บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 587

ตอนที่ 587

บทที่ 587 คลื่นใต้น้ำ

คนที่อยู่ในอ้อมอกยากที่จะหลับอย่างสงบ เมื่อครู่ผิวหนังที่แช่น้ำพุร้อนมายิ่งทำให้แป้งบางๆ ที่ทาไว้จางหายไป

สาวใช้ที่อยู่ข้างกายเดิมทีจะจัดการเอาคนไปพักผ่อนในห้องเล็กด้านข้าง ซ่านจินจื๋อกลับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เอาคนที่อยู่บนเตียงกอดไว้ในอก สั่งการลงไปสองสามคน “เรื่องนี้ห้ามแพ่งพลายเด็ดขาด”

แววตาขมขื่น เสียงเรียบเฉย คนรับใช้ที่ติดตามมาก็ไม่กล้าที่จะมองเยอะ

มีเพียงเฉิงซานที่ออกเสียง บอกว่าชิงจือแช่น้ำพุร้อนเยอะเกินไปแล้ว ถูกองครักษ์ส่งตัวกลับไปที่ห้องแล้ว หลีกเลี่ยงการได้รับความชื้นแล้วเป็นไข้ วันพรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้าอีก ห้ามเกิดเรื่องขึ้นเด็ดขาด

ซ่านจินจื๋อเข้าใจทันที ใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่หนึ่งตัวบังหน้าของกู้อ้าวเวยเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ไม่ให้คนเห็นรูปโฉมของนาง แล้วก็เดินลงไปจากระเบียงยาวนี้ จนกระทั่งตอนที่คนที่อยู่ในอกขยับตัวเล็กน้อยก็ปลอบประโลมด้วยเสียงเบาๆ มีรอยยิ้มแฝงอยู่บนใบหน้า

“อ๋องจิ้งเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ต่อหน้าหญิงอันเป็นที่รัก กลับยังจะมีท่าที หลงใหลเช่นนั้น”

องค์ชายชนเผ่าเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนผู้นั้นเห็นสภาพแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ พอสุดเสียงก็เห็นซูพ่านเอ๋อที่หน้าตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจเดินผ่านข้างกายไป พูดขึ้นอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “หนึ่งคนหนึ่งภพชาติหนึ่งคู่ หากจะร้องขอก็คงจะไม่ได้ พระชายาจิ้งวางมือจะดีกว่าไหม”

“เรื่องนี้ไปรบกวนถึงองค์ชายเล็กๆ อย่างท่านนี้ให้ต้องมาเอาใจใส่เมื่อไหร่กัน” ซูพ่านเอ๋อเหลือบดวงตาอันงดงามขึ้นมอง แฝงไว้ด้วยความเย็นชาส่วนหนึ่ง องค์ชายไม่โกรธ แต่กลับยิ้ม สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป

แต่ซูพ่านเอ๋อกลับยังอาฆาตมองดูคนที่อยู่ในอ้อมอกของซ่านจินจื๋อ โมโหจนอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน

แต่น่าเสียดายที่คืนนั้นมืดลงเรื่อยๆ ประตูห้องก็ไม่ได้ปิด ซูพ่านเอ๋อได้แต่คิดถึงสองคนนั้นหลับนอนกันอยู่บนเตียงเดียวกันก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมา ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนด้วย

วันรุ่งขึ้นท้องฟ้าสาดแสง ผู้คนต่างออกเดินทางกันอย่างอึกทึกอีกครั้ง

ห่างจากสนามแข่งเพียงแค่สิบลี้ อาหารเช้าไม่จำเป็นต้องทานที่หุบเขา

กู้อ้าวเวยนั่งท้องร้องอยู่บนรถม้า ชิงจือเอาซาลาเปาที่มีเนื้อของตนส่งให้นาง แต่กลับถูกกู้อ้าวเวยหัวเราะจนอุ้มมากอดไว้เต็มหน้าอก “หลายวันนี้แม่ไม่อยากของพวกที่มีน้ำมันเลี่ยนๆ เจ้าก็กินได้แค่หนึ่งลูก เดี๋ยวอีกสักพักยังจะมีของกินอร่อยอีกมากมาย”

“อืม” ชิงจือพยักหน้าอย่างว่าง่าย เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ข้อมือของกู้อ้าวเวยเห็นมีสีเขียวม่วงเล็กน้อย รีบถามขึ้นว่า “ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บหรือ”

“ตอนเช้าลุกขึ้นมา หัวโขกเข้ากับมุมโต๊ะ” กู้อ้าวเวยโบกมืออย่างไม่ร็ว่าจะอธิบายยังไง

อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่รับเข้าไปพวกนั้น ตอนที่นางตื่นขึ้นมานั้นยังไม่ได้สติ แต่เช้านี้ลุกขึ้น ด้านหน้าเห็นเป็นสีดำจางๆ โขกเข้าไปหลายที่ถึงจะรู้สึกมีสติขึ้นมาได้ ยังโชคดีที่ซ่านจินจื๋อเช้านี้ต้องวุ่นวายอยู่กับเรื่องของสนามแข่ง ยังไม่พบว่านางผิดปกติอะไร

ชิงจืออายุยังน้อย ก็คงไม่รู้ถึงความแปลกประหลาดในนั้น แค่คิดถึงช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะเข้ากับท่านแม่ได้ดี

มาถึงสนามแข่ง ชิงจือไม่ยอมแยกออกจากกู้อ้าวเวยอย่างเด็ดขาด ขุนนางไม่น้อยต่างพากันมองมา กู้อ้าวเวยก็ได้แค่อุ้มชิงจือขึ้นมา ท่าทางคุ้นเคยที่ลูบไปที่หัวด้านหลังของเขา “เจ้านี่อ้อนเป็นด้วยหรือ”

“ไม่งั้นท่านแม่หายไปจะทำอย่างไร” ชิงจือยิ้มแล้วก็มุดเข้าไปในอก

คนรับใช้ก็ได้แค่จัดที่นั่งเพิ่มข้างกู้อ้าวเวย ให้ชิงจือนั่งอยู่ข้างนาง ขุนนางไม่น้อยต่างพากันมองมา นินทาต่างๆ นานา

กู้อ้าวเวยรู้ตัวดีว่ามีกลิ่นยาที่แรงมากบนตัวของนาง จึงจงใจแป้งฝุ่นที่มีกลิ่นฟุ้ง เพื่อมาทับกลิ่นนี้ กลับทำให้ชิงจือจามมาตลอดทาง มองดูปลายจมูกที่เริ่มแดงนั้น กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างฝืนๆ “ยอมที่จะทนนั่งอยู่กับแม่ด้วยกันอีกหรือ”

“อืม” ชิงจือพยักหน้าอย่างจริงจัง อีกทั้งมองไปที่ซ่านต้วนโฉงที่อยู่ด้านบนครู่หนึ่ง พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ท่านพ่อ ให้ข้าวันหลังไปในวังเยอะหน่อย เป็นเพื่อนฮ่องเต้”

“ติดตามฮ่องเต้ได้เรียนรู้อะไรไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ติดตามพวกชาวบ้านพสกนิกรก็เช่นกัน” กู้อ้าวเวยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยปล่อยวางเวลาที่จะสั่งสอนชิงจือไปเลย เพียงเพราะว่าเวลาที่พูดคุยกันได้อยู่ด้วยกันระหว่างพวกเขาแม่ลูกสองคนนั้นช่างน้อยเหลือเกิน ท่าทีที่อ่อนน้อมสุภาพ หลักการที่สำคัญที่สุดแต่กลับจำเป็จะต้องมาให้สั่งสอนบอกกล่าวผ่านวาจา

ชิงจือก็ชอบฟังกู้อ้าวเวยพูดคุยมากเป็นพิเศษ ทุกครั้งล้วยตั้งใจมาก

สนามล่าสัตว์เดิมทีก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกู้อ้าวเวยเลย รอจนทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วก็ลงมือ องค์ชายสองสามคนก็เข้าไปล่าสัตว์เฉกเช่นเมื่อก่อนนั้น แต่ปีนี้กลับมีพวกลูกน้องของขุนนางแต่ละแคว้นเพิ่มมา แต่เสียดายที่ข้างกายของกู้อ้าวเวยไม่ได้พายอดฝีมือมาด้วย หากจะพูดถึงคนที่เก่งกาจที่สุดข้างกายก็คงจะเป็นอ๋องจิ้งจากแคว้นชางหลาน

ฝูงม้าเข้าไปในป่าเขา ซ่านจินจื๋อนั่งลงที่ข้างกายของซูพ่านเอ๋อ สีหน้าเรียบเฉยทักทายขุนนางน้อยใหญ่ที่ผ่านไปมาข้างกาย กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมา ก็มองไปบนป่าที่อยู่บนภูเขา ในรูจมูกราวกับว่าแอบได้กลิ่นอะไร ลังเลอยู่เล็กน้อย นางก็ลุกขึ้นมา สั่งการคนข้างกายว่า “ดูชิงจือให้ดี”

“ท่านแม่พบอะไรผิดปกติหรือ” ชิงจือเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย แต่เขาได้เห็นเพียงป่าเขาที่สีเข้มเขียวผืนหนึ่ง แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก นวดหัวไปมา “ข้าไปหาท่านพ่อให้ไปเป็นเพื่อนท่านแม่ดีกว่าเถอะ”

พูดอยู่ก็เดินอ้อมไปตรงทางเล็กๆ ด้านข้างออกไป กู้อ้าวเวยยกเหล้าขึ้นมองไปทางซ่านต้วนโฉง “ฝ่าบาท สนามแข่งนี้ได้เตรียมการอย่างแยบยลมาหลายปีแล้ว ต้นหญ้าต้นไม้นี้เหมือนกับว่าจะเปลี่ยนไป”

“เป็นดังที่พูด สถานที่ ณ สนามแข่งนี้ไม่ได้ดูแลรักษาง่าย แต่ที่นี่มีสัตว์ป่าที่แปลกประหลาดออกมาไม่น้อย มาล่าสัตว์ถึงที่นี่ ก็หวังว่าจะเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึงบ้าง” ซ่านต้วนโฉงได้แค่ฟังที่กู้อ้าวเวยพูด ในใจลึกๆ ก็แอบรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่บ้าง

หากไม่สำคัญ โดยปกติแล้วกู้อ้าวเวยก็จะไม่ออกปากพูด

“ไม่ทราบว่าข้าสามารถเข้าไปดูได้หรือไม่ ต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ข้างต้นไม้นี้ราวกับว่าจะสามารถนำไปเป็นยาได้” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ

“แน่นอนว่าได้” ซ่านต้วนโฉงพยักหน้ารับปาก ซู๋ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากตามว่า “ส่งคนไปคอยอารักขาฝ่าบาท เลี่ยงการได้รับบาดเจ็บจากความผิดพลาด”

“ขอบพระทัยฮ่องเต้ ขอบพระทัยฮองเฮา”

กู้อ้าวเวยคารวะอย่างเรียบๆ ส่งสายตาไปที่ซ่านจินจื๋อ ก็มาถึงข้างป่าเขานี้พร้อมกับผู้ติดตามที่ซู๋ฮองเฮาส่งมาให้ แต่ท่ามกลางบรรดาขุนนางผู้หนึ่งของแคว้นเจียงเยี่ยนที่อยู่ด้านบน ท่านผู้เฒ่าที่ถูกขนานนามว่าท่านซูเบิกตาขึ้นโต ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าแคว้นเอ่อตานมีพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ในป่าขนาดใหญ่ดังกล่าวก็ถูกย้ายและปลูกโดยผู้คน ตอนนี้มองอย่างจริงจัง กลัวว่าจะไม่เคยเห็นป่าที่ลึกเช่นนี้หรือ”

กู้อ้าวเวยกลับลืมไปว่าขุนนางของแคว้นเหล่านี้ที่ส่งมาล้วนจะมาดึงแคว้นชางหลานไปเป็นพวกทั้งนั้น เลยหัวเราะขึ้นมาอย่างเป็นกันเอง “เกรงว่าท่านซูจะไม่รู้ว่าข้าเกิดและเติบโตที่แคว้นชางหลาน อีกทั้งป่าเขาพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นที่แปลกเลย”

คำพูดนี้พูดออกไป คนไม่น้อยต่างพากันมองมา

องค์หญิงเอ่อตานผู้นี้ไม่เคยพูดถึงชื่อของตนเอง อีกทั้งยังไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหนกันแน่

กู้อ้าวเวยไม่สนใจคนอื่นอีก รูจมูกขยับเล็กน้อย แค่รู้สึกว่ากลิ่นแปลกๆ นี้จางลงไปบ้างเล็กน้อยแล้ว เงยหน้าขึ้นมา ท่านซูผู้นั้นหลับคาลงใหม่อีกครั้ง แต่กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าท่านซูผู้นี้ยังคงเชื่อว่าอ้ายจื่อตายเพราะฝีมือนาง

เดินเข้าไปในป่าลึกหลายก้าว กู้อ้าวเวยแมลงวันที่ต่างพากันออกมาต้อนรับดึงดูดความสนใจของนาง

หนอนน้อยสีดำที่ตัวเท่านิ้วหัวแม่มือ ตัวอ้วนใหญ่มีหลายขา หยุดอยู่ที่ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวย หนามเล็กๆ ที่ขาหลังยังไม่ทันได้ปักลง กู้อ้าวเวยก็บีบแมลงนี้จนตาย สะบัดมือไปมา “แมลงชนิดนี้ทำไมจึงอยู่ที่นี่ได้”

“มีคน” ทหารที่อยู่ด้านหลังร้องด้วยความตกใจหนึ่งเสียง

มีเสียงลอยมาในอากาศ ทหารที่อยู่ข้างกายกลับไม่ขยับ กู้อ้าวเวยกลับรีบหลบออกไป มีดที่มีแถบผ้าสีน้ำเงินปักไปที่ข้างๆ ใบหน้าของนาง บนหนั้นเขียนว่า ยาลับ

คิดไม่ถึงว่ายังมีคนที่ไม่ยอมตายใจจากยาอายุวัฒนะ

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท