บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 595

ตอนที่ 595

บทที่ 595 ซ่านต้วยเฟิง

องค์ชายเก้ามีนามว่าซ่านต้วยเฟิง เนื่องจากมารดาเป็นนักโทษมิใช่คนในครอบครัวสูงศักดิ์ ฉะนั้นจึงไม่อาจใช้ตัวอักษรผู้สืบทอดในรุ่นนี้ได้

มารดาเสียชีวิตจากภาวะคลอดลำบาก และได้รับการเลี้ยงดูจากจี้เฟย แต่น่าเสียดายที่จี้เฟยป่วยหนักจนลาโลกไปในยามที่ซ่านต้วยเฟิงอายุได้สิบสองปี ต่อมาก็ย้ายมาพำนักในตำหนักองค์ชาย จนกระทั่งเติบโตจนป่านนี้ ก่อตั้งตำหนักอีกหลัง ในเรือนมีหนึ่งภรรยาสองอนุ ชายาเอกเป็นบุตรีพ่อค้าวาณิช มีอนุแรกที่เป็นตระกูลสาขาย่อยของซู๋ฮองเฮา อนุอีกหนึ่งเป็นตระกูลสาขาย่อยของสามีองค์หญิงแห่งร้านเห้าเทียน

ปัจจุบันยืนอยู่ฝั่งเดียวกับซู๋ฮองเฮา กู้อ้าวเวยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

แต่ทั้งซ่านเซิ่งหานและซ่านจินจื๋อต่างก็ทำการตรวจสอบองค์ชายเก้าท่านนี้ คอยป้องกันล่วงหน้าอย่างระวัง

ส่วนกู้อ้าวเวยนั้นกลับหาได้ยากที่จะไม่เข้าใจความหมายของซ่านเซิ่งหาน ศีรษะที่สวมผ้าคลุมหน้านั้นเอียงเล็กน้อย “ครั้งนี้ดูเหมือนข้าจะไม่ได้หาเรื่องเขานะ”

ซ่านจินจื๋อที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามแทบจะขย้ำแก้วในมือจนแตกละเอียด

ตัวซ่านเซิ่งหานเองกลับแน่นิ่งไปสักพัก แน่นิ่งอยู่นานกว่าจะกล่าวอธิบาย “นี่ไม่ใช่ว่าเจ้าแส่หาเรื่องหรอก เพียงแต่เพราะสถานะเจ้าหญิงของเจ้า รวมถึงความสำคัญที่ท่านอามีต่อเจ้าต่างหาก”

“ถ้าข้าเป็นเขา ข้าย่อมต้องเพ่งเล็งที่ท่าน ปฏิบัติต่อองค์หญิงต่างแคว้นคนหนึ่งอย่างข้า จะไปทำอะไรได้กันเล่า” กู้อ้าวเวยกลับยังคงไม่เข้าใจ ตอนที่นางตื่นขึ้นมาคนที่ยืนอยู่ข้างประตูไม่ใช่ผู้ใต้บัญชาของซ่านเซิ่งหาน หนึ่งในนั้นมีเพียงเยว่ซึ่งตามหลังมาติด ๆ เท่านั้นที่เป็นคนของซ่านเซิ่งหาน

ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองยังพอเป็นประโยชน์อะไรได้อีกบ้าง

ซ่านเซิ่งหานอ้ำอึ้งไปสักพัก ก็ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยกำลังอำตนอยู่หรือไม่ ก่อนกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าหมั้นหมายกับข้า ขอเพียงเจ้าตาย ข้าก็ไม่มีเอ่อตานเป็นที่พึ่งแล้ว เจ้าเข้าใจไหม?”

“เป็นอย่างนี้หรอกหรือ” กู้อ้าวเวยมุ่นเรียวคิ้ว รู้สึกเพียงแต่ว่าระยะนี้ตนมักจะสติไม่อยู่กับร่องกับรอย

ดูเหมือนเรื่องที่จะตายในอนาคตยังทำให้นางจิตใจล่องลอยอยู่

ปลายนิ้วเริ่มกระชับขึ้นเล็กน้อย เหลือบเห็นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกำลังจะจัดขึ้นในไม่ช้า ถึงตอนนั้นคงเลี่ยงได้กินอาหารป่าสักสองสามคำไม่ได้ วันนี้นางไม่ได้ทานยาอย่างเลยตามเลย ก่อนมองไปทางซ่านเซิ่งหานอย่างจนปัญญา “แต่ข้าไม่สามารถเคียงข้างท่านไปเทียนเหยียนเพื่อรอท่านสืบทอดตำแหน่งรัชทายาท ครั้นกู่เซิงจากไป ข้าก็จะไปพร้อมกับเขาทันที”

“นี่ก็คือแผนของเจ้า?” ซ่านเซิ่งหานมุ่นคิ้ว

“เป็นเช่นนี้แหละ เรื่องสำคัญมาก ๆ คงไม่อาจบอกท่านได้” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนมองเยว่ที่มีเงาร่างคล้ายคลึงกับตนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยคำ “ไม่สู้ให้เยว่นั่งตำแหน่งแทนข้าชั่วคราว จื่อมีวาทศิลป์ถนัดพูด คงสามารถช่วยปกปิดให้ได้บ้าง”

“หากทำอย่างที่เจ้าพูด ตลอดทางนี้จำเป็นต้อง…”

“กู่เซิงจะคุ้มกันข้าอย่างปลอดภัยแน่นอน หากเขาไม่สามารถแม้แต่ปกปิดข้าไว้ได้ ข้าคงไม่ต้องอยู่เคียงข้างผจญอันตรายกับเขาแล้ว” กู้อ้าวเวยโบกมือ หับหนังสือในมือเข้าหากันอีกครั้ง สีหน้าจนปัญญา “ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะบรรลุผลหรือไม่ ท่านก็ต้องต่อกรกับองค์ชายเก้าผู้นี้เป็นพอ”

“ยามที่เจ้าจากไป หากองค์ชายเก้าคิดลงมือ กู่เซิงจะตั้งรับไว้ได้หรือ?” ซ่านเซิ่งหานยังคงเป็นห่วง “นับประสาอะไร สีหน้าของเจ้าดูเหมือนไม่สู้ดีนัก”

ทอดถอนใจเบา ๆ กู้อ้าวเวยรู้สึกเพียงว่าเขาเริ่มเหมือนผู้ใหญ่ที่กังวลใจต่อลูก ๆ มากขึ้นทุกที ทำเพียงปริปากอย่างจนปัญญา “เรื่องนี้ปล่อยให้เขาไปเถิด ถ้าหากองค์ชายเก้าคิดจะลงมือกับข้าจริง ๆ ก็จำเป็นต้องใช้สาขาย่อยของตระกูลซู๋ หากผจญอันตรายระหว่างทางก็จะได้เคาะระฆังเตือนภัยให้กู่เซิง”

สำหรับเรื่องนี้ซ่านเซิ่งหานไร้คำจะกล่าว กู้อ้าวเวยดูคล้ายจะไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของพวกเขาเลย ทว่าต่อให้อยู่เป็นเรื่องอะไรกลับคิดจะสั่งสอนพวกเขาเสมอ กับเขาก็ดี กับซ่านเชียนหยวนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แม้แต่กับชิงจือเองก็ยังชอบพร่ำบนหลักการอยู่ร่ำไป ยอมปล่อยให้เจ้าเดินไปบนเส้นทางเลี้ยวลด แต่ไม่ยอมให้ตนต้องใช้สมองเลย

ส่วนกู้อ้าวเวยกลับไม่ยี่หระ นางมักจะออกคำสั่งต่อแพทย์ อบรมผู้อื่นเรื่อยมา แต่เมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องหาเหตุผลไม่ได้ ก็จะบอกว่าเป็นการอบรมชี้แนะ

