชิญหน้ากับนางลำพังหรือ”
“โดยธรรมชาติแล้ว ยิ่งเจ้าเอาใจมากเท่าไร ความน่าอัปยศเหล่านั้นก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างเย็นชา ค่อยๆผลักเขาออกไป และหันหน้าไปยิ้ม “ขอบคุณท่านอ๋องมาก สุดท้ายคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
ในสายตาของคนนอก มันเป็นเพียงคำชมเชยที่เย้ยหยัน
แต่ในด้านของซ่านจินจื๋อแล้ว มันเป็นการคุกคามที่ต้องปิดปากเงียบ
เมื่อเดินออกมาจากซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยก็กอดเอาห่อยาสมุนไพรเข้าไปยังเฉียนจวงแห่งหนึ่ง หลังจากเถ้าแก่ได้เห็นแผ่นป้ายที่เอวของนางก็ได้โค้งแสดงความเคารพ “ที่แท้ก็ท่านเอง เชิญด้านใน”
กู้อ้าวเวยตามเขาเข้ามา มีคนจากทิงเฟิงเก๋อนั่งอยู่ข้างในก่อนแล้ว
ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะเข้าสู่การปรุงแต่งขั้นต่อไป นางต้องการหาคนสักสองสามคนมาส่งข่าวให้กู่เซิง เพื่อให้ทุกอย่างครอบคลุม นางจะต้องก้าวเร็วกว่าซ่านจินจื๋อสักสองสามก้าว
ในเวลาเดียวกัน ซ่านจินจื๋อก็เดินเข้าไปหาซูพ่านเอ๋อ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างหน้าและโอบกอดเหมือนที่เคยผ่านมา สายตามองเขาอย่างเศร้าสร้อยราวจะร้องไห้ “ท่านพี่จื๋อ เจ้าไปได้ยินอะไรมาจากนางหรือ”
คำพูดนี้เป็นคำถามที่คลุมเครือ ซูพ่านเอ๋อยิ่งกังวลใจมากขึ้นว่ากู้อ้าวเวยจะพูดอะไรกับซ่านจินจื๋อไปบ้างในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ซ่านจินจื๋อก็รู้เช่นกัน ได้แต่ยกคิ้วขึ้นมา “นางจะต้องบอกอะไรกับข้าไหม”
ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ น้ำตาที่คลอเบ้าของซูพ่านเอ๋อหยดออกมา เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “แล้วเหตุใดท่านพี่จื๋อไม่ปฏิบัติกับพ่านเอ๋อเหมือนที่เคยทำล่ะ”
เพื่อต่อต้านกับความหงุดหงิดรำคาญภายในใจ จึงยกมือขึ้นลูบแก้มของนาง “มันเป็นเพียงเพราะสถานะในปัจจุบันของเจ้าตอนนี้ได้ถูกระงับแล้ว ข้าจะไม่สนใจเจ้าได้อย่างไร”
อารมณ์ของซูพ่านเอ๋อขุ่นมัว ได้แต่ยิ้มขึ้นทันทีและเกาะแขนของซ่านจินจื๋อ แต่ถูกขัดขวางโดยคนด้านหลัง ระหว่างพวกเขาดูห่างเหินและมีความชินชาระหว่างกัน “นี่มันอะไรกัน”
หากพูดไว้ก่อนหน้านี้ ซ่านจินจื๋อก็คงจะไม่พูดกับนางแบบนี้
ซูพ่านเอ๋อทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่เว้นระยะห่างออกมา ร้องไห้พร้อมฟ้องว่าสาวใช้พวกนั้นปฏิบัติต่อนางอย่างไร ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามา แต่ก็ยังคงมีท่าทีเมินเฉย จนกระทั่งเข้ามาถึงลานด้านใน ซ่านจินจื๋อจึงพูดว่า “เอาคนใช้พวกนั้นออกไปลงโทษ แล้วจัดสาวใช้มาใหม่สักสองคนมาคอยดูแลซูพ่านเอ๋อ”
พูดออกมาแบบนี้ ซูพ่านเอ๋อได้แต่ยิ้ม จากนั้นซ่านจินจื๋อกลับบอกว่าเขายังมีธุระที่จะต้องทำ แล้วรีบออกไป
มองเบื้องหลังของซ่านจินจื๋อที่กำลังเดินจากไป ซูพ่านเอ๋อก็พบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ
สาวใช้ที่ถูกส่งมาคนหนึ่งชื่อ เสี่ยวช่วย เมื่อเห็นว่าซูพ่านเอ๋อกำลังรู้สึกแย่ จึงแอบพูดกับนาง “คนจำนวนวม่น้อยต่างรู้ว่าเจ้าต้องเจออะไรในแคว้นซิน อาจเพราะเหตุนี้ องค์ชายจึงสงสัยในตัวเจ้า”
ประสบการณ์เรื่องนั้นในแคว้นซิน….
ม่านตาของซูพ่านเอ๋อหดลดลง จ้องมองตนเองในกระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างนิ่งไม่ไหวติง แต่นางกลับเห็นมือของผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาเกาะแกะ บีบคอและแขนขาของนาง จนทำให้หายใจไม่ออก
เสี่ยวช่วย ที่อยู่ด้านหลังได้เห็นแววตาของซูพ่านเอ๋อผ่านทางกระจกดูน่ากลัว จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
ดังนั้น ท่านพี่จื๋อก็คงจะรู้แล้วว่าตนเองไม่สะอาดบริสุทธิ์
แต่แบบนั้นแล้วจะทำไมกัน นางเป็นเพียงเหยื่อ ทั้งหมดต้องโทษกู้อ้าวเวย!”
เป็นเรื่องยากที่จะใช้เวลาไปจนหมดวันหนึ่งในบ้านที่เงียบสงัด แค่มีคนมาส่งน้ำให้ในตอนกลางคืน แม่แต่ผิวที่แดงก่ำแล้วก็ยังไม่สามารถทำให้ซ่านจินจื๋อหันมามองนางได้เลย
นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งรุ่งเช้าวันถัดมา เมื่อซูพ่านเอ๋อมาถึงยังห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับประทานอาหารเช้า ชั่วพริบตาหนึ่งนางได้เห็นกู้อ้าวเวยถือขนมครึ่งหนึ่งไว้ในมือ อีกมือหนึ่งถือซุปไก่มาด้วย แต่ซ่านจินจื๋อกลับไม่อยู่ที่นี่
กู้อ้าวเวยก็นึกไม่ถึงว่ารูปลักษณ์ที่หวานหยาดเยิ้มแบบนี้ของซูพ่านเอ๋อจะฟื้นกลับมาเร็วขนาดนี้ ได้แต่มองขึ้นไปยังดวงตาที่หมองคล้ำของนาง “พระชายาจิ้งเมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ”
“ไม่ต้องมาเยอะเย้ยข้า เรื่องที่เกิดขึ้นกับข้าในแคว้นซิน เจ้ารู้เรื่องหมดแล้วใช่ไหม” ซูพ่านเอ๋อนั่งลงด้วยใบหน้าที่เย็นชา เสียงก็แหบแห้งเพราะได้รับความเย็นมาจากอ่างในตอนอาบน้ำเมื่อคืนนี้
“คนรู้กันมากมายไปทั่ว ไม่อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ามีหลักประกัน เจ้ากลับยังอยู่ที่นี่ตั้งนาน” กู้อ้าวเวยกลอกสายตาอย่างไม่แยแส พร้อมทั้งกินขนมที่เหลืออยู่ไม่กี่คำจนหมด มองนางอย่างเยือกเย็น “ข้าเคยคิดว่าเจ้านี่มีความสามารถ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ซ่านจินจื๋อจะไม่สนใจเจ้าเลย ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าจะสามารถกำจัดกู้เฉิงได้”
“เสแสร้ง เจ้าจะรับประกันอะไรให้ข้างั้นเหรอ” ซูพ่านเอ๋อก็ไม่อาจจะเชื่อกู้อ้าวเวยได้เช่นกัน
กู้อ้าวเวยยังคงมองไปยังนางอย่างทำอะไรไม่ถูก มีเพียง เสี่ยวช่วย ซึ่งอยู่ด้านข้างเดินเข้ามา แล้วพูดว่า “องค์ชายจะปกป้องท่าน ต้องการนำท่านกลับไปในนามของแคว้นชางหลาน น่าเสียดายที่ฮ่องเต้…”
ครั้งนี้ซูพ่านเอ๋อรู้สึกตกใจอย่างจริงจัง แต่สีหน้ายังคงแสร้งทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจ “เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถกำจัดกู้เฉิงได้”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่า ทำให้ข้าถึงต้องให้เจ้าสร้างความลำบากใจครั้งใหญ่นั่นในพิธีสถาปนา เป็นเพียงแค่การแก้แค้นอย่างนั้นหรือ ไม่สักหน่อย ข้าก็แค่อยากให้เจ้าได้เป็นลูกสาวของกู้เฉิงอย่างราบรื่น เพื่อให้ช่วยข้าจัดการเขา” กู้อ้าวเวยเช็ดปลายนิ้วที่เลอะขนมของนาง มองไปยังนางด้วยความเย็นชาอีกครั้ง “แต่กลับไม่คิดว่าเรื่องของแม่ข้าจะถูกเปิดเผยออกมาด้วย ข้ากำลังคิดว่าจะต้องรายงานซ่านจินจื๋อหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้”
“อย่า!” ซูพ่านเอ๋อ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
“อย่างนั้นก็ไปบอกกู้เฉิง ใบสั่งยาอายุวัฒนะนั่นได้ตกเขาลงไปแล้ว ตอนนี้คนที่รู้ตัวยามีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น หยุนหว่านก็ตายไปนานแล้ว” กู้อ้าวเวยยกซุปไก่ในมือ ก่อนที่ซูพ่านเอ๋อจะพูดก็ได้ยกคิ้วขึ้น มองไปยังประตู
ซูพ่านเอ๋อไม่สามารถตอบได้ ซ่านจินจื๋อได้เดินเข้ามาจากทางเดินแล้ว
วันนี้ซ่านจินจื๋อแต่งกายด้วยชุดยาวสีน้ำเงิน ทำให้ใบหน้าของกู้อ้าวเวยแข็งทื่อเล็กน้อย—ไม่รู้ว่านี่เป็นภาพลวงตาของนางเองหรือเปล่า รูปแบบของเสื้อผ้าช่างคล้ายกับรูปแบบเสื้อผ้าของพวกราชวงศ์ของฉูหลี่กับฉูห้าว
“เสื้อผ้าที่ทูตแคว้นเอ่อตานส่งมานี่สวยดีนะ” ซ่านจินจื๋อกล่าวและนั่งลง มองไปยังกู้อ้าวเวยด้วยความใส่ใจ
ไม่ทันได้ตั้งตัวก็สำลักซุปไก่ในปาก กู้อ้าวเวยไอออกมาสองสามครั้ง มองไปยังเขา “ท่านอ๋องชอบก็ดีแล้ว”
“ข้าชอบมันมากจริง ๆ เพียงแต่ฝ่าบาทแคว้นเอ่อตานยังให้คนส่งข่าวมา หากว่าท่านอ๋องไม่ได้ทำอะไรแล้ว แคว้นเอ่อตานก็ไม่รังเกียจที่จะส่งทหารเข้าร่วม ซ่านจินจื๋อหยิบเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารขึ้นมา
“เจ้าทำอะไรได้อย่างเข้มแข็งจริง ๆ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า ล่ายเสวียนอาจเป็นคนชิงลงมือก่อน” กู้อ้าวเวยยิ้มและเช็ดมุมปากของนาง ดวงตาคู่หนึ่งเพ่งเล็งมายังเขา มืออีกข้างหนึ่งก็ยันแก้มช้ำโต๊ะไว้ “อย่าคุยเรื่องนี้กันในเวลาอาหารเช้าเลย คุยเรื่องที่ท่านอ๋องทำมาเมื่อคืนไม่ดีกว่าหรือ”
ซูพ่านเอ๋อมองมายังกู้อ้าวเวย จนสามารถมองเห็นร่องรอยที่อยู่ใต้คอเสื้อ
ชามและตะเกียบในมือก็หล่นลงบนพื้น ซูพ่านเอ๋อร้องอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อได้ “ท่านพี่จื๋อเจ้าไปเอาผู้หญิงแบบไหนมา!”