บทที่ 578 คนบนเตียง
“องค์หญิง อ๋องจิ้งต้องการพบท่านสักครั้ง”
ทหารแคว้นเอ่อตานวิ่งเหยาะ ๆ มาเพื่อกล่าวรายงาน สายตามองไปยังโต๊ะที่มีสมุนไพรโดยไม่รู้ตัว
การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน บรรดาคณะทูตมาเต็มที่พักรับรอง กู้อ้าวเวยยังอยู่ด้านไหนไม่ออกไปไหน แต่งกายด้วยชุดสีเขียวอ่อน ปักผมเกล้ามวยด้วยปิ่นจากไม้ท้อ กลิ่นที่ฉุนของตัวยาทำให้นางรู้สึกเย็น มีน้อยคนที่จะเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้
“ข้ากับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ไม่สะดวกที่จะพบตอนนี้”
กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ ทุบตัวสมุนไพรในมือ เปิดตำราแพทย์ในมือหลายต่อหลายเล่ม
ทหารทำได้แต่กลับไปรายงานให้ทราบ หลังจากนั้นไม่นานก็วิ่งกลับมาด้วยความรีบร้อนอีกครั้ง “มีเหตุการณ์ทูตจากแคว้นเจียงเยี่ยนมีเรื่องทะเลาะกันกับประชาชน ท่านซู๋ ทางนั้นเริ่มรับมือไม่อยู่”
“ข้าจะรีบไป” กู้อ้าวเวยรีบวางสมุนไพรในมือลง ให้ทหารนั้นออกไปก่อน ทำความสะอาดเก็บสมุนไพรอย่างดี แล้วรีบออกไป
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ก็พบกับซ่านจินจื๋อแล้วพยักหน้าทักทาย เพียงพริบตาเดียว รีบใส่ผ้าปิดหน้าแล้วมุ่งไปยังโรงหมอโหย่วเว่ย
เมื่อมาถึงโรงหมอ เฟิงเมี่ยวและโม่เหยียนกำลังดูแลคนเจ็บอยู่ โดยมีเพื่อนช่วยกันห้ามเลือดอยู่
มีคนจากแคว้นเจียงเยี่ยนหลายคนตะโกนใส่กู้อ้าวเวย “รีบรักษาใต้เท้าของพวกเราเร็วเข้า! จะไปช่วยพวกชนชั้นต่ำนี่ทำไม”
กู้อ้าวเวยหันไปมองบุคคลที่คนพวกนั้นเรียกว่าใต้เท้าอย่างเย็นชา ก้มลงตบบาดแผล มองดูเขาร้องอุทานอย่างน่ากลัว และได้แต่พูดอย่างเย็นชา “แผลบนร่างกายของเจ้าเป็นเพียงบาดแผลจากกระบี่ บาดแผลของราษฎรเหล่านั้นกลับมาจากการถูกสัตว์ป่ากัด สำหรับข้าแล้ว การบาดเจ็บของเจ้าเป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ”
“ไอ้เจ้าคนเลว!” ใต้เท้าแซ่อ้ายคนนั้นพูดอย่างโกรธเคือง
กู้อ้าวเวยก้าวออกไปเพียงก้าวเดียวเพียงแค่ดึงแขนเสื้อขึ้น หันหลังให้กับคนแคว้นเจียงเยี่ยนพวกนั้น พูดอย่างเฉยเมย “เจ้าหน้าที่ โยนพวกเจียงเยี่ยนพวกนี้ลงไปบนถนน ส่วนสัตว์ที่กัดคนนั้นก็ฆ่าให้หมด”
“เจ้ากล้าหรือ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ข้าคือองค์ชายแคว้นเจียงเยี่ยน” ชาวเจียงเยี่ยนหลายคนที่อยู่ด้านข้างหน้าซีดขึ้นมาทันที
กู้อ้าวเวยไม่ให้ความสนใจ ได้แต่ก้มมองเด็กน้อยผู้น่าสงสาร พูดอย่างอ่อนโยน “หากเจ็บส่งเสียงบอกด้วยนะ ข้าจะทำให้เบาๆ”
เพียงแค่นั้นเด็กน้อยอสยุเจ็ดแปดขวบนั้นก็ส่งเสียงร้องดัง กู้อ้าวเวยได้แต่เพียงยิ้ม ยังคงรักษาต่อไปไม่ได้ยั้งมือ ได้แต่ทำโดยเบาบาง จากนั้นหยิบผลไม้ในแขนเสื้อยื่นส่งให้เด็กน้อย จากนั้นจึงไปตรวจผู้ป่วยรายต่อไป
แต่พวกชาวเจียงเยี่ยนนั้นได้ถูกจับโยนออกไปข้างถนนเรียบร้อยแล้ว
องค์ชายสามมาด้วยตนเอง เมื่อรู้ว่ากู้อ้าวเวยได้สั่งการออกไปแบบนี้ ก็รู้สึกตกใจ บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม “สัตว์ป่ากัดคน สิ่งที่ทูตเจียงเยี่ยนทำไม่สมควร”
“องค์ชายหมายความว่าอย่างไร! ใต้เท้าของพวกเราถูกคนพวกนี้ทำร้าย……”
“ข้านี้ปวดหัวกับคำว่าคนชั้นต่ำ ทำไมยังไม่จับสัตว์ร้ายพูดจาแย่ออกมาไปฆ่าทิ้งอีกเหรอ” เสียงของกู้อ้าวเวยดังสวนออกมาจากข้างใน
ทหารแคว้นเอ่อตานรีบออกไปอย่างเร่งรีบ กู้อ้าวเวยขู่ให้โม่เหยียนเข้าไปช่วยด้านใน
คนสองสามคนได้พาใต้เท้าแซ่อ้ายนั้นออกมา องค์ชายสามไม่กล่าวอะไรสักคำ เงยหน้าขึ้นและสั่งให้คนช่วยรักษาทูตของแคว้นเจียงเยี่ยน พูดต่อว่า “องค์หญิงแคว้นเอ่อตานเห็นว่าบริวารของท่านป่วย ข้าจะช่วยลงโทษเอง ขอใต้เท้าอย่าได้ตำหนิเลย”
ทันทีที่พูดแบบนี้ออกมา ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
ซ่านจินจื๋อมาทันได้เห็นฉากนี้ มองสบตากับองค์ชายสามที่อยู่บนม้าเช่นเดียวกัน ได้แต่ยิ้มอย่างเฉยเมย “ให้คนพาส่งไปรักษาที่จี้ซื่อถาง ในนามอ๋องของข้า เอาสัตว์ป่าพวกนั้นไปจัดการให้หมด เลาะเอากระดูกและเนื้อลงหม้อ นำไปทำเป็นอาหารให้บรรดาทูตทั้งหลายที่พำนักอยู่ได้ลิ้มรส”
แก้ปัญหาในมือเรียบร้อย ซ่านจินจื๋อมองไปยังซ่านเซิ่งหานด้วยสายตายั่วยุ
ดูเหมือนว่าองค์ชายสามยังไม่สามารถตัดใจจากกู้อ้าวเวยได้
เขาก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล กลิ่นของเลือดและยาโชยเข้าเต็มจมูก เสื้อผ้าของกู้อ้าวเวยเต็มไปด้วยเลือด ยุ่งอยู่กับการเย็บบาดแผลของผู้คนอย่างเร่งรีบ ปากบอกกระซิบผู้ช่วยด้านข้างให้นำอุปกรณ์และยาติดมาด้วย
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ที่ประตู ผู้คนที่อยู่ข้างทางรู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็นแบบนี้
อ๋องจิ้งมีความอดทนที่จะอดทนรอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
แต่เมื่อได้เห็นยังคงมีทหารแคว้นเอ่อตานบางส่วนยืนอยู่ด้วย ก็เข้าใจได้ และเริ่มพูดคุยนินทา
มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสัตว์ป่าจำนวนมากกว่าสิบคน แม้ว่าจะมีหมอจากจี้ซื่อถางมาคอยช่วยเหลือ แต่ก็ยุ่งกันจนถึงกลางคืน ตลาดข้างทางเงียบสงบ กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ความเจ็บปวดตรงหัวใจอยู่ตลอดเวลาคอยย้ำเตือนนาง ไม่ควรจะผลาญชีวิตที่เหลืออยู่แบบนี้
ถ้วยชาร้อนถ้วยหนึ่งถูกยื่นมาใกล้ปาก
“ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่พักรับรอง” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างแผ่วเบา อีกมือหนึ่งก็วางลงบนข้อมือของนางให้นางยื่นมือมารับถ้วยน้ำชา
ซ่านจินจื๋อจิบชาร้อนเข้าไปเล็กน้อย กู้อ้าวเวยเห็นซ่านจินจื๋อยื่นมือเข้ามาหาตัวเอง
ความหงุดหงิดและความวิตกกังวลที่อยู่ภายในใจโล่งขึ้นมาทันที
“ชิงจือน่าจะหลับไปแล้วใช่ไหม”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้ซูพ่านเอ๋อเข้าใกล้เขา” ซ่านจินจื๋อพูดออกมาแบบนี้
กู้อ้าวเวยตกใจเล็กน้อย อีกทั้งยังยกมือตัวเองขึ้นมา “ตอบไม่ตรงคำถาม”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากังวลอยู่หรือ” ซ่านจินจื๋อพาตัวนางลุกขึ้นยืน แล้วถามกลับไป
นี่เป็นอีกครั้งที่กู้อ้าวเวยไม่พูดอะไร ไม่ว่าซ่านจินจื๋อจะพาตัวเองไปยังตำหนักอ๋องจิ้ง
แม้ว่านางจะไม่ได้อยู่เมืองเทียนเหยียน แต่ชิงจือดูเหมือนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นอนหลับสบาย กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ข้างเตียงสักพัก จากนั้นก็ออกไปอย่างไม่ค่อยสบายใจ
“ดึกแล้ว” ซ่านจินจื๋อรั้งนางไว้ก่อนที่จะออกไป “ตั้งแต่คืนนั้นมา เจ้าก็ดูจะยุ่งมาตลอด”
“ข้าก็มีเรื่องให้ต้องคิดไม่น้อยไปกว่าเจ้า ดังนั้นก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา หากเจ้าไม่สบายใจ ข้าจะอยู่ก็ได้” กู้อ้าวเวยถอนหายใจเบาๆ ลูบหน้าผากอย่างแสนจะปวดหัว
นางไม่สามารถปล่อยให้ชิงจือต้องสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยได้ แต่นางก็ไม่อาจยืนยันได้ว่านางจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ละทิ้งความไม่อดทนและความใจร้อนก่อนหน้าออกไป กู้อ้าวเวยได้แต่อยู่อย่างนิ่งสงบ ทุกอย่างจะคลี่คลายลงในระยะเวลาสองปีได้อย่างไร ไหนจะเรื่องการอพยพของคนตระกูลหยุนและทิงเฟิงเก๋อ ยังจะมีเสถียรภาพในตำแหน่งของซ่านจินจื๋อกับอ๋องจงผิง นางยังจะต้องทำตามสัญญาที่ให้กับกุ่ยเม่ยและชิงต้าย
เวลามีไม่เพียงพอ อีกทั้งนางยังไม่ได้มีอำนาจเพียงพอจะจัดการเหมือนเมื่อก่อน
นางคิดที่จะตามซ่านจินจื๋อกลับไปยังห้องนอน เพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้อง เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมาจากบนเตียง
ซูพ่านเอ๋อในร่างเปลือยเปล่าได้รีบเอาผ้าห่มผืนใหญ่สีขาวคลุมร่างกายไว้ มองไปยังกู้อ้าวเวยอย่างตื่นตกใจ
“รบกวนแล้ว” กู้อ้าวเวยขัดหูขัดตากับภาพฉากนี้มาก
สะบัดเหวี่ยงมือของซ่านจินจื๋อออกไป
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นางไม่ควรจะหลงเชื่อซ่านจินจื๋อเลยจริง ๆ มองดูความเป็นไปได้ที่ตนเองคิดและบอกกับเขา!
เทียบกับซูพ่านเอ๋อแล้ว นางไม่เคยจะมีอะไรเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะหยุดรั้งนาง นางก็ได้ออกไปก่อนแล้ว
กลับมาถึงที่พักรับรอง เมื่อทหารเวรได้เห็นนางหน้าซีดเซียว หลังจากต้องยุ่งรีบเร่งมาตลอดวันโดยยังไม่ได้กินข้าว จึงรีบพูด “องค์หญิง ข้าจะไปเตรียมอาหารมาให้ท่าน”
“เอาเป็นบะหมี่ร้อน แบบจืดนะ คราวหลังขนมอบไม่ต้องส่งขึ้นมาแล้วนะ” กู้อ้าวเวยประคองหน้าผากตนเองที่กำลังปวดพร้อมสั่งการออกไป
วัตถุดิบยาจำนวนมากถูกนำส่งเข้ามา วันหลังนางคงจะต้องบอกลาสิ่งของอีกจำนวนมาก งคงถูกแบกไว้บนไหล่ของข้า”
สีหน้าของซูพ่านเอ๋อเริ่มเปลี่ยน มองเขาอย่างมีข้อสงสัย “ท่านพี่จื๋อ เจ้าคงจะลืมสิ่งที่ฮ่องเต้และไทเฮาได้ทำไว้แล้วสินะ พวกเขาก็พร้อมจะแย่งบัลลังก์จากเจ้า พรากอิสรภาพไปจากเจ้าอีกครั้ง โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้เจ้า เจ้าเต็มใจเหรอ!”
ชายที่อยู่ตรงหน้าหยุดลง มีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้น
เฉิงซานนำศีรษะแนบชิดประตู ซูพ่านเอ๋อรู้สึกเหมือนจะเห็นเงาดำๆ ตรงหน้านาง มือของซ่านจินจื๋อบีบไปที่คางของนางอย่างรุนแรง จนเกือบจะแหลกเหลว
“เจ้าทำให้ข้าจำแต่ความเกลียดชัง แต่ไม่เหมือนกับเวยเอ๋อ”
“นางสอนให้ข้ารู้จักทำตามหน้าที่รับผิดชอบ จะให้ไปรักใครอื่นได้อย่างไร”