บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 600

ตอนที่ 600

บทที่ 600 ต้องเป็นหายนะใหญ่หลวงแน่แล้ว

มหาพิธีเซ่นสังเวยฟ้าดินใกล้จะสิ้นสุดลง

เหยื่อล่าสัตว์ถูกฉีกเนื้อหนังออกและวางบนแท่นปะรำสูง ส่วนเหยื่อชนิดอื่น ๆ ล้วนกลายเป็นอาหารป่าโอชะบนจานรองทั้งสิ้น

กู้อ้าวเวยสนอกสนใจในรายละเอียดของมหาพิธีเซ่นสังเวยฟ้าดินน้อยกว่าชิงจือมาก ทำเพียงถลกแขนเสื้อกว้าง ๆ ขึ้น นั่งลงหน้าโต๊ะด้านข้างเพื่อลิ้มลองบรรดาอาหารป่าเหล่านี้

หากว่าต้องการลูกสักคนจริง ๆ นางยังต้องการสารอาหารมากยิ่งขึ้นไปอีก

เยว่ที่อยู่ข้างกายผลักซุปใสธรรมดา ๆ ชามหนึ่งไปไว้ที่ข้างมือของนาง “เนื้อจะทานมากไม่ได้”

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าแค่ขนวัสดุยามาให้ข้าทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าเจ้ารู้ถึงมื้ออาหารที่ข้ากินในแต่ละวันด้วย” กู้อ้าวเวยยังคงรับชามซุปใสใบนั้นเข้ามา ชิมหนึ่งคำแล้วพลันรู้สึกสบายขึ้นมามากทีเดียว

เยว่ไม่เคยชอบท่าทางหยิ่งผยองขนาดนี้ของกู้อ้าวเวยเลย หลังจากวางข้าวของเสร็จก็จากไป

ในเวลานี้ซ่านจินจื๋อกลับฉวยโอกาสยามว่างเข้ามา เขาก็แค่ไปที่ป่าเขาเพื่อดูเรื่องแมลงพิษกับตาตัวเองแวบหนึ่ง และเดินเล่นรอบบริเวณเป็นเพื่อนชิงจือ ในที่สุดก็ถือว่าหาเวลาเข้ามาพูดคุยกับกู้อ้าวเวยได้เสียที ทว่าคนหลังกลับจดจ่ออยู่กับการเคี้ยวกลืนแช่มช้า คล้ายกับทุก ๆ คำที่ป้อนเนื้อเข้าไปในปากจะรักษาจังหวะในการเคี้ยวอยู่หลายสิบครั้ง

ไม่มีใครพูดอะไรเลยในขณะนี้ ทำได้เพียงรอให้กู้อ้าวเวยกินอิ่มหนำสำราญแล้ว ซ่านจินจื๋อจึงปริปากเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้ายินดีคลอดน้องชายน้องสาวสักคนให้ชิงจือ?”

“อืม” กู้อ้าวเวยหยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดมุมปาก ก่อนหันหน้าไปมองทางซ่านจินจื๋อ “เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังต้องหมั้นหมายกับองค์ชายสามอยู่ หากว่ายังจะอยู่กับท่านอีก…”

“หากทำเพื่อชิงจือ ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายตัวเองขนาดนั้นหรอก ข้าไม่รังเกียจหากเจ้าจะรับบุตรหรือบุตรีบุญธรรมเพิ่มอีกสักคน” น้ำคำของซ่านจินจื๋ออยู่นอกเหนือความคาดหมายของกู้อ้าวเวย คนหลังมองที่เขาอย่างแปลกใจ “ท่านไม่อยากให้กำเนิดลูกสักคนกับข้าหรือ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย เพียงแต่รู้ว่าเจ้าออกจะค่อนแคะกับเรื่องนี้อยู่” ซ่านจินจื๋อเองก็ผงะเล็กน้อยเช่นกัน

กู้อ้าวเวยเลิกเรียวคิ้วขึ้น คว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “ท่านทำไม่ได้ใช่หรือไม่”

“ข้าเห็นว่าเจ้าขาดบทเรียน” ซ่านจินจื๋อก็บีบปลายคางของนางแน่นด้วยความหัวเสียเช่นเดียวกัน ทำได้เพียงรอให้เพลิงโทสะบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยมลายกลายเป็นรอยยิ้ม จึงยกมือขึ้นตบทรวงอกของเขา ตามด้วยเอ่ยเสียงผะแผ่ว “อย่าได้เห็นข้าเป็นตุ๊กตาลายครามตัวหนึ่งอีก รอให้ชิงจือหลับแล้ว อย่าลืมว่าข้ายังต้องไปพบพี่ใหญ่ของท่านอยู่อีก”

ซ่านจินจื๋อจนปัญญา ทำได้เพียงพยักหน้า เฝ้ารออย่างอดทน

คิดไม่ถึงว่าถ้อยคำราบเรียบเพียงหนึ่งประโยคของชิงจือจะแก้ปมในใจของกู้อ้าวเวยออกได้

ช่วงที่อิ่มเอมอยู่นั้น เขายังคงกังวลใจเล็กน้อยว่ากู้อ้าวเวยเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้หรือไม่ ทว่าเห็นท่าทีของกู้อ้าวเวยไม่เหมือนกำลังพูดล้อเล่น กระทั่งเจือแววมุ่งมั่นหลายขนัด จึงไม่ได้เอ่ยถามมากความอีก

รอจนเล่นเป็นเพื่อนชิงจือจนหนำใจแล้ว กู้อ้าวเวยจึงอุ้มเขาขึ้นมาวางไว้บนเตียง คราวนี้จึงลอบออกไปพร้อมซ่านจินจื๋อ

ซ่านต้วนโฉงยังคงหย่อนกายาอยู่ท่ามกลางบ้านพักภูเขา เนื่องจากเรื่องแต่งตั้งรัชทายาทฮองเฮาจึงเล่นไม้แข็งกับซ่านต้วนโฉง ดังนั้นซ่านจินจื๋อจึงคิดจะนำกู้อ้าวเวยและกล่องยาเข้าไปนั้นแสนง่ายดายยิ่งนัก

พลิกตัวข้ามกำแพง ก่อนโรยตัวลงพื้นอย่างมั่นคง

กู้อ้าวเวยหิ้วกล่องยาขนาดเล็กไว้ที่ช่วงเอว เดินตามฝีก้าวซ่านจินจื๋อมายังกลางห้องบรรทม

ซ่านต้วนโฉงรอคอยเป็นเวลานานมากแล้ว กู้อ้าวเวยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำก่อนตรวจชีพจรให้เขา “ฝ่าบาท พิษชนิดนี้สลายไปแล้ว หากไม่อยากให้ฮองเฮาทรงทราบว่าพระองค์ถอนพิษไปแล้ว วันหน้าขอเพียงนำยาเม็ดนี้ละลายเป็นเครื่องดื่มแล้วเสวยเอาไปเล็กน้อย ก็มั่นใจได้ว่าพิษจะไม่เข้าสู่วรกายเพคะ”

เป็นเพียงแค่พิษลูกไม้ตื้น ๆ เล็กน้อยเท่านั้น กู้อ้าวเวยย่อมมียาถอนพิษอยู่แล้ว ความเอาขวดหยกไม่กี่ชิ้นออกมาอย่างลวก ๆ ก่อนกล่าวต่อไปว่า “พิษนี้มีน้อยมาก กลัวว่าฮองเฮาจะมีอุบายต่ออีก ป้องกันไว้ดีที่สุด”

“บางทีอาจจะเป็นการลอบสังหารโดยตรงก็ได้” ซ่านจินจื๋อเอ่ยเสริมเสียงเข้ม ก่อนเอื้อมมือไปช่วยกู้อ้าวเวยจัดเรียงสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือให้เรียบร้อย รอนางเขียนใบสั่งยาลงไปจนเสร็จเสียก่อน

“ข้าคิดไม่ถึงว่าการให้ซ่านต้วยเฟิงอยู่ในตำหนักองค์ชายต่อ ปล่อยให้เขาเข้าออกนอกวังได้อิสระ กลับกลายเป็นการให้เขาดึงหมอหลวงเข้าพวกแล้ววางพิษให้ข้า” เวลานี้ซ่านต้วนโฉงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าบึ้งตึง บัดนี้กลอุบายและกลิ่นไอวีรบุรุษผู้กล้าในยามปกติมลายหายไปแล้ว เหลือเพียงแต่ความผิดหวังอันเข้มข้น

ซ่านจินจื๋อกลับทำเพียงนั่งลงข้างกายเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณธรรมแห่งสตรี”

“กักขังเพื่อความรัก” ซ่านต้วนโฉงมองไปทางน้องชายที่อุปนิสัยเปลี่ยนไปอย่างมากคนนี้เช่นเดียวกัน สายตากลับโปรยตกไปบนร่างของกู้อ้าวเวย เหลือบเห็นกู้อ้าวเวยกำลังตั้งใจเขียนใบสั่งยาและมุ่งมั่นอย่างมาก ก่อนลดเสียงลง “ข้า…ปล่อยให้นางกับหานเอ๋อร์…”

“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ข้าเชื่อใจนาง และเชื่อว่าเสด็จพี่จะไม่ทำร้ายข้า” ซ่านจินจื๋อรู้สึกขุ่นเคืองต่อเรื่องนี้ แต่นึกถึงว่าหากบันดาลโทสะไปไม่แน่ว่าจะถูกกู้อ้าวเวยประณามได้ จึงทำเพียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ท่านเตรียมจะต่อกรกับซ่านต้วยเฟิงเมื่อใด”

“ในเมื่อเขากับฮองเฮาคิดจะสังหารข้า เช่นนั้นก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน” ซ่านต้วนโฉงกระแอมไปเบา ๆ หลายที

จากนั้นซ่านจินจื๋อไม่ได้เอ่ยอะไรอีก กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นอุดช่องโหว่ที่บานหน้าต่างไว้ มองทางซ่านจินจื๋ออย่างแปลกใจ ก่อนได้ยินน้ำเสียงของซู๋ฮองเฮาดังลอยมาจากด้านนอก “ฝ่าบาท หม่อมฉันเคี่ยวยามาให้ท่านเองกับมือเลยนะเพคะ”

หนึ่งในนั้นยังมีเสียงห้ามขององครักษ์แทรกอยู่ด้วย

ซ่านต้วนโฉงกำที่เท้าแขนแน่น คิดว่าตนเองก็ดีต่อฮองเฮาผู้ไร้อำนาจคนนี้ไม่น้อย และยิ่งไม่เคยมีความคิดจะทอดทิ้งเลยสักนิด ทว่าตอนนี้คนร่วมเรียงเคียงหมอนยังคิดจะฆ่าเขา แล้วจะไม่ใช่เขาเคียดแค้นได้อย่างไรกัน

ส่วนในเวลานี้ซ่านจินจื๋อกลับขยิบตาให้กู้อ้าวเวย คนหลังกระแอมไออย่างรู้งาน พลางกล่าวเสียงต่ำ “ฝ่าบาทพักผ่อนไปแล้วเพคะ ฮองเฮาโปรดพักผ่อนแต่หัววันด้วยเถิด”

กล่าวพลาง ค่อย ๆ เปิดบานหน้าต่างนี้ออกเล็กน้อย ๆ เผยให้เห็นอาภรณ์ครึ่งหนึ่งของสตรี

จากนั้นซู๋ซื่อพลันหน้าเปลี่ยนสี จากไปด้วยร่างกายแข็งทื่อ โดยไม่ลืมไถ่ถามคนข้างกายว่าฮ่องเต้ไปหาสาวงามสู่อ้อมอกมาจากไหนกันอีก

ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ กู้อ้าวเวยก็ปิดหน้าต่างเข้ามา มองสูตรยาที่ตนเขียนไว้ครึ่งหนึ่ง พลางประหลาดใจ “ยังขาดชนิดอีกนะ…”

ซ่านจินจื๋อยกมุมปากขึ้นทันใด

ซ่านต้วนโฉงมองทุกอย่างบันทึกสู้สายตาอย่างแนบเนียน ในทรวงรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง

กู้อ้าวเวยไม่สนแผนการรอบคอบของสองพี่น้องนี้ ในใจกลับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะหยุดยา ระยะหลังมานี้หากร่วมหอกับซ่านจินจื๋ออีก ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นมาทานยาและหลบลูกไปเคี่ยวยา แต่ยังต้องติดต่อข่าวคราวกับกุ่ยเม่ยอยู่

กระทั่งยามราตรี นางก็ได้เข้าสู่ห้องนอนร่วมกับซ่านจินจื๋อ

แต่กลับสวมเสื้อผ้าไม่ยอมถอด ทว่าเรียวแขนดุจหยกขาวสองข้างคล้องบนลำคอเขาของเขาแผ่วเบา “มันน่าเกลียดมาก ข้าไม่อยากให้ใครก็ตามเห็นมัน”

“ตกลง” ซ่านจินจื๋อไม่ได้คิดมาก ทำเพียงแบ่งปันความอบอุ่นกับกู้อ้าวเวยอย่างสุดกำลัง

รอกระทั่งฟ้ารุ่งยามสาม กู้อ้าวเวยจึงสะลึมสะลือขึ้นมาอย่างเนือย ๆ เรือนผมขลับบดบังสายตา ทำเพียงจัดแจงผมที่ยุ่งเหยิง และตื่นขึ้นด้วยท่าทีงุนงง บุรุษข้างกายออกไปจัดการธุระตั้งนานแล้ว นางกลับหยัดตัวขึ้นผลัดอาภรณ์ตามปกติ ยามที่ผลักบานประตูออก กลับเห็นคนที่ไม่ควรปรากฏตัวอยู่ที่นี่เข้า

“เหตุใดพระองค์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ซ่านต้วยเฟิงมองนางด้วยความเลิ่กลั่ก

กู้อ้าวเวยพูดไม่ออกชั่วขณะ ทำเพียงยกมือขึ้นจัดแจงเรือนผมยาวให้เรียบร้อย ก่อนมองไปทางสาวใช้ข้างกาย “ข้าต่างหากที่ใคร่รู้ว่าองค์ชายเก้ามาที่นี่มีธุระอันใด”

ไม่จำเป็นต้องบอกว่าน้ำเสียงของนางเกียจคร้านเนือย ๆ ท่าทีราวกับอิ่มเอมอย่างยิ่ง

ถึงแม้ซ่านต้วยเฟิงจะได้ยินข่าวลือ ทว่าตอนนี้ได้เห็นนางออกมาจากห้องท่านอาด้วยตาตัวเอง กลับไม่เอ่ยถาม ผ่านไปสักพัก จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา บนใบหน้าเจือรอยยิ้มหยัน “เหมือนกับแม่ท่านเลย ที่ทำเอาราชวงศ์ของข้าโสมมขนาดนี้เหมือนกัน”

“โสมม?” เสียงของผู้ชายลอยมาจากเบื้องหลังของซ่านต้วยเฟิง

กู้อ้าวเวยพิงบนขอบประตูอย่างเนือย ๆ อ้าปากหาวหนึ่งที มองผาดซ่านต้วยเฟิงไปที่ซ่านจืนจื๋อ “ใครใช้ให้ท่านไม่ยอมปลุกข้าเร็วกว่านี้กันเล่า”

“ก็แค่อยากให้เจ้านอนมากขึ้นหน่อย” ซ่านจินจื๋อเดินตรงไปยังเบื้องหน้าของซ่านต้วยเฟิง สบสายตาอย่างเย็นชา “ไม่มีใครว่านางได้ และคราวหน้าอย่าให้ข้ารู้เชียวว่านางต้องตื่นตกใจเพราะเจ้าอีก”

กลิ่นไอเข่นฆ่าคลุ้งฟ้าคลุมปฐพีทาบทับจนซ่านต้วยเฟิงสูดลมหายใจไม่เข้า เขายังไม่เคยอยู่ในสนามรบ ตอนนี้ท่อนขายิ่งปวกเปียกเข้าไปใหญ่ แววเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งแผ่ขยายลึกขึ้นเรื่อย ๆ

หากไม่กำจัดท่านอาเสีย ต้องเป็นหายนะใหญ่หลวงแน่แล้ว

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท