บทที่ 614 ยาสามชนิด
กู้อ้าวเวยที่ไม่รู้ว่าผ่านมากี่เมืองและมากน้อยแค่ไหนแล้ว
มาถึงยังเอ่อตานแต่กลับเข้าไปอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ สายตาของทหารตั้งใจโค้งคำนับนาง ยิ่งไปกว่านั้นมีคนกล้าที่จะหยุดรถม้าที่นางนั่งมา บ่นพึมพำ ให้นางทำตามกฎของแคว้นเอ่อตานด้วย
ก่อนที่จะถึงเมืองเล่อมีหมู่บ้านเล็กๆ กู้อ้าวเวยถูกดักโดยนักต้มตุ๋น
กุ่ยเม่ยใช้มือข้างเดียวกดเขาลงกับพื้น มองด้วยสายตาอึมครึม: “เจ้าคือต้นเหตุใช่ไหม ที่ทำให้ชาวบ้านทิ้งลูกของตัวเองมันเป็นเรื่องดีอย่างไร?”
กู้อ้าวเวยที่อุ้มเด็กที่เกิดได้ไม่นานไว้กล่อมเบาๆ: “เจ้าไปจามทหารไปส่งทางการจัดการซะ ส่วนข้าจะพาเด็กเข้าหมู่บ้านหาคน แล้วดูว่านักลวงศาสนานี้ยังสร้างเรื่องอะไรไว้อีก” “
“เจ้าระวังตัวด้วย” กุ่ยเม่ยพูดเสร็จ จับคอเสื้อของนักลวงขึ้นมาอย่างไร้เงา
กู้อ้าวเวยมาถึงยังหมู่บ้านไม่เร็วหรือช้าเกินไป ถามชาวบ้านแถวนั้นเพื่อช่วยผู้น่าสงสารตามหาพ่อแม่ แต่ชาวบ้านกลับไม่เชื่อเรื่องนักลวงนั้นเป็นเรื่องจริง กู้อ้าวเวยรีบอธิบาย สุดท้ายต้องให้ทางการเป็นคนจัดการ ตัวเองเดินมาถึงยังที่คุมขัง เห็นกุ่ยเม่ยเดินออกมาพอดี “
“บนโลกนี้ยังมีคนที่กล้าทิ้งลูกแท้ๆได้ลงคอ”
กุ่ยเม่ยพึมพำ “
“คนแบบนี้นั้นมีมิน้อย” กู้อ้าวเวยที่รู้สึกว่าพบเจอแบบนี้จนชินแล้ว ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เรื่องที่เด็กถูกทิ้งนั้นไม่เคยหมดไปจริงๆ
“วันนี้เจอเรื่องวุ่นวายทั้งวันแล้ว หากพวกเราไปเมืองเล่อตอนนี้ประตูคงปิดลงแล้ว” กุ่ยเม่ยมองดูท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี เสนอ: ข้าเห็นมีโรงเตี๊นมตรงทางเข้าหมู่บ้าน พักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”
กู้อ้าวเวยที่กำลังจะตกลง แต่ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง: หากท่านไม่รังเกียจ พักที่ทางการสักคืนไม่ดีกว่าหรือพะยะค่ะ?” “
“ใต้เท้าจู” กู้อ้าวเวยหันหัวกลับไป มองๆดูที่ทำการ รู้สึกว่าไม่เลว
ใต้เท้าจูรู้เรื่องทุกอย่างชัดเจน ตอนที่นำนักลวงคนนี้มาขังเขาดูใจเย็น ส่วนเรื่องอธิบายเรื่องนักลวงศาสนานี้ข้าเตรียมคนไว้นานแล้ว
ใต้เท้าจูมีรูปร่างเตี้ย ใต้จมูกมีหนวดอยู่ข้างเล็กๆ มาถึงตรงหน้าของกู้อ้าวเวยโค้งคำนับ: “ข้าน้อยได้รู้มาว่าใกล้ๆแคว้นเอ่อตานนั้นมีเรื่องไม่ราบรื่นนิดหน่อย?” “
“งั้นเชิญท่าน—บอกกล่าว” กู้อ้าวเวยรู้สึกเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นต้องเกิดขึ้นกับที่ๆอื่นอีกเป็นแน่
“นี้ก็ดึกแล้ว อยู่ต่อข้าน้อยเชิญท่านรับประทานอาหาร แล้วค่อยพูดกัน” ใต้เท้าหันไป แล้วทำท่าเชิญ
กู้อ้าวเวยและเขามาถึงยังห้องโถงใหญ่นั่งลง
ตรงหน้ามีกับข้าวง่ายๆ และยังมีซือเย๋ที่รูปร่างอ้วนนั่งอยู่อีกข้าง พอเห็นนางรีบลุกขึ้นมาโค้งคำนับ
“ไม่ต้องขนาดนั้น มีอะไรก็พูดมา” กู้อ้าวเวยนั่งอย่างนิ่งสงบ มองดูอาหารพวกนี้นางก็เริ่มกินขึ้นมา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นของนักลวงนี้ ทำให้นางวิ่งตั้งนาน ตอนนี้หิวจนไส้กิ่ว
ใต้เท้าจูและซือเย๋มองตากัน รีบนั่งลง ตอนนี้เอง ซือเย๋พูดขึ้นว่า: “พูดตามตรง ถึงแม้ตรงนี้จะใกล้กับเมืองเล่อ แต่ไม่มีปัญญารั้งนักต้มตุ๋นไว้นานหรอก
“แล้ว?” กู้อ้าวเวยตักซุบใส่ถ้วยตนเอง ขมวดคิ้ว
“นักต้มตุ๋นคนนี้ไม่ใช่คนแรก มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่เพียงที่นี้เท่านั้น ใต้เท้าจูเดิมทีเป็นคนสนิทของฮ้องเต้ แต่ถูกส่งตัวมาที่นี้ และยังตรวจสอบสืบสวนความผิดปกติที่ผ่านมาสองปีนี้ “ซือเย๋ไม่กล้ากินตาม แค่เห็นกู้อ้าวเวยจริงจังขึ้นมาทันที ถึงได้พูดต่อ: “ฮ่องเต้แคว้นซิน ไร้ยางอายสิ้นดี นักต้มตุ๋นเหล่านี้กลับเป็นคนของแคว้นเอ่อตาน ไปแต่ล่ะที่ บนตัวก็น่าจะมีเงินและแผนที่อยู่ไม่น้อย”
“นักต้มตุ๋นพวกนี้หลอกชาวบ้านก็แล้วไป แต่ยังพูดอีกว่าสามารถทำให้หายจากอาการป่วยในพริบตา
แถมยังแพร่กระจ่ายข่าวไปทั่วว่าพื้นที่ต้องห้ามของเอ่อตานมียาที่ทำให้เป็นอมตะอยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมีคนเคยมีสู้กับข้าด้วย เพื่ออยากรู้เรื่องของเอ่อตานมากขึ้น” ใต้เท้าจูพูดตอบ
พื้นที่ต้องห้าม?
กู้อ้าวเวยที่ได้ยินพูดเช่นนั้นก็เริ่มสงสัย ตอนท่านที่แม่ย้ายเข้าวัง คนในวังเข้มงวดมาก กลัวว่าข่าวท่านแม่จะแพร่ออกมา และพื้นที่ต้องห้ามไม่ได้ให้ใครเข้าง่ายๆ พื้นที่ใหญ่โต หากพูดถึงคนธรรมดายิ่งแล้วใหญ่ไม่สามารถเข้าไปพื้นที่นั้นได้แน่นอน ก็เหลือแต่คนด้านในแล้วล่ะ
แต่ว่า……
“ในเมื่อพวกเขาอยากแพร่ข่าวนี้ไป ข้าก็จะช่วยสนองให้ “กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นมาทันที ตบโต๊ะ: “วิธีเป็นอมตะอยู่ยาวคงกระพันนั้น ต้องใช้ยาสามชนิด สิ่งแรกคือเถาวัลย์เลือด สิ่งที่สองถุงน้ำดีหงส์ สิ่งที่สามไม้จำพวกมะเดื่อ รบกวนใต้เท้าจูให้ส่งคนไปกระจ่ายข่าวออกไป และส่งคนไปหาถุงน้ำดีหงส์ด้วย
ใต้เท้าจูไม่มีความรู้เรื่องยาสักนิด ซือเย๋(นักวางแผน)ที่อยู่ข้างๆถามขึ้น: “ถุงน้ำดีหงส์นั้นเป็นพืชที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม้จำพวกมะเดื่อนั้นสามารถพบได้ทั่วไป……”
“ต้นมะเดื่อหรือใบมะเดื่อ” กู้อ้าวเวยส่ายหัว: “เคยมีข่าวลือว่าแคว้นแห่งความตายเจียงเยี่ยนถูกเปิดขึ้นครั้งแรก และยิ่งไปกว่านั้นมีนกที่มีขนหางยาวนั้นบินหยุดตรงกำแพง บินวนไปวนมาอยู่สองสามวัน มีคนนึกขึ้นได้ว่าเป็นแคว้นแห่งความตาย แต่หลังจากนั้นนกพวกนั้นก็กลายเป็นเปลวไฟหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม้จำพวกมะเดื่อเหล่านี้ เป็นซากของนกที่กลายเป็นเปลวไฟเหลือไว้”
ซือเย๋ที่ได้ยินแบบนั้น ถามขึ้น: “แล้วเถาวัลย์เลือดล่ะ……“
“ในตำราโบราณกล่าวไว้ ในหุบเขามีน้ำใส แต่หากเถาวัลย์เลือดนั้นไหลลงไปน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีเลือด เถาวัลย์ที่อยู่ตรงนั้นใช่หมดเลย” กู้อ้าวเวยจับตะเกียบขึ้นมาใหม่ พูดต่อ: “และถุงน้ำดีหงส์นั้นเป็นของศักดิ์สิทธิที่ไหน ก็แค่ขึ้นตรงในดิน ส่วนที่สำคัญคือรากไม่ใช่ลำต้น”
ใต้เท้าจูมองดูซือเย๋ที่หยิบกระดาษขึ้นมาเขียน เขารีบเช็ดเหงื่อที่บนหัวทิ้ง: “นี้……คือวิธีที่ทำให้เป็นอมตะอยู่ยาวคงกระพันจริงๆใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่อยู่แล้ว ข้าไปหาค้นหาที่แคว้นชางหลานก่อนที่พระชายาจิ้งหาวิธีเจอ ข้าและนางเป็นเพื่อนสนิท ข้าเคยเจอหยุนหว่านฮูหยินครั้งหนึ่ง อีกอย่างข้ารู้ว่าก่อนไม่กี่วันว่าแคว้นชางหลานเกิดเหตุเพลิงไหม้ แม้แต่ที่หลุมศพของหยุนหว่านฮูหยินก็ถูกเผาไหม้ไปหมด” กู้อ้าวเวยตั้งใจพยักหน้า
ใต้เท้าจูก็เชื่อสนิท มองดูนางเหมือนไม่ได้พูดโกหก
ซือเย๋ถามต่อเกี่ยวรายละเอียดสมุนไพร กู้อ้าวเวยอธิบายชัดเจน ทำให้ซือเย๋ปล่อยข่าวออกไป ฟังดูแล้วเป็นเรื่องจริง
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ นางกำลังอ่านหนังสือบนที่นอน ถัดไปจากที่กั้นห้องกุ่ยเม่ยที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนกันพูดขึ้น: “นี้คือวิธีอะไรของเจ้า?”
“เรื่องเถาวัลย์เลือดมาจากตำราสมัยก่อนว่าไว้จริงๆ แต่เรื่องนกที่กลายเป็นเปลวไฟและแคว้นแห่งความตายข้าเพิ่มเข้าไปเองแหละ ส่วนเรื่องถุงน้ำดีหงส์ก็ต่างคนต่างความคิดแล้วแต่จะมองยังไง ข้างหลังเพิ่มหยุนหว่านฮูหยินเข้าไปข้าตั้งใจพูดให้ซือเย๋สับสน หากไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ แต่หากเชื่อไปแล้ว ก็จัดการง่ายขึ้น” กู้อ้าวเวยทำท่ากลับไปอ่านหนังเหมือนเดิม
“เจ้าเชื่อซือเย๋ได้อย่างไรว่าสามารถนำข่าวไปแพร่ได้จริงๆ?” กุ่ยเม่ยถาม “
“ซือเย๋ท่านนี้เป็นคนพูดตรง เป็นคนอ่านหนังสือและพิถีพิถัน ข้ายังไปเดินห้องหนังสือของเขามารอบหนึ่ง ในหนังสือเต็มไปหมด ทาสรับใช้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ถ้าเห็นคนก็จะฉลาดทำเป็นช่วยทันที เป็นเพราะอ่านหนังสือเพลิน” กู้อ้าวเวยลูบตรงคิ้วของนาง: “จ้าเห็นใต้เท้าจูรู้สึกแปลกใจ แต่ชื่อนี้ข้าเคยได้ฉูห่าวพูดมาก่อนจริงๆ เรื่องที่พวกเขากำลังทำ ข้าไว้ใจอยู่แล้ว”
กุ่ยเม่ยยิ้มโง่ๆชั่วครู่ ยกมือขึ้นมา ทั้งห้องมืดสนิท: “เจ้าดูคนออก”
“ข้าความจำดี และไม่เห็นว่าเจ้าจะจำคนที่ฉูห้าวรู้จักได้“
กู้อ้าวเวยวางหนังสือลง และมุดเข้าไปให้ผ้าห่มพล่อยหลับไป
ข่าวลือพวกนี้อาจจะทำให้เข้าใจผิดไปหลายๆคน หรือหลายๆสมัย
ก็ไม่ใช่เรื่องของนางอีกต่อไป