บทที่ 615 ไม่กี่คนที่เชื่อได้
คืนหนึ่งผ่านไป ตื่นเช้ามาก็ต้องออกเดินทางทันที
ได้ข่าวว่านักต้มตุ๋นคนนั้นถูกปล่อยจากคุกไปนานแล้ว
ระยะทางจากเมืองเล่อเหลือแค่สิบลี่แล้ว กู้อ้าวเวยเอนกายพิงอยู่ผ้าปูตื่นเต้นเล็กน้อย จับผ้าปูขึ้นมาเริ่มรู้สึกประหม่า: “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กลับบ้านเจอท่านพ่อท่านแม่จะรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้”
“หากไม่ได้กระทำผิด ก็มิจำเป็นต้องกลัวอะไร ใครให้เจ้าไปก่อเรื่องวุ่นวายมากมายที่แคว้นชางหลานล่ะ แต่ว่าฮูหยินมักเอ็นดูเจ้า เจ้าควรระวังฝ่าบาทถึงจะถูก” กุ่ยเม่ยจับเส้นเชือก ไกลๆสามารถเห็นกำแพงเมืองแล้ว ดูเหมือนว่าใกล้ถึงแล้ว
หดคอลง กู้อ้าวเวยตัดสินใจเงียบไว้
ด้านนอกของเมืองเล่อนั้นเป็นทหารใหม่หมด ให้ยืนยันตัวตนทันที และยังให้นางเดินไปยังประตู ตรวจอย่างละเอียด พอมาถึงเมืองข้างใน ถึงได้พบว่าตรงนี้กลายเป็นฐานทัพไปหมดแล้วจริงๆ ตรงทางเดินแบ่งเส้นอย่างชัดเจน ทิศใต้นั้นมีระเบียบเรียบร้อย ส่วนทิศเหนือคึกคักไปหมด และในทางเดินตลาด จะมีแค่ชาวบ้านไม่กี่คนเข็นรถผ่าน แต่ไม่เลยเส้นแบ่งเลยสักนิด
ทหารที่ต้อนรับบอกกับนางเบาๆว่า: “ในนี้มีแค่ชาวนา หากเดินหน้าไปอีก ก็จะมีทุ่งนา คนเหล่านี้เป็นครอบครัวของพลทหาร และบ้านที่ติดกับกำแพงก็เป็นที่พักของทหาร”
“แบบนี้ไม่กลัวมีคนมาแอบได้ยินหรือ?”
“หากมีใครล้ำเส้นมายังพื้นที่ของทหารผู้นั้นต้องตายทันที” ทหารที่อยู่ด้านหลังพูดเสียงเคร่งครึม: “ฝ่าบาทและมเหสีอยู่ใกล้ๆตรงนี้พะยะค่ะ องค์หญิงท่านสามารถเดินได้ทั้งสองข้าง แต่คนที่อยู่ด้านหลังท่านท่านนี้ยังต้องตรวจเพิ่มอีกพะยะค่ะ”
พยักหน้า กู้อ้าวเวยยิ้มและตบๆบ่าของกุ่ยเม่ย: “เจ้าจะตามข้าไปพบท่านแม่ด้วยใช่ไหม?”
“ข้าไปหาฝ่าบาทก่อน ตลอดทางมานี้ท่านเจอปัญหามาไม่น้อย ควรกล่าว——บังคมให้ทราบ”
กุ่ยเม่ยส่ายหัว เขาไม่อยากเห็นฮูหยินอารมณ์เสียแน่ๆ จากนิสัยส่วนตัวของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหยุนหว่านหรือกู้อ้าวเวย ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่สามารถห้ามพวกเขาได้
“ใช้ไม่ได้” กู้อ้าวเวยผลักเขาออกไป ตัวเองเดินตามคนไปยังลานที่เตรียมไว้ให้
ไม่เจอกันนาน หยุนหว่านคลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำ เจอกันไม่กี่ครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉูหลี่ใส่ชุดธรรมดา ส่วนบนผมก็ไม่ได้ใส่เครื่องประดับที่แน่นเยอะ กำลังม้วนตำรา อยู่ข้างๆหยุนหว่านศึกษาเรื่องสมุนไพร
“ท่านแม่ ท่านพ่อ” กู้อ้าวเวยเรียกเสียงเบา
ทั้งสองหันมาพร้อมกัน มีแค่หยุนหว่านที่ลุกขึ้นมา เดินก้าวใหญ่ไปทางนาง ท่าทางแบบนั้นทำให้กู้อ้าวเวยตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว ฉูหลี่ลุกขึ้นตาม: “อย่าไปอะไรกับนางเลย นางอยู่คนเดียวจนชินแล้ว”
“เจ้าก็ตามใจนางจนเคยตัว!” หยุนหว่านโมโหคว้ามือนางมา โชคดีที่เป็นหน้าหนาวใส่ชุดไว้เยอะ จับไม่โดนชีพจรของนาง นางได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ กลับโดนท่านแม่จับมือไว้: “มือเจ้าเย็นเกินไปแล้ว ไม่มีอาการบวมตัวใช่ไหม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” กู้อ้าวเวยส่ายหัว หนุยหว่านพูดต่อ: “ข้าว่าหากแต่งงานให้กับองค์ชายสามก็เหมาะสม แต่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อการชิงบัลลัลก์ที่ชายแดนชางหลาง”
“เจ้าก็พูดแต่เรื่องศีลธรรม เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าก็เป็นแค่หมอเล็กๆ หากพวกเขาจะแย่งก็ต้องเอาชีวิตมาแขวนไว้ เจ้าจะช่วยหมดได้อย่างไร?” หยุนหว่านกดนางให้นั่งลง
“เวยเอ๋อคิดที่จะยุ่งเรื่องบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ดี อยู่ตรงเอ่อตาน แค่เจ้ามีพละกำลัง ใครจะสนว่าเจ้าเป็นหญิงหรือชาย” ตอนนี้เองฉูหลี่ลุกขึ้นมา: “อย่างไรก็ตามเรื่องก็กระทำรีบเร่งไม่ได้ ควรคิดไตร่ตรองให้ดีๆ”
กู้อ้าวเวยรีบออกห่างจากหยุนหว่านไป วิ่งไปทางข้างๆฉูหลี่: “ที่ท่านพ่อสอนจะสอนก็คือ ครั้งหน้าให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี จะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาอีก”
ทำตามชิงจือหลบอยู่หลังของตัวเองตอนนั้น กู้อ้าวเวยจับชุดคลุมของท่านพ่อไว้ แล้วหดตัวแล้วหดอีก: “อีกอย่าง ที่ข้ากลับมาเร็วๆ ก็เพราะอยากฉลองปีใหม่กับท่านแม่ไง”
“เจ้านี่มัน……” หยุนหว่านไม่มีอารมณ์ทันที มองไปทางฉูหลี่: “พวกเจ้าสองพ่อลูกคุยๆกันไปก่อนเลยไป ข้าจะไปพบฉูห้าวชั่วครู่ ในที่สุดพิษนี้ก็หายาถอนพิษได้แล้ว”
“พิษอะไร? เกิดอะไรขึ้นกัน ?”กู้อ้าวเวยแปลกใจ
“มีคนอยู่ในชายแดนแอบวางยาพิษในน้ำ ชาวบ้านหลายคนและสัตว์ทั้งหลายต่างก็โดนหมด” หยุนหว่านหยุดเดิน
วางยาในน้ำอีกแล้ว
กู้อ้าวเวยไม่อยากให้ท่านแม่รู้เรื่องตัวเองที่เคยไปยังเมืองล่ายเสวียน อีกอย่างท่านมียาถอนพิษแล้ว นางพูดเสียงต่ำ: “ต้องการให้ข้าช่วยไหม?”
“ไม่ต้องแล้ว ทั้งตัวเจ้ายังเย็นเยือก อยู่ตรงนี้สงบสติอารมณ์กับเขาก่อน ” หยุนหว่านหันมาจ้องฉูหลี่ ถึงเดินจากไป
หยุนหว่านเดินจากไป กู้อ้าวเวยโล่งอก ตบๆหน้าอกแล้วนั่งลง
ฉูหลี่วางตำราที่ม้วนตั้งนานแล้ว หันตัวมา: “ได้ข่าวมาว่างระหว่างทางเจอปัญหาไม่น้อย”
“ยังดีเจ้าค่ะ ในเมื่อท่านพ่อมอบตำแหน่งองค์หญิงให้แก่ข้า ข้าก็ต้องรับผิดชอบในส่วนองค์หญิง” กู้อ้าวเวยลูบๆผมของนาง มองด้วยสายตาใสและยิ้มให้
เวลาผ่านไป ฉูหลี่ที่ขมิบปากไว้ อยู่ต่อหน้าลูกสาวมักไม่รู้ว่าจะคุยอะไร รอกู้อ้าวเวยไปเพิ่มถ่านให้เตาผิงเสร็จ ในหัวมีเรื่องมากมายที่คิดได้ ถึงพูดเสียงต่ำว่า: “เวยเอ๋อ เจ้าชอบใคร พ่ออยากให้เจ้าแต่งกับคนนั้น”
“หากเจ้าเกิดเป็นชาย ข้าจะฝึกอบรมเจ้าอย่างทุ่มเท แต่เจ้าเป็นลูกสาวของข้า จะแข็งแกร่งแค่ไหน พลัง มีเพียงไม่กี่คนสามารถปกป้องเจ้าได้” ฉูหลี่ยื่นมืออุ่นๆออกไป มืออันอบอุ่นจับมือหยาบๆเล็กน้อย: “เพื่อนทั้งหมดก็มีครอบครัวกันหมด ข้าและแม่เจ้าห่างกับเจ้าไปกี่พันลี่ ก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ วันนี้ ก็ให้เจ้าเลือกความรักเส้นทางของตัวเอง”
กู้อ้าวเวยนึกว่า ฉูหลี่จะมีความคิดแบบผู้ชาย ยังคิดว่าฉูหลี่จะห้ามตัวเองไม่ให้คบกับซ่านจินจื๋อ
“ขอบคุณค่ะท่านพ่อ แต่ระหว่างข้ากับเขาไม่มีเรื่องอะไรต่อกันแล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โผล่ขึ้นใช้แขนกอดที่คอของท่านพ่อ: “ชีวิตข้านี้ลำบากยากเย็น ใครบอกให้ข้าหยุด งั้นก็เอาชีวิตข้าไปง่ายเสียกว่า”
ฉูหลี่อุ้มเธอในครั้งเดียวขึ้นมา: “ลูกสาวข้าทำไมถึงเบาขนาดนี้”
“นี้เรียกว่าท่าเบา” กู้อ้าวเวยยิ้มพูดแก้ตัวไปด้วย พ่อลูกทั้งสองค่อยๆยิ้มขึ้นมา ต่างโอบกอดซึ่งกันและกันอยู่สองนาน
ประตูด้านนอกหยุนหว่านและฉูห่าวทั้งสองค่อยปิดประตูลงโดยไม่มีเสียง
“ความสัมพันธ์ระหว่างท่านพี่และท่านอาดีขึ้นกะทันหัน ที่ตั้งใจแกล้งโมโหไปไม่เสียเปล่าจริงๆ” ฉูห้าวเดินขึ้นไปพยุงแขนของหยุนหว่านไว้ เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
หยุนหว่านทำอะไรไม่ถูกตบๆบ่าของฉูห้าว เห็นฝ่าบาทที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กอายุยี่สิบ พูดเสียงต่ำ: พอแล้ว แทนที่จะดูพ่อลูกเขารักกัน เอาเวลาไปสืบเรื่องคนที่วางยาดีกว่า”
“วางยาไว้ใต้น้ำแบบนี้ ยากมากที่จะตรวจสอบเริ่มจากตรงไหนก่อน แต่ยาพิษนี้ผ่านน้ำในนี้แล้วก็จะละลายหายไป ต้องใส่จำนวนเยอะแน่ๆ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบว่าใกล้ๆนี้ใครเป็นคนนำยาเข้ามาหรือออกไป” มีแสงส่องผ่านใต้ตาฉูห้าวไ