บทที่ 583 เด็กน้อยกระจ่างแจ้ง
ร้านอาหารป่ายเว่ยที่อยู่นอกที่พัก ผู้คนต่างพากันพูดคุยถึงเรื่องการตายของขุนนาง นักเล่าเรื่องบางคนพูดถึงสิ่งที่มองไม่เห็นเมื่อคืนด้วยความออกรสออกชาติ แต่เมื่อผสมเข้ากับสิ่งที่อ้ายจื่อเคยทำ หรือเป็นเรื่องระหว่างองค์หญิงเอ่อตานกับอ๋องจิ้ง ยิ่งพูดถึงพระสนมที่ไม่ชัดเจนของอ๋องจิ้งด้วยเช่นกัน
กู้อ้าวเวยกลับไม่สนใจจะฟังกับเรื่องเรื่องนี้ มีเพียงชิงจือที่ฟังอย่างตั้งใจ เอานิ้วขึ้นมานับดูงานมงคลของพ่อแม่ งานแต่งงานใหญ่โตสองครั้ง พระชายาที่ถูกต้องเปลี่ยนมาถึงวันนี้ก็มีสามตำแหน่ง มีคู่รักที่มีความเหมาะสมกันและก็มีหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ฟังจนชิงจือดูจะเป็นกังวลแทนกู้อ้าวเวย ค่อยๆ จับไปที่มือของกู้อ้าวเวยแน่ “ท่านแม่ ท่านพ่อนับว่าเป็นพวกคนใจง่าย จิตใจรวนเรหรือไม่”
อาหารที่อยู่เต็มปากกู้อ้าวเวยเกือบจะพ่นออกมา คราวนี้ถึงจะได้ยินนักเล่าเรื่องนั้นกำลังพูดถึงเรื่องราวความรักของอ๋องจิ้ง ได้แค่นวดหัวของชิงจือไปมา “คนที่แต่งงานกับท่านพ่อเจ้าสองครั้ง ที่จริงแล้วก็คือแม่ ก็แค่เปลี่ยนฐานะแค่นั้น ท่านพ่อเจ้าไม่นับว่าเป็นพวกใจง่ายหรอก”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นท่านพ่อก็ไม่ได้ตั้งใจ ท่านแม่ท่านก็เคยพูด ในหนึ่งชีวิตของคนเรานี้ทำอะไรก็ต้องควรตั้งอกตั้งใจ ชิงจือก็มีเพียงแค่หัวใจดวงเดียวเช่นกัน วันข้างหน้าก็ไม่สามารถแยกออกเป็นอย่างละครึ่งได้ หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องตายใช่หรือไม่” ชิงจือถลึงดวงตาออกมา พูดต่อว่า “งั้นทำไมท่านพ่อถึงไม่ตาย เป็นเพราะว่าท่านแม่มีฝีมือการรักษาที่ดีงั้นหรือ”
กู้อ้าวเวยกลับถูกคำพูดของเขาเย้าแหย่จนหัวเราะ ครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะตอบว่าอย่างไรดี
ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วมาจากด้านนอกที่ไกลๆ ว่า “ที่จริงแล้วต้องขอบคุณแม่ของเจ้า”
กู่เซิงสวมชุดยาวที่สง่างามเดินมา แต่กลับยังคงเป็นท่าทีของท่านชาย ในดวงตามีรอยยิ้มแฝงไว้
หากจะบอกว่าบนโลกนี้ยังมีใครที่คล้ายคลึงกับกู้อ้าวเวย ก็คงมีแค่กู่เซิงแล้ว
“เจ้ามาแล้ว” กู้อ้าวเวยตักซุปกระดูกหมูชามเล็กๆ วางไว้ข้างมือให้ชิงจือ ตัวเองเช็ดนิ้วมือเบาๆ พลางให้คนรับใช้เสี่ยวเอ้อนำเหล้าชั้นดีมาให้สองกา “หากข้ามีฝีมือนี้จริงๆ ตอนนั้นก็คงไม่ถูกทรมานจนย่ำแย่ขนาดนี้หรอก”
กู่เซิงได้แค่หัวเราะเบาๆ “หากไม่ใช่เพราะโชคร้ายตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ระหว่างเจ้ากับข้าก็คงไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยกันอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องใด”
ป้ายหยกชิ้นหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ
ตามรอยแกะสลักที่ปรากฏด้านบน ก็ไม่ยากเลยที่จะดูออกว่าป้ายหยกชิ้นนี้เป็นฝีมือของช่างแคว้นเจียงเยี่ยน นี่ควรจะเป็นสิ่งของที่อ้ายจื่อพกติดตัวเอาไว้
“ทำไมต้องทำเช่นนี้” กู้อ้าวเวยถาม
“เพราะว่าคนผู้นั้นมาล่วงเกินเจ้า นี่จะเป็นแค่การแสดงออกถึงความจริงใจ” ปลายนิ้วของกู่เซิงขูดอยู่บนโต๊ะไปมา
“ข้าไม่ชอบเช่นนี้ หากเจ้าอยากจะแสดงออกถึงความจริงใจจริงๆ ก็บอกทางเลือกของเจ้ากับข้ามาเลยตรงๆ เสียดีกว่า” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร ยกมือขึ้นแสดงท่าทีว่าให้เขารีบนำของชิ้นนี้เก็บกลับไป ตนเองกลับช่วชิงจือเช็ดมุมปากไปมา
กู่เซิงไม่ได้มีเจตนาแฝงต่อสิ่งนี้ เขาทำเช่นนี้ก็ไม่ได้สนใจว่ากู้อ้าวเวยจะพอใจหรือไม่ เพียงแค่ตนเองสามารถส่งต่อความรู้สึกไปได้ จู่ๆ ก็พยักหน้า “เด็กน้อยก็อยู่ตรงนี้ ฟังไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก”
“เจ้าต้องการสร้างความสงบและความเจริญรุ่งเรือง เดิมทีก็ทำเพื่อพวกเขา หากเจ้าแม้แต่ชิงจือยังกล่อมไม่ได้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถเป็นฮ่องเต้แคว้นเจียงเยี่ยนได้อย่างดีๆ” กู้อ้าวเวยพูดอยู่ แล้วก็ค่อยๆ ตบไปที่หลังของชิงจือเบาๆ “ท่านอาอยากถามคำถามเจ้าสักสองสามข้อ”
“ข้าเป็นเด็ก ใต้เท้าอย่างพวกท่านมีอะไรจะถามหรือ” ชิงจือรู้สึกถึงความแปลกประหลาด
แต่กู้อ้าวเวยกลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก กู่เซิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันหนึ่งที่ต้องมาปรึกษาหารือหัวข้อสนทนาที่หนักหนาเช่นนี้กับเด็กคนหนึ่ง ลังเลไปมา หลังจากคิดอย่างละเอียดแล้วจึงออกปากว่า “อันดับแรกข้าต้องฆ่าคน”
กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาเบาๆ หนึ่งเสียง
ชิงจือขมวดคิ้วไปทั้งหน้า คิดอยู่ชั่วครู่ “ฆ่าคนทำไม”
“เพราะว่าข้าจะช่วยคน ดังนั้นต้องฆ่าคน” กู่เซิงรู้สึกว่าพูดแบบนี้ดูแปลกๆ ไปหน่อย
“งั้นก็ได้นะ” ชิงจือพยักหน้าอย่างจริงจัง อีกทั้งค่อยๆ แอบมองไปทางกู้อ้าวเวย “ท่านแม่ สิ่งที่ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
“ไม่มีถูกหรือผิด มีเพียงตัวเจ้าเองที่ตัดสินใจ สิ่งที่แม่พูดก็ไม่นับรวมเช่นกัน” กู้อ้าวเวยนวดหัวของเขาไปมา เห็นกู่เซิงครุ่นคิดไปมาแล้วไม่รู้จะถามคำถามข้อถัดไปอย่างไร จึงพูดต่อว่า “งั้นหากท่านอาอยากจะฆ่าพ่อของเจ้าให้ตาย จะเป็นฮ่องเต้แทนที่พ่อของเจ้า เจ้าคิดว่าจะได้ไหม”
“เป็นฮ่องเต้ของพวกเราหรือ” ชิงจืออ้าปากค้าง
กู่เซิงส่ายหน้า
เด้กน้อยจับชามน้ำซุปคิดอยู่นานมาก นวดหัวไปมา “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านควรถามคนอื่นดู นั่นคือฮ่องเต้ของพวกเขา”
กู้อ้าวเวยตักซุปหนึ่งช้อนเข้าปากเขา มองดูกู่เซิงที่ตกใจด้วยรอยยิ้ม
ความหมายของชิงจือก็คือต้องดูตามความพอใจของประชาชนไหม กู่เซิงคิดอยู่นานมาก จวบจนรอจนชิงจือดื่มน้ำแกงถ้วยนั้นหมด แล้วถามต่อว่า “ข้าจะฆ่าพ่อของข้า และชาวบ้านเหล่านั้นล้วนไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าควรจะซื่อสัตย์กับใคร หากข้าเปิดศึกก็จะมีคนตายนับไม่ถ้วน เลือดไหลอาบเต็มแม่น้ำ สามารถก่อการกบฏ ได้ไหม”
ครุ่นคิดอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ชิงจือนวดหัวไปมา ความสับสนเต็มดวงตามองไปที่กู้อ้าวเวย ดูเหมือนว่าฟังไม่เข้าใจ
“ชาวบ้านเหล่านั้นไม่รู้ว่าควรจะจงรักภักดีกับฮ่องเต้ที่เป็นใครดี หากท่านอาจจะก่อกบฏ อีกทั้งยังมีเลือดไหลเต็มแม่น้ำ ไม่ซื่อสัตย์ไม่กตัญญู หากท่านอาไม่ก่อกบฏ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมีทาสรับใช้เฉกเช่นทุกวันนี้ ท่านควรจะเข้าใจถึงอดีตของเพื่อนพ้องทาสรับใช้พวกนั้น ท่านยังตั้งชื่อให้พวกเขาอีก ยังจำได้ไหม” กู้อ้าวเวยหยิกใบหน้ากลมเล็กของเขาไปมา อีกทั้งยังสั่งไข่ตุ๋นมาหนึ่งที่อีก
ชิงจือรีบยกมือขึ้นมาเท้าแก้มของตนไว้แน่น ขมวดคิ้วขึ้นมา “งั้นก็ก่อกบฏ เถอะ ยังไงก็ต้องมีคนตายอยู่แล้ว ข้าไม่อยากเห็นพวกเขาตาย พี่ชายพี่สาวพวกนั้นล้วนเป็นคนดี”
“ที่ชิงจือพูดมีเหตุผล” กู้อ้าวเวยรีบพุ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มนวดกล้ามเนื้อที่นุ่มนวลของเด็กน้อยไปหนึ่งที รีบเอาไข่ตุ๋นนั้นวางไว้ด้านหน้าของเขา “งั้นหากบอกว่าท่านแม่ก็ต้องฆ่าคนเช่นกัน เจ้ารู้สึกว่าอย่างไร”
“ท่านแม่จะฆ่าใคร”
“จะฆ่าพวกคนที่ดูหมิ่นพี่ชายพี่สาวของเจ้า” กู้อ้าวเวยแววตาหนักแน่น ค่อยๆ เอาชิงจือมาสวมกอดอยู่ในอก “แต่หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องแยกจากเจ้าเป็นแรมเดือนแรมปีเลย ชิงจือสามารถทนกับความเหงาได้ไหวหรือไม่”
ร่างกายของชิงจือตัวเล็กๆ แต่กลับฉลาดเกินคนวัยเดียวกัน แต่ยังคงครุ่นคิดอย่างละเอียดนานมาก จึงทอดถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก โอบกอดไปที่คอของกู้อ้าวเวยด้วยความโกรธหลายเท่าอยู่ ยิ่งออกแรงมากขึ้นอีก กลั้นไว้จนกู้อ้าวเวยหน้าแดงขึ้นมา แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กอดชิงจือแน่นขึ้นไปอีก
“หากท่านแม่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าข้าจะยอมให้” เสียงของชิงจือดุเซ็งๆ “แต่หลายวันนี้อาจารย์บอกว่าการบ้านของข้าไม่ดี……”
ค่อยๆ ตบไปที่ก้นของชิงจือเบาๆ กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ที่จริงแล้วการเรียนของเจ้าดีจะตายไป หลายวันก่อนยังได้รับคำชมเชยจากอาจารย์เลย”
ชิงจือถลึงตาคู่นั้นออกมา ดูเหมือนว่าเป็นการถาม จริงๆ แล้วท่านแม่ไม่อยู่ จะรู้มาจากที่ไหนได้กัน
ค่อยๆ ลูบไปที่จมูกของนาง เหมือนกับว่าเด็ดเอาลูกชายของหมีโคอาล่าก็ไม่ปานลงมา หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “แม่สนใจเจ้าอยู่ตลอดเวลา หลายวันนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้ห่างไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว ดีไหม”
ชิงจือรีบพยักหน้าตอบกลับทันที
กู่เซิงมองดูกู้อ้าวเวยที่คลายความสับสนและวุ่นวายของเขาอย่างสบายใจ อีกทั้งยังเชื่อมความสัมพันธ์ดีๆ กับลูกไปด้วย จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาเจื่อนๆ “ที่จริงแล้วเด็กก็มองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รอข้ากลับไปก็จะเตรียมการอย่างทันที”
“แต่อย่าลืมคำพูดของชิงจือ ข้าก็จะกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์” กู้อ้าวเวยแหย่ชิงจือเล่น
กู่เซิงหัวเราะอยู่หลายคำ แล้วก็พยักหน้ารับปาก “แม้ว่าพวกเราทั้งหมดจะตาย คนของแคว้นชางหลานอย่างเจ้าก็ไม่สามารถมาให้ตายด้วย”
“นี่เป็นศึกของคนแคว้นเจียงเยี่ยน”