บทที่ 608 ผลประโยชน์เป็นเรื่องใหญ่
จางเหยียงซานรีบมาถึงตอนช่วงพระอาทิตย์ตกดิน
เดิมทีเขาพักอยู่ในแถบแนวหน้า เมื่อได้รับข่าวจากกู้อ้าวเวยจึงได้เดินทางมา เมื่อเห็ฯบาดแผลบนร่างกายของกู้อ้าวเวย เขาได้แต่ถามถึงวิชาทางยากับกู้อ้าวเวยอย่างไม่สนใจ มองไปยังฉีหรัวและกุ่ยเม่พูดอะไรไม่ออก
เมื่อกู้อ้าวเวยพูดไปว่าตนเองต้องการจากตั้งครรภ์มีลูก จางเหยียงซานก็ทุบโต๊ะทันที “เจ้าไม่เห็นชีวิตตัวเองอยู่ในสายตาเลยหรือไง”
ในทางกลับกันกู้อ้าวเวยถึงกับผงะ อธิบายอยู่เป็นเวลานานด้วยความลำบากใจ ก่อนที่จะปล่อยให้จางเหยียงซานสงบสติอารมณ์จากความโกรธลงได้แล้วพูดคุย แต่นางก็ยังคงตกใจอยู่ “ดังนั้นข้าจึงต้องการจะมีลูก จึงได้เรียกเจ้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ”
“ในเมื่อมันเป็นพิษของรากเหง้าถุงน้ำดีหงส์ ถุงน้ำดีหงส์สามารถแก้พิษได้หรือไม่” จางเหยียงซานถือถ้วยไว้ ระงับความโกรธไว้”
“ข้ายังไม่รู้เลย อันที่จริงข้าก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรที่เคยอยู่ในจวนถูกย้ายไปไว้ที่ใด” กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงว่าจางเหยียงซานจะโกรธถึงขนาดนี้ จึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
จางเหยียงซานกำลังจะโกรธจนระเบิดขึ้นอีกครั้ง แต่กุ่ยเม่ยจับมือของเขาไว้ “ก่อนหน้านี้เลือดมังกรกับถุงน้ำดีหงส์ถูกนำไปไว้ที่ทิงเฟิงเก๋อแล้ว”
“ดังนั้นก่อนหน้านี้เจ้าก็มีมันอยู่ แล้วทำไมถึงไม่กินมัน” จางเหยียงซานจ้องไปยังกู้อ้าวเวยอย่างดุดัน
มาตอนหลังนี้ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น จับถ้วยไว้อย่างอ่อนแรงและอ้าปากพูด “ข้าหาในร้านยาเหย้าไม่พบ”
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ช่วยนำไปให้เจ้าแล้ว แต่เสียดายในตอนที่อยู่ที่เมืองเย่น เจ้ากลับเอาของทุกอย่างกลับมาให้ข้าไว้” กุ่ยเม่ยลูบหน้าผากด้วยความเวียนหัว ทันใดนั้นก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ก่อนหน้านี้เจ้าใช้สูตรลับนี่ปรุงยามาแล้วไม่ใช่หรือ มันใช้ไม่ได้หรือ”
“ยาในสูตรลับสามารถทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ แต่ปริมาณของถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรจะต้องสมดุลกัน และแท้จริงแล้วถุงน้ำดีหงส์และเหง้าถุงน้ำดีหงส์นั้นเติบโตไปพร้อมกัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ปริมาณก็จะมากเกินไป และเวลานั้นข้าอาจจะตายได้” กู้อ้าวเวยกะพริบตา และหลังจากที่ทุกคนสงบลงจึงพูดต่อไป “อย่างไรก็ตาม ยาเม็ดนั้นข้าให้ซูพ่านเอ๋อกินไปแล้ว ชีวิตนี้นางก็ไม่คิดจะตายดี”
“เจ้า!” กุ่ยเม่ยใช้กำปั้นกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังโครมคราม
“ฉีหรัวลูบหน้าอกของตนเอง เปลือกตาของจางเหยียนซานกระตุกอย่างรวดเร็ว กัดฟันพูดออกไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดคือยาที่ดี”
“ข้ากลับคิดว่ามันคุ้มค่า หากแต่ยังมียาดองจากเลือดมังกรอยู่อีกไม่น้อย เพียงแค่ใช้เวลาในการปรุงยานานหน่อย ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้” กู้อ้าวเวยกลับสงบจิตสงบใจกับเรื่องนี้
ฉีหรัวไม่สามารถทนดูไม่ได้อีกต่อไป บ่งบอกชัดเจนว่าต้องการจะไปเมืองของล่ายเสวียน
จางเหยียงซานมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย กุ่ยเม่ยก็ทนต่อไปไม่ได้ จึงได้แต่คอยเป็นลูกมือคอยช่วยฉีหรัว ปล่อยให้ทั้งสองคนพูดกันไป สุดท้ายก็ได้อ่านดูตำราแพทย์ ค้นหาสมุนไพรมากมายเพื่อทดสอบคุณสมบัติของมัน”
วันถัดมาก็ออกเดินทางไปยังเมืองของล่ายเสวียน กู้อ้าวเวยได้ส่งนกพิราบสื่อสารแสดงเจตนาไปล่วงหน้านานแล้ว
ตอนนี้ล่ายเสวียนยังคงติดอยู่ในเมือง อีกทั้งยังถูกกดดันจากแคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นซิน สิ่งที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้คืออาหารและอาวุธ และเมื่อถึงเวลาของการเรียกร้องและการกล่อมให้ยอมจำนน เขายังคงต้องเรียนรู้กลยุทธ์เพิ่มเติมอีกมาก อีกทั้งยังต้องรวบรวมคนใกล้ชิดที่อยู่รอบตัวขึ้นมา โดยเฉพาะจะต้องใส่ใจรายละเอียด เพื่อไม่ให้ยุ่งยาก
กู้อ้าวเวยนอนหลับนานมากในหลานวันมานี้ จางเหยียงซานต้องตรวจสอบดูความต้านกันของตัวยาแต่ละชนิด โดยคิดว่าแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ อย่างน้อยภายในสองปีนี้หาหนทางให้มีชีวิตต่อไป
วันที่ต้องเดินทาง กุ่ยเม่ยไม่ได้ปลุกนางให้ตื่น เพียงแต่พายกขึ้นไปบนรถม้าโดยตรง จางเหยียงซานไม่วางหนังสือจากมือ ในขณะที่ฉีหรัวนั่งอยู่ในรถม้าพร้อมสิ่งของมีค่า โดยมีเพียงหญิงคนรับใช้อยู่ข้างๆเท่านั้น
กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาพร้อมความงุนงงว่าตัวเองขึ้นมาอยู่บนรถม้าแล้ว เพียงถูกห่อด้วยผ้าห่มอย่างแน่นหนา จึงถามกุ่ยเม่ยออกไป “ทำไมไม่ปลุกข้า”
“หลับอีกสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็ต้องทำงานหนักอีก” กุ่ยเม่ยกลอกตามองนาง “เจ้าพลิกไปมาแบบนี้ได้อย่างไร หากต้องการให้เก็บเป็นความลับ ข้าคิดว่าคงต้องไปบอกฮูหยินโดยตรงแล้ว ให้นางสอนเจ้าดีๆหน่อย”
“อย่านะ ท่านแม่โกรธแน่ แล้วก็จะเสียใจด้วย เจ้าแข็งใจได้หรือ” กู้อ้าวเวยเข้าใจจุดอ่อนของกุ่ยเม่ยเป็นอย่างดี
กุ่ยเม่ยยังคงซาบซึ้งที่หยุนหว่านเคยต่อชีวิตให้แม่ของตนเอง ตอนนี้แทบจะถือว่าหยุนหว่านเป็นแม่บุญธรรมไปแล้ว เมื่อคิดให้รอบคอบ ถ้าหยุนหว่านรู้เรื่องนี้ กลัวว่าจะต้องจับกู้อ้าวเวยไว้ในกำมือจริง ๆ คงกังวลทุกวัน
“หากว่ามีวิชาทางการแพทย์ของฮูหยิน บางทีเราอาจจะหาวิธีถอนพิษได้” จางเหยียงซานตีไปหนึ่งทีพร้อมดึงหนังสือแพทย์ในมือ และมองไปยังนางพร้อมกันกับกุ่ยเม่ย
“ท่านแม่รู้วิธีทำพิษ เจ้าเคยเห็นนางถอนพิษไหมล่ะ พิษของนางนั้นข้าต่างหากเป็นคนถอน” กู้อ้าวเวยกลอกตาโต เมื่อจางเหยียงซานได้ยินคำนี้ ก็รู้ได้ว่ามีความชำนาญเฉพาะด้าน อ่านหนังสือต่อไปอย่างเงียบๆ กุ่ยเม่ยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปล่อยให้นางอยู่ในรถม้า รอให้ถึงโรงเตี๊ยมค่อยตื่นก็ยังไม่สาย
มาถึงเมืองของล่ายเสวียนโดยสวัสดิภาพ ในที่สุดกุ่ยเม่ยก็รู้สึกตัว
เวลานี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว กู้อ้าวเวยกลับโอบกอดตัวเองไว้อย่างแน่น เมื่อเข้าไปยังค่าย ล่ายเสวียนอยู่ในชุดคลุมบาง เมื่อเทียบกับกู้อ้าวเวยดูแล้วเหมือนเป็นคนละฤดู
แต่ล่ายเสวียนไม่ชอบกู้อ้าวเวยเท่าใดนัก เพียงแต่เลิกคิ้ว “พวกเราต้องการอาวุธและชุดเกราะ”
“ม้าศึกล่ะ” ฉีหรัวถามอย่างตรงไปตรงมา “หากมีสงครามเกิดขึ้น อาหารสัตว์ของพวกเจ้าจะต้องไม่ขาดแคลน”
“ตอนที่ข้าร่วมมือกับกู่เซิง คิดถึงเรื่องของอาหารสัตว์และม้าศึกไว้แล้ว หลายแห่งที่เจ้าบอกข้าไว้ก่อนหน้านี้ นำมาใช้สำหรับเก็บสิ่งของได้อย่างดี แต่เรื่องชุดเกราะและอาวุธนี่ขอยากมาก” ล่ายเสวียนมองไปยังกู้อ้าวเวยอย่างไร้อารมณ์
“ชุดเกราะและอาวุธที่ไม่เพียงพอไม่ได้ต้องการเพียงช่างตีเหล็ก แต่ยังต้องมีเหมือง” กู้อ้าวเวยพยักหน้า “โดยพื้นฐานแล้วแต่ละประเทศนี้ไม่ได้มีภูเขาแร่ หาได้ยากจริง ๆ วิธีที่ดีที่สุดคือซื้อจากที่อื่น แต่แบบนี้จะต้องมีความทะเยอทะยานมาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือไปคว้ามันมา”
ฉีหรัวยังคงต้องคำนวณเงิน ได้ฟังแล้วก็ต้องแปลกใจ “ไม่ไปซื้อหรอกหรือ”
“หากเจ้าทำการซื้อ แน่นอนว่าจะต้องมีคนคอยเฝ้าระวัง แม้แต่ประเทศเล็กน้อยแต่ละแห่งก็เป็นกังวล กลัวว่าแม่ทัพล่ายเสวียนจะโกงกินพวกเขา ไปทำสงครามอีกครั้ง” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า “หากว่ากู่เซิงยินดีจะร่วมมือกับเจ้า เจ้าก็สามารถจะไปยังสถานที่ที่มีเหมืองได้โดยตรง และเรื่องอาวุธ หากเขาไม่ให้ เจ้าก็ไม่ต้องส่งทหารไป”
“นี่จะเป็นการเปิดโปงเขา”
“ไม่ช้าก็เร็ว” กู้อ้าวเวยกางมือออก “สนามรบไม่ใช่ตลาดร้านค้า เนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องคว้าไว้ ก็ต้องไปคว้ามา แต่น่าเสียดายตอนนั้นที่สุดแล้วเจ้าถูกฝึกฝนเพื่อเป็นหมากเบี้ย กู่เซิงก็ย่อมไม่เชื่อเจ้าเช่นกัน ไม่เช่นนั้นตอนนี้เจ้าต้องที่ตั้งของเหมืองและกำลังทหารแล้ว”
“หากคว้ามาได้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องสูญเสียพี่น้องไปเท่าไร” ล่ายเสวียนยังคงลังเล
“หากเจ้าคว้ามาได้ เจ้าจะได้พี่น้องเพิ่มอีกเท่าไรต่างหาก อย่าเพิ่งไปเห็นแก่คนนั้นคนนี้ในเวลานี้ ต้องเรียนรู้ประโยชน์สูงสุดจากกำไรของการเป็นพ่อค้า และใช้ต้นทุนให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนกับเงินสองตำลึง” กู้อ้าวเวยพูดขัดจังหวะความลังเลของเขา “พวกเขามาอาสารับใช้เจ้า เจ้าก็ควรปล่อยให้พวกเขาได้ทำอย่างเต็มที่ อย่างน้อย ครอบครัวของพวกเขาก็สามารถที่จะมีชีวิตใหม่ต่อไปได้”