ทั้งสองต่างจมจ่อมในภวังค์ความคิด ผ่านไปสักพัก กู้อ้าวเวยจึงฉุกคิดถึงสิ่งของที่ท่านซูเคยมอบให้ขึ้นมาอย่างปุบปับ ก่อนเหลือบไปมองทางฝั่งท่านซูปราดหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาสองคู่สบประสาน ก็เห็นว่าผู้อาวุโสท่านนี้ค้อมกระหม่อมน้อยๆ ขอตัวทูลลาต่อซ่านต้วนโฉง ก่อนจะจากไป ยังเหลือบมองนางอีกแวบหนึ่งด้วย

“เสียมารยาทแล้ว” กู้อ้าวเวยกล่าวเสียงแผ่ว และหยัดตัวขึ้นมา ขยิบตาให้กับซ่านเซิ่งหานหนึ่งที

จากนั้นซ่านเซิ่งหานหยัดตัวลุกขึ้นปริปากเอ่ยต่อซ่านต้วนโฉง “อาจเพราะเมื่อวานพระองค์หญิงตกประหม่ามากเกินไป วันนี้จึงไม่ค่อยสบายกาย ขอได้โปรดเสด็จพ่อประทานอนุญาตให้นางไปพักผ่อนในเรือนสักประเดี๋ยวด้วย”

“อืม ส่งคนไปดูแลให้เรียบร้อยด้วย” ซ่านต้วนโฉงย่อมมองเห็นสายตาระหว่างท่านซูและกู้อ้าวเวยอย่างแจ่มแจ้งอยู่แล้ว

ระหว่างกู้อ้าวเวยและท่านซูยังมีอะไรอยู่หรือ?

หลายคนในงานเลี้ยงล้วนคิดไปต่าง ๆ นานา ซ่านจินจื๋อลอบส่งคนไปเฝ้าระวังอย่างลับ ๆ ทางนี้ก็มองไปทางซ่านต้วนโฉงอย่างสงวนท่าที…เหมือนกับซ่านเซิ่งหานเป๊ะ ซ่านจินจื๋อมักจะไม่วางใจต่อองค์ชายเก้าคนนี้เลย อาจจะทำร้ายกู้อ้าวเวยเอาได้ง่าย ๆ

“ได้ยินว่าระยะนี้เฟิงเอ๋อร์ร่ำเรียนอย่างหนัก แต่ภรรยาอนุของเขาไม่อยู่อย่างสงบสุขเลยในแต่ละวัน”

ซ่านจินจื๋อจงใจเอ่ยวาจา รู้อยู่แล้วว่าภรรยาอนุทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังนั้นทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดหย่อน เป็นผู้ที่ซ่านต้วยเฟิงใช้มาเพื่อดึงพรรคพวกเพียงอย่างเดียว และไม่ได้ดูแลปกครองอย่างดีนัก ย่อมก่อความเดือดร้อนไปทั่ว

แต่ถึงแม้ซ่านต้วยเฟิงผู้นี้จะอายุน้อย กลับมีอุปนิสัยไม่ยอมลดราวาศอกคนหนึ่ง ประสานมือคารวะด้วยรอยยิ้มไม่จืดจาง “ไหนเลยจะเทียบชั้นกับสาวงามคนแล้วคนเล่าของท่านอาได้กันเล่า”

“เฟิงเอ๋อร์!” ซ่านต้วนโฉงร้องติงด้วยน้ำเสียงพิโรธ สีหน้าขึงขัง

บัดนั้นซ่านต้วยเฟิงหน้าถอดสี ทำเพียงรีบร้อนพยักหน้ายอมรับผิด

ส่วนสีหน้าของซ่านจินจื๋อกลับเจือรอยยิ้มจาง ๆ ผิดไปจากท่าทีหน้าตายในยามปกติ

ซ่านต้วยเฟิงเปิดเผยขนาดนี้ กลัวว่าแผนสุดท้ายได้กำหนดแน่นอนแล้ว

ซ่านเซิ่งหานก็คิดแบบเดียวกัน ดวงตาสองคู่สบประสานกันกับซ่านจินจื๋อ กลางใจของทั้งสองล้วนมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีนัก

หากซ่านต้วยเฟิงต้องการชิงอำนาจยึดบัลลังก์จริง ๆ เช่นนั้นพวกเขาฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น จะหนีหายไปไหนได้อย่างไรกันเล่า?

ซ่านเซิ่งหานกังวลเพียงแต่ว่าซ่านต้วยเฟิงจะคุกคามตำแหน่งของเขา ส่วนซ่านจินจื๋อกลับกังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ เขาย่อมไม่สามารถเคลื่อนพลเข้าโจมตีเจียงเยี่ยนได้ด้วยตัวเอง เช่นนี้แล้ว กู้อ้าวเวยจะตกเป็นแนวหน้าของกองทัพทันที นำล่ายเสวียนและกู่เซิงลุกฮือขึ้นสู้ แต่เขากลับทำได้เพียงแค่อยู่มั่วสุมอำนาจทหารต่อที่นี่เท่านั้น

รู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ปีนั้นก็ไม่ควรแก่งแย่งบัลลังก์ฮ่องเต้นี่หรอก

หากเขาเป็นอ๋องที่ไร้อำนาจไร้ทหารคนหนึ่ง ขอเพียงมีพี่ใหญ่อย่างซ่านต้วนโฉงอยู่ทั้งคน เช่นนี้ชั่วชีวิตก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องกินและเครื่องนุ่งห่มแล้ว คงจะมีความสุขเพลินเพลินไปกับปักษาเมฆา ไหนเลยจะถูกปราบปรามทุกฝีก้าวอย่างทุกวันนี้

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางศาลาในสวนหลังวัง ใบไม้ร่วงกองเต็มพื้น ดอกไม้เหี่ยวเฉา เปี่ยมด้วยภาพลักษณ์แห่งความเซื่องซึม

เยว่ยืนตากลมฟู่ ๆ อยู่นอกศาลา ส่วนคณะทูตข้างกายท่านซูผู้นั้นกลับไม่ได้ติดตามมาสักคน ทั้งสวนหลังวังมีเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น บวกกับท่านพลิ้วไสวนอกศาลานั้น ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นผู้ที่อยู่ในศาลาเลย ส่วนกระดิ่งที่อยู่ใต้ชายคาส่งเสียงดังกังวานออกมา บ่งชี้ว่าเป็นสถานที่เจาจรหารือ ไม่ให้ผู้คนรับรู้

กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนม้านั่งหิน สายตานุ่มนวล “ถึงแม้ข้าจะเชื่อว่าท่านปู่มอบใจทำเพื่อหลานสาวทั้งดวง แต่กลับไม่เชื่อว่าท่านไม่ได้ดูแลหลานสาวเลยหลายสิบปี ตอนนี้กลับยินดีเสี่ยงมหันตภัยรุดหน้ามาเพื่อช่วยเหลือ”

“ตอนที่อ้ายจือเกิดมาได้พรากชีวิตลูกสาวของข้าไป ข้าย่อมไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว” ท่านซูส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เมื่อมองอย่างถ้วนถี่ จึงสามารถมองเห็นว่าในเรือนผมสีเทาขุ่นนั้นเต็มไปด้วยผมหงอก สุดท้ายก็ถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งที “แต่ข้าคิดไม่ถึงเลย อ้ายจือจะถูกคนทำร้ายเพราะข้า แต่นางมีแผนไม่น้อย ให้ข้ามาหาเจ้า ก็เพื่อช่วยพยุงครอบครัวตระกูลข้า ข้าย่อมต้องมาเป็นธรรมดา”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท