บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 644

ตอนที่ 644

บทที่ 644 สั่งสอนผู้อาวุโส

สัมผัสอันอบอุ่นแผ่ซ่านตรงเข้าไปในหัวใจ

กู้อ้าวเวยหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าว ให้ผู้ชายคนนั้นช่วยจัดการผมของนางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ยืนนิ่งทำสิ่งนั้นอยู่ด้านหลังนาง หยิบเอาตะกร้ามันเทศไปด้วย มืออีกข้างหนึ่งนวดเอวของนาง “เจ้ายุ่งมามากแล้ว ควรจะได้นอนพักสักหน่อย”

“ตั้งแต่ข้าจากออกมา เจ้าไปเรียนรู้คำรักหวานพวกนี้มาจากไหน” กู้อ้าวเวยหันหน้าไปมองเขา “เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ซางนิงจากไปพร้อมกับคนนับพัน มันเด่นชัดเกินไป มันส่งผลกระทบต่อแผนของข้า”

“แต่หากไม่ใช่ข้า อ้ายหยินอาจจะเข่นฆ่าผู้คนทั้งหมดในเมืองนี้” จากนั้นซ่านจินจื๋อก็เดินไปข้างๆนาง จับมือนาง “เจ้าไม่อยากจะฟัง ข้าก็จะไม่พูดแล้ว”

“พวกเรามาคุยเรื่องเป็นทางการกันเถอะ” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นคว้าเสื้อของซ่านจินจื๋อ “คนของตำบลเหยสุ่ยยังไม่มาหาข้า แต่ข้ายืมมือของฉีหรัวเพื่อตามหาเจ้า แล้วยังได้ข่าวอะไรกลับมาด้วยใช่ไหม ตัวเจ้าจากเมื่อวานจนถึงวันนี้ ยังไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว”

“มีข่าวแน่นอน แต่ข้ายังไม่ตรวจสอบให้กระจ่าง”

“บอกข้ามา” กู้อ้าวเวยก็คลายเสื้อของเขาในมือออก จากนั้นก็ชะลอการเดินเข้าห้อง

ซานจินจื๋อได้แต่บอกสิ่งที่คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ให้รู้ทีละเรื่องๆ รวมทั้งบอกนาง เกี่ยวกับความลึกลับของเลือดเนื้อตระกูลหยุนที่มีความแตกต่างออกไป

จนกระทั่งกู้อ้าวเวยเอนตัวนอนลงบนเตียงแล้ว เพิ่งจะได้พูดออกมาจากปาก “ข้าเองก็เคยทดสอบเลือดของตนเอง ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีผลกับการใช้รักษาโรคหรือช่วยชีวิตผู้คน เป็นเพียงแค่มีความแตกต่างจากพวกเจ้าเพียงเล็กน้อย”

ซ่านจินจื๋อวางตะกร้าลงและชะงักไปชั่วขณะ สีหน้ามีความวิตก “มีวิธีแก้ไหม”

“สรุปก็คือ พวกเจ้าล้วนแต่เป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง แต่ตระกูลหยุนและตระกูลจูส่วนมากเป็นผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง” กู้อ้าวเวยคิดตรึกตรอง กู้อ้าวเวยก็นั่งลง โดยใช้เบาะรองนั่งอันนุ่มที่ตนเองนำมา และพูดต่อไป “ในตอนนั้นทายาทตระกูลจูและตระกูลหยุนเคยให้คนทดสอบยา คนเหล่านี้ที่ได้รับการทดสอบยาก็ไม่ปรากฏว่ามีอาการกระทบกระเทือนใดต่ออารมณ์และจิตใจ ยังคงแต่งงานมีลูกได้ แต่ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากการทดสอบยายังคงส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เช่นเดียวกัน ในยุคที่ตระกูลหยุนฝึกวิชาแพทย์ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างสัมผัสกับสารพิษกันตลอดทั้งปี ก็เพราะต้องการจะศึกษาหาสรรพคุณใหม่ๆ ดังนั้นร่างกายของพวกเขาจึงไม่สมบูรณ์เนื่องมาจากการทดลองยา”

พูดขึ้นมาแล้ว หากเกิดขึ้นในยุคของกู้อ้าวเวย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเมิดจริยธรรมของมนุษย์

แต่ตอนนี้ เป็นเพราะบรรพบุรุษของกู้อ้าวเวยนั้นไม่ใช่คนที่นี่ จึงทำให้มีคลื่นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ดีกับคนรุ่นหลัง แต่ก็เช่นเดียวกัน แต่ก็ยังคงทิ้งประเด็นเหล่านี้ไว้ซึ่งเป็นปัญหาในยุคนี้

“อย่างนั้นแล้วเหตุใดเลือดเนื้อของตระกูลจูทำไมจึงไม่มีผลเช่นนั้น” ซ่านจินล้างมือจนสะอาด แล้วจึงเดินมา

“เพราะครั้งหนึ่งตระกูลจูเคยเป็นผู้สืบทอดหลัก เนื่องจากมีจำนวนคนอยู่มาก จึงได้ให้พวกเขาทดลองยา และจะให้ยาแก้พิษแก่พวกเขา ในขณะเดียวกัน เพื่อจะให้พวกเขาทดสอบยาพิษ และให้ยาในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการดื้อยา” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว และคิดอยู่ว่าจะพูดอย่างไรต่อดี

ซ่านจินจื๋อได้พูดต่อขึ้นมา “แต่คนของตระกูลหยุนไม่เหมือนกัน พวกนางมักจะเดินทางเร่ร่อนตลอดทั้งปีเพื่อหาวัตถุดิบตัวยา และยังต้องหาสรรพคุณของยาสมุนไพรตัวใหม่ซึ่งไม่เคยพบมาก่อน เขียนออกมาเป็นตำรา แต่แล้วกลับลืมด้วยตนเอง”

“ก็ประมาณนั้นแหละ” อันที่จริงเกิดจากตัวยามีความขัดแย้งกันเอง แต่รายละเอียดเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกกับซ่านจินจื๋อ

พูดถึงจุดนี้ ซ่านจินจื๋อกลับยกปากขึ้นเล็กน้อย “หากเป็นแบบนี้ แล้วทำไมคนที่แข็งแรงสมบูรณ์ถึงต้องการกลืนกินเลือดเนื้อของพวกเจ้า”

“คนกินเนื้อคนอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อนั้นก็เป็นเพียงต้องการเลือด” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “แต่เลือดนี้จะเป็นยาที่ดีที่สุดก็มีประโยชน์ใช้ได้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่วิธีการรักษาที่ใช้ได้ทุกโรค เมื่อเทียบกับการใช้เลือดของผู้อื่นเป็นยา เลือดของคนตระกูลหยุนสามารถใช้เป็นยาได้ดีกว่า”

ตามที่กู้อ้าวเวยได้อธิบายมา ซ่านจินจื๋อกลับยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้น “ในกรณีนี้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานของทรราชนั่น แต่ก็ไม่ได้จัดการใบสั่งประหลาดนั้นใช่ไหม”

“ก็ไม่สามารถยืนยันได้” กู้อ้าวเวยยืดหลังเล็กน้อย พูดต่อออกไป “ไม่แน่ว่าเรื่องใบสั่งยาที่ประหลาดนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก เรื่องของผีสางเทพเจ้าอาจจะเชื่อได้ไม่ทั้งหมด แต่โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก แม้ว่าจะผ่านมาแล้วหลายชั่วอายุคนก็ยังยากที่จะเข้าใจ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าใบสั่งนี้ไม่ใช่ของจริง”

“หากมีผู้ใดรู้วิธีนี้ ใต้หล้าคงวุ่นวาย” ซ่านจินจื๋อก้าวขาข้างหนึ่งไปบนขอบเตียง

กู้อ้าวเวยใช้มือแตะหน้าอกของเขา คอยระมัดระวัง “แม้เจ้าจะพูดแบบนั้น แต่ข้าก็ไม่อาจจะเชื่อได้”

“เจ้าเชื่อกุ่ยเม่ยมากกว่าข้า” ซ่านจินจื๋อมีใบหน้าที่เศร้าหมอง ยังไม่ได้ออกไปตามที่นางต้องการ ได้แต่นอนลงบนเตียงแคบนี้ มืออีกข้างหนึ่งนวดขาของนาง “เท้าของเจ้ายังไม่บวมขึ้นมา แต่จะเดินมากแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ดีสำหรับเอวและขาของเจ้า”

ไม่มีคำพูดใดอยู่ครู่หนึ่ง กู้อ้าวเวยเพียงแค่หลับตาลงแกล้งตาย คิดว่าอีกสักพักคงจะง่วงและหลับไปจริง ๆ

ซ่านจินจื๋อก็ตามมาถึงที่นี่แล้ว หากนางจะยังไม่เชื่ออีก อย่างนั้นก็คงปวดใจจริง ๆ แม้ว่าจะกลัวก็ตาม แต่ก็ต้องทน

ซ่านจินจื๋อขำเล็กน้อยและมองไปยังนางที่กำลังทำท่าทางเหมือนแกล้งตายอย่างทำอะไรไม่ถูก และค่อยๆขยับแขนขาลุกขึ้นเบาๆ ห่มผ้าให้นางแล้วเดินออกจากห้องไป จากนั้นให้สาวใช้สองคนมาคอยอยู่เป็นเพื่อน

ซางนิงยืนอยู่ที่ทางเดินและมