บทที่ 581 ปิดบังอาการป่วย
เอากล่องไม้ปิดลง สีหน้าของกู่เซิงเป็นปกติ แล้วก็เผชิญหน้ากับใต้เท้าแซ่อ้ายจากแคว้นเจียงเยี่ยน
“บัดนี้ต้องผูกสัมพันธ์กับแคว้นเอ่อตานถึงจะถูกต้อง ใต้เท้าอยากได้โมโหเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลย”
“ข้ารับรู้ด้วยตัวข้าเอง ไม่ต้องรอให้พวกโจรขุนนางที่วุ่นวายอย่างเจ้ามาสั่งสอนหรอก” ใต้เท้าแซ่อ้ายท่านนั้นโมโหโทโสจนสะบัดแขนเสื้อห่างออกไป แม้แต่ผู้คนกลุ่มหนึ่งของแคว้นเจียงเยี่ยนก็มองไปที่กู่เซิงด้วยสายตาที่ดูถูก
ดวงตาของกู่เซิงค่อยๆ หรี่ลง แต่กลับได้แค่อาศัยจังหวะที่ประตูวังยังไม่ได้ปิด รีบเข้าเฝ้าโดยเร็ว
ห่างจากประตูวังออกไป กู้อ้าวเวยดูมีความคุ้นเคยกับสรรพสิ่งในเมืองเทียนเหยียนมาก เดินอยู่บนถนนสักครู่หนึ่ง ทหารที่อยู่ข้างกายก็หิ้วตะเกียงขึ้นมาพูดเตือนด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท นี่ก็ไม่เช้าแล้ว”
กู้อ้าวเวยจึงดึงสติกลับมาทันที “ข้าไปที่ตำหนักอ๋องจิ้งก่อนสักรอบ พอดีจะได้เจอกับชิงจือสักพัก”
ตอนที่หันตัวกลับมา กลิ่นอายเลือดที่จืดจางพัดมาเข้าในจมูก กู้อ้าวเวยดึงสติกลับมามองไปที่ปากซอยที่อยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง “ไปดูตรงซอยนั้นหน่อย”
สองคนที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งไป ผ่านไปสักพักก็กลับมา “บนพื้นถนนยังมีร่องรอยเลือดที่ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย”
“พวกเจ้าสองคนไปร้องทุกข์ที่ศาล คนอื่นตามข้าไปที่ตำหนักอ๋องจิ้ง วันนี้ไม่กลับที่พักแล้ว”
ถนนซอกซอยเยอะแยะมากมาย แต่กลับจงใจมาให้นางได้เจอกับตัวเอง คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่ข่มขู่ก็ต้องเตือน เพียงแค่นางไม่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องการจะฆ่าใครกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาเกิดขึ้นต่อหน้าตนเอง คิดวิเคราะห์ไปมาอย่างละเอียดแล้ว ชีวิตปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
ตอนที่มาถึงตำหนักอ๋องจิ้ง ซ่านจินจื๋อยังไม่กลับมา คืนนี้เกรงว่าจะต้องพักค้างในวังหนึ่งคืน ดูเหมือนว่าฮ่องเต้มีเรื่องจะรับสั่ง บัดนี้คนในตำหนักอ๋องจิ้งถูกกู้จี้เหยาจัดการจนหมดจดนานแล้ว แต่พ่อบ้านผู้นี้ยังคงเหมือนเดิมเฉกเช่นเมื่อก่อน เห็นนางก็ยิ่งดูถูกเหยียดหยาม “ฝ่าบาทไม่กลับมาที่พัก มาตำหนักอ๋องจิ้งมีเหตุอันใดหรือ”
“ข้ามาหาอ๋องน้อย” จงใจเน้นหนักที่สามพยางค์หลัง
สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไป เปิดทางให้นางเข้าไป
ตำหนักของชิงจือและตำหนักของซูพ่านเอ๋อระยะทางอยู่ไกลกันนัก ปากทางเข้าก็มีเฉิงยีและเฉิงเอ้อคอยอารักขาอยู่ กู้อ้าวเวยก็เลยวางใจลงมาได้เล็กน้อย ตอนที่เจอกับชิงจือ เมื่อครู่เพิ่งจะได้รับการชำระล้างร่างกายจากคนรับใช้ แต่เมื่อตอนที่เจอเข้ากับกู้อ้าวเวยนั้น ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันใด โผเข้าไปในอ้อมอกของกู้อ้าวเวย “ท่านแม่”
“หลายวันนี้สบายดีไหม” กู้อ้าวเวยอุ้มเด็กน้อยที่ตัวเริ่มหนักขึ้นเล็กน้อยขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ครั้งก่อนตอนที่มาเจอเจ้า เจ้ายังหลับอยู่เลย ก็เลยไม่ได้ปลุกเจ้า”
“ท่านแม่ ข้าอยู่ที่นี่แม้แต่นิดก็ไม่มีความสุข แล้วก็ไม่มีคนเล่นเป็นเพื่อนข้าด้วย อีกทั้งยังไม่สามารถไปเล่นกับพวกเด็กๆ ที่อยู่บนถนนด้วยกันได้ด้วย” ชิงจือซุกหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ในอ้อมอกของกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยนวดหัวของเขาเบาๆ เอาปลายนิ้วสางไปที่ผมอย่างเบาๆ “มีแค่ที่นี่ที่เจ้าจะปลอดภัยที่สุด เมื่อเทียบกับการได้อยู่ด้วยกันแล้ว แม่หวังว่าเจ้าจะปลอดภัยมากยิ่งกว่า”
“พี่สาวในตำหนักบอกว่า หากท่านแม่มีลูกของตัวเอง ก็จะไม่เอาข้าแล้ว ดังนั้นข้าต้องเชื่อฟัง”
“ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน” กู้อ้าวเวยจับไปที่ยอดผมของเขา น้ำเสียงเริ่มอ่อนโยนขึ้น “ในโลกนี้จะมีใครที่ไหนกันที่จะทิ้งลูกของตัวเองได้ แม้ว่าเจ้ากับข้าจะไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดก็ตาม และจะเป็นเช่นนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหนแน่นอน”
“จริงหรือ งั้นข้าสามารถไปทำเรื่องที่ข้าอยากทำอย่างไม่ต้องเกรงใจได้ใช่ไหม” ชิงจือเงยหน้าขึ้นมาอย่างแรง
“ได้แน่นอน แต่หากทำเรื่องที่เลวร้ายหรือเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรม แม่ก็จะจัดการเจ้าอย่างเด็ดขาดแน่” กู้อ้าวเวยกลับมีความไว้วางใจต่อชิงจือมาก รู้ดีว่าชิงจือแม้ว่าจะออกไปข้างนอกแต่แค่เล่นหยอกล้อกับผู้คนแค่นั้น พูดต่อว่า “แต่พี่สาวที่พูดถึงผู้นั้นคือใครกัน นางโกหกเจ้าเช่นนี้ วันข้างหน้าอย่าเชื่อคำพูดของนางอีกเด็ดขาด”
ชิงจือพยักหน้าอย่างจริงจัง แม้ว่าการอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนของท่านแม่จะน้อยก็ตาม แต่แค่รู้ว่าท่านแม่ยังมีใจที่เป็นห่วงตนเองอยู่ก็เพียงพอแล้ว พูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ว่า “เนื้อผ้าบนตัวของพี่สาวผู้นั้นดีมากทีเดียว ควรจะเป็นคุณหนูของในตำหนัก เพียงแค่ตอนที่เจอกับข้านั้นดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวเล็กน้อย……”
ในใจของกู้อ้าวเวยรู้ได้โดยทันที ได้แค่พาชิงจือมาบนที่มุมเตียงนอนด้วยรอยยิ้ม พูดเรื่องนิทานเหล่านี้ที่เขายังไม่เคยฟังก่อนนอน จวบจนชิงจือหลับไปข้างกายอย่างสนิท นางจึงเริ่มลุกขึ้นมาล้างหน้าเนื้อตัวให้สะอาดอีกครั้ง อีกทั้งยังกินยาเม็ดที่พกมาลงไป คราวนี้จึงหลับไปเป็นเพื่อนชิงจือ
รุ่งสางวันที่สอง ซ่านจินจื๋อว่าราชการเสร็จก็กลับออกมาจากในวัง พ่อบ้านก็เข้ามาต้องรับ
“ท่านอ๋อง เมื่อคืนคนผู้นั้นที่แคว้นเอ่อตานมาที่นี่แล้ว นอนเป็นเพื่อนอ๋องน้อยหนึ่งคืน บัดนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมา คนรับใช้หลายคนก็ไม่กล้ารบกวน”
“อืม” ตอบรับด้วยเสียงราบเรียบ ฝีเท้าของซ่านจินจื๋อกลับเร่งความเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย
ตอนที่มาถึงห้องของชิงจือ ชิงจือใส่เฉพาะเสื้อด้านในกำลังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพลางทำท่าทางที่มือด้วยเสียงให้เงียบ ร่างอีกครึ่งตัวยังถูกโอบอยู่ในผ้าห่ม มือข้างหนึ่งยังค่อยๆ หยิบเส้นผมของกู้อ้าวเวยขึ้นมากระจุกหนึ่ง
เหตุใดเวยเอ๋อถึงหลับลึกเช่นนี้กัน
ซ่านจินจื๋อเดินด้วยฝีเท้าที่เบาลงมาที่ข้างขอบเตียง มองดูกู้อ้าวเวยที่ดุเหมือนว่าจะผ่ายผอมไปเยอะจากปกติ กลิ่นยาที่อยู่บนตัวก็ดูเข้มข้นมากกว่าปกติเยอะเลย ก็เลยค่อยๆ อุ้มชิงจือขึ้นมา พูดออกมาด้วยเสียงที่เบาที่สุด “เจ้าไปทานอาหารเช้าก่อน”
ชิงจือพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มือข้างหนึ่งก็ปิดปากของซ่านจินจื๋อเอาไว้แน่น
แม้แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านแม่มักจะนอนได้ไม่เยอะ
ในวันปกติล้วนเป็นผู้ชายที่ถูกปรนนิบัติ บัดนี้กลับเรียนรู้ที่จะเอามือไปดูแลชิงจือ ช่วยเขาจัดการเสื้อผ้าผมเผ้าให้เรียบร้อย คราวนี้ถึงจะเอาคนอุ้มไปที่ห้องโถงด้านหน้า “วันหลังต้องทานอาหารให้ตรงเวลา เข้าใจแล้วใช่ไหม”
“เข้าใจแล้ว” ชิงจือพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ซ่านจินจื๋อได้แค่สั่งการคนลงไปว่าไม่ให้ซูพ่านเอ๋อเข้ามา แล้วจึงหันกลับมา กู้อ้าวเวยยังคงหลับอยู่อย่างสนิท ไม่มีร่องรอยของการที่จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลย
ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายวันนี้ต่อนางใช่หรือไม่ เดิมทีซ่านจินจื๋อก็ว่างไม่มีธุระอันใด ก็นั่งอยู่ที่มุมเตียง ปลายนิ้วค่อยๆ สัมผัสไปที่คิ้วของกู้อ้าวเวย เห็นนางดูเหมือนว่าจะขยับอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ร่างกายค่อยๆ ขยับ ในปากเหมือนว่าจะพูดอะไรบางอย่างที่พึมพำไปมาอยู่
ส่วนหน้าของเสื้อผ้าที่เปิดออกของเวยเวยนั้น บัดนี้เผยให้เห็นสีขาวราวหิมะขนาดใหญ่ ซ่านจินจื๋อรุ่งเช้ากลับไม่ค่อยได้สติเท่าไหร่ กลับเห็นตัวอักษรหยุนที่โย้เย้ไปมาดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนเดิมไปเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงเกี่ยวไปที่ส่วนหน้าของเสื้อแล้วค่อยๆ ดูอีกครู่หนึ่ง
รอจนกู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอนแล้ว ก็เป็นเวลาช่วงกลางวัน
ผู้ชายสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหน้ากลับบังแสงที่สาดส่องไว้ครึ่งหนึ่ง ฝ่ามือที่กว้างใหญ่ยังหยุดอยู่ที่ข้างแก้มของนาง “ตื่นแล้วหรือ”
“ชิงจือล่ะ” กู้อ้าวเวยรู้ระหว่างกระสับกระส่าย จึงเริ่มหลับตาขึ้นใหม่อีกครั้ง เอาผ้าห่มที่อยู่บนไหล่ดึงลงมาเล็กน้อย
“เข้าไปในวังแล้ว ท่านแม่ทรงโปรดเขา” มือของซ่านจินจื๋อค่อยๆ ขยับลง ค่อยๆ แหวกส่วนหน้าของเสื้อนางออกเล็กน้อย “ตัวอักษรหยุนที่สลักไว้ที่กระดูกของเจ้า ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย”
กู้อ้าวเวยรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างทันที ตบไปที่มือของซ่านจินจื๋อที่มาเปิดส่วนหน้าของเสื้อนาง ลุกขึ้นมานั่งอยู่ข้างเตียงอย่างทันใด “ปกติตอนที่ข้าหลับ เข้าก็เปิดเสื้อผ้าของข้าออกเช่นนี้หรือ”
ซ่านจินจื๋อกระแอมเบาๆ อย่างถ่อมตัว
สีหน้าของกู้อ้าวเวยแดงขึ้น ในหัวสมองเริ่มได้สติมากขึ้น ลังเลไปมาอยู่ชั่วครู่ ก็เลยพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “หลายวันนี้ข้ากับท่านเห้อหาวิธีถอนพิษได้แล้ว ดังนั้นก็เลยลองดู เดิมทีตัวอักษรหยุนนี้ก็เป็นพิษที่เกิดจากตระกูลหยุน ดังนั้นจึงมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย”
ทำไมจะต้องให้ซ่านจินจื๋อรู้กัน