บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 603

ตอนที่ 603

บทที่ 603 แต่เพื่อความสุขของข้า

“เรื่องจริงเป็นเช่นนี้” กู้อ้าวเวยรู้สึกใจสั่นขึ้นมา ปลายนิ้วเกร็งแน่น สีหน้าบึ้งตึง “หากเจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเจ้า ยังมีอีกเรื่อง เจ้าอย่าไปพูดอะไรมาก”

ท่านซูมองไปยังนางอย่างแฝงนัยยะ สังเกตดูร่างกายที่แข็งทื่อของนาง

ลุกขึ้นเดินจากไป กู้อ้าวเวยรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว ความหมองคล้ำที่ปรากฏตรงหน้ากลับกลายเป็นความสดใส ค่อยๆออกจากที่นี่อย่างช้า ๆ สาวใช้ติดตามนางไป “ต้องการกลับเลยไหม”

“ไม่ต้องตามก็ได้ ข้าต้องการไปพบกู่เซิง ตอนค่ำให้องค์ชายมาพบข้าที่เรือนรับรอง วันพรุ่งนี้ยามรุ่งข้าต้องออกเดินทาง” กู้อ้าวเวยพูดอย่างไม่รีบเร่ง บนใบหน้าไร้ความรู้สึกอื่นใด

สาวใช้รับคำอย่างเชื่อฟัง โดยไม่ได้คิดที่จะนำเรื่องการออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ไปบอกซ่านจินจื๋อ

ในเวลานี้ซ่านจินจื๋อรู้จากซ่านเซิ่งหานแล้วว่าซ่านต้วนเฟิงคิดจะยุยงให้เกิดความแตกแยก ทั้งสองจึงต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่องค์หญิงเอ่อตานจะไปเมืองเทียนเหยียนจริง ๆ ก็คงจะพาไปแต่อาจื่อและเยว่ แม้ว่าจะฆ่าซ่านต้วนเฟิงไป แต่ก็ต้องคอยดูว่าเยว่เป็นคนของใครกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทักษะของเยว่ซึ่งดีกว่ากู้อ้าวเวยอยู่มาก

เมื่อได้ยินข่าว ซ่านจินจื๋อก็ตอบรับทันที “ได้แน่นอน ให้เฉิงซานส่งคนไปติดตามชิงจืออย่างใกล้ชิด เกรงว่าซ่านต้วนเฟิงจะลงมือ ส่วนทางนี้ข้าก็จะแสดงว่ารบรากับซ่านเซิ่งหานอีกครั้ง”

รอแต่เพียงให้ซ่านต้วนเฟิงกลับมาอย่างล้มเหลว

กู้อ้าวเวยเดินเข้ามายังเรือนรับรองของกู่เซิง กลิ่นคาวเลือดโชยมาเต็มโพรงจมูก ที่สุดนางก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป ยิ่งไม่อยากเห็นบรรดาทูตเหล่านั้นที่กำลังจะตาย

ในเวลานี้กู่เซิงเดินออกมาจากห้อง มุมของชายเสื้อถูกย้อมด้วยสีแดง

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ตอนนี้…” กู่เซิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ด้านหลังมีร่างดำทะมึนร่างหนึ่งแบกถุงผ้าขนาดเท่าคนเดินออกมาและจากไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดูออกว่าคนพวกนั้นคือผู้พิทักษ์ข้างกายของซ่านต้วนโฉงที่เคยพบเจอมาก่อน

นับว่าโชคดีที่ซ่านจินจื๋อและซ่านต้วนโฉงเป็นพี่น้องกัน กู้ก้าวเวยจึงเคยเห็นที่ห้องหนังสืออยู่หลายครั้ง พูดต่อว่า “เจ้าได้บรรลุข้อตกลงกับฮ่องเต้แล้วหรือ”

กู่เซิงหัวเราะเบาๆ “ข้านึกว่าเขาจะขออะไรมากกว่านี้เสียอีก”

“ฮ่องเต้ทรงพระปรีชา รู้เรื่องถ้วนทั่ว” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ แต่ในใจนั้นกลับรู้อยู่แล้ว ซ่านต้วนโฉงนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการจะลงมือจัดการกับเรื่องที่ยุ่งเหยิงอยู่ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะเอาชนะแคว้นเจียงเยี่ยนได้จริง แต่ก็แค่เพื่อปราบปรามทาส ไม่ว่าระบบในการปกครองจะมั่นคงเท่าใด การจัดการแต่ละเรื่องจัดว่ายุ่งยากมาก นั่งอยู่บนเขาแล้วมองดูเสือสู้กันยังจะดีกว่า เปลี่ยนจากการนั่งพักผ่อนอยู่ยี่สิบปี ทั้งยังสามารถจะยกย่องแคว้นเจียงเยี่ยนไปได้ถึงยี่สิบปี ก็วิเศษไม่ใช่น้อย

หากบอกว่าซ่านต้วนโฉงเป็นฮ่องเต้ที่ดี ก็คงเป็นเพียงผู้มีฐานะสูงศักดิ์ที่คิดคำนวนได้ดี

กู่เซิงยกมือขึ้นเล็กน้อย “ต้องขอบใจเจ้าที่ค่อยอยู่เคียงข้างกัน หากปราศจากความช่วยเหลือของเจ้า ข้าคิดว่าคงต้องเสียเวลาอยู่เฉยๆไปอีกสองสามปี”

“ไม่ต้องขอบใจหรอก วันหน้าข้าจะไปหาเจ้าที่แคว้นเจียงเยี่ยนหากไม่มีอุปสรรคอะไร” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ ในใจยังคงจำสัญญาที่ให้ไว้กับชิงต้ายและกุ่ยเม่ยได้

เมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ จู่ ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้กุ่ยเม่ยอยู่ที่ไหน และยังมีเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์ของตัวเองว่าถูกย้ายไปไว้ที่ใด

นางจำสิ่งเล็กๆเหล่านี้ไม่ได้เลย

“เรื่องนี้ยังตกลงกันได้ พรุ่งนี้ข้าจะจากไปอย่างลับๆ เจ้าจะไปด้วยกันกับข้า หรือจะกลับไปที่เมืองเทียนเหยียนรอจนกว่าองค์ชายสามจะได้เป็นรัชทายาท” กู่เซิงถามความคิดเห็นของนาง

นิ่งครู่หนึ่ง กู้อ้าวเวยลูบหน้าผากของนาง “พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปกับเจ้า มีคนอื่นจะไปเมืองเทียนเหยียนเป็นเพื่อนองค์ชายสาม”

“เจ้าดูเหม่อลอยนะ” กู่เซิงก้าวไปข้างหน้า ระวังชายผ้าที่เปื้อนเลือด และไม่เข้าไปใกล้ “เจ้าไม่จำเป็นต้องเริ่มพรุ่งนี้ก็ได้……”

“ข้าทำได้” กู้อ้าวเวยพูดขัดจังหวะกู่เซิงอย่างไม่แยแส นี่เป็นครั้งแรกที่ดวงตาแหลมคมนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและความโกรธ

กู่เซิงได้แต่เพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น เขาไม่ชอบเลยกับอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยไม่รอช้า แต่หลังจากพูดเรื่องนี้อย่างเร่งรีบก็ยังขอยืมเครื่องเขียนซึ่งสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ เขียนจดหมายจำนวนมากเพื่อแยกให้กับนกพิราบสื่อสารและองครักษ์ ดูเหมือนว่าจะต้องการเรียกให้กุ่ยเม่ยมาอยู่ข้างกายตัวเอง แต่จดหมายที่ฝากนกพิราบสื่อสารไปนั้น กู่เซิงก็ไม่รู้เลยว่าคืออะไร

หลังรับประทานอาหารเย็น กู้อ้าวเวยเพิ่งจะกลับไปยังห้องนอนของตนเอง มีเงาของร่างสูงใหญ่ของผู้ชายเดินออกมา “คุยกันนานขนาดไหน”

“พรุ่งนี้ต้องออกเดินทาง ระหว่างทางค่อยแยกย้ายไปตามทางของตนเอง เรื่องบางเรื่องมีการสับเปลี่ยนตั้งแต่ต้นย่อมเป็นการดี” กู้อ้าวเวยมิได้เดินไปจุดเทียน ปิดประตูลงเหลือไว้แต่เพียงแสงของพระจันทร์ที่สาดส่องอยู่ด้านนอก ในความมืดมิดได้สัมผัสมือของซ่านจินจื๋อ นิ้วนั้นหยาบกร้านจากสนามรบและการฆ่าฟัน มือของนางเองก็เป็นมือเปื้อนเลือดเช่นกัน”

มือล้วนแต่แนบชิดกันทุกนิ้ว นิ้วทั้งสิบประสานไว้ด้วยกัน กู้อ้าวเวยโน้มตัวไปข้างหน้า แตะไปที่คางของเขาท่ามกลางความมืด มืออักข้างหนึ่งโอบเอสของซ่านจินจื๋อและค่อยๆลดตัวลงมา ฟังเสียงลมหายใจของผู้ชายคนนั้น นางค่อยๆยิ้มเบาๆ “วันนี้ไม่ต้องจุดเทียนแล้วนะ”

นางไม่ต้องการให้ซ่านจินจื๋อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวบนร่างกายนาง

“ได้” ชายคนนั้นยอมรับคำตามการกระทำของนาง ก็ตอบตกลงอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาอันแวววาวจ้องไปยังเส้นผมของหญิงสาวนั้นราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังล่าเยื่อ มืออีกข้างจับคางของนาง “รอจนกว่าทุกอย่างจะจบลง ข้าจะพาเจ้าและกุ่ยเม่ยไปให้ทั่วเลยล่ะ”

“ข้าอยากจะไปกับกุ่ยเม่ย ไม่อยากไปกับคนอย่างเจ้า” กู้อ้าวเวยยิ้มและก้าวไปข้างหน้า ไม่ทันระวังจนไปเหยียบโดนเท้าของผู้ชายนั้นอย่างไม่ตั้งใจ ได้แต่พูดไป “ก็แค่บอกไว้ก่อนนะ”

“เอาเถอะ” ซ่านจินจื๋อนิ่งเงียบพักหนึ่งได้แต่ยอมแพ้ ดึงตัวนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

กู้อ้าวเวยจำความรู้สึกกลัวความมืดเมื่อก่อนไม่ได้ ได้แต่พิงแขนชายคนนี้อย่างเชื่อฟัง ค่ำคืนมืดสลัว แต่ไม่ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าปานใด กู้อ้าวเวยกลับยังคงหลับไม่ลง

เมื่อไม่สามารถที่จะยึดถืออะไรได้ นางหลั่งน้ำตาด้วยความปีติยินดี อยากจะบอกเขาอยู่หลายครั้งว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่เมื่อคิดแบบนี้ หากรับรู้เรื่องของนางฝ่ายตรงข้ามก็คงจะต้องระมัดระวัง หรือหากไม่ยินยอม นางก็ได้แต่ยิ้มและจูบลงบนแก้ม

เฝ้ารอจนผู้ชายด้านข้างหลับนิ่งไป นางจึงได้ผละตัวออกจากผู้ชายคนนั้น

เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ใส่ผ้าคลุมหน้าอย่างเรียบง่าย เมื่อรู้ว่าซ่านจินจื๋อจะต้องไปส่งซูพ่านเอ๋อ นางจึงรีบเร่งฝีเท้า รอยสีชมพูที่คอปรากฏออกมาให้เห็นจากภายนอก การกระทำก็แข็งทื่อ

หากไม่ต่อรองอะไรจากตัวของซูพ่านเอ๋อ นางก็คงจะไม่ยินดี

นางชักดาบยาวออกมาจากเอวของเฉิงซานภายใต้สายตาของคนรับใช้ที่มองอย่างตกตะลึง เหยียบลงบนแคร่ด้วยเท้าข้างเดียว ข้ามรั้วไม้ที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นชั่วคราว มองไปยังแววตาที่ตื่นกลัวของซูพ่านเอ๋อ “กลัวอะไร ข้ายังเป็นหมอที่ดีอยู่เลย ไม่รู้จักคำว่าโหดร้ายสักหน่อย”

ซูพ่านเอ๋อถูกปิดปากไว้ ทำได้แต่เพียงส่งเสียงอู้อี้ด้วยความหวาดกลัว

เฉิงซานถามอย่างระมัดระวัง “ตอนนี้ภายใต้สายตาของทุกคน….”

“ถึงอย่างไรเจ้าก็สามารถจัดการได้” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างเย็นชา ปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง ปล่อยม่านลง ก้มลงมองเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเช่นเดียวกันกับซูพ่านเอ๋อ ปลดคอเสื้อของตัวเองออกพลางยิ้มเบาๆ เผยให้เห็นร่างที่น่ากลัวและร่องรอยที่ไม่ชัดเจน “ข้ายังมีชีวิตอยู่ดี ผู้ชายของเจ้าก็เป็นของข้า เจ้าทำเพื่อความสุขของข้าได้ไหม”

ดาบแรก ก็แทงทะลุหัวใจของซูพ่านเอ๋อ

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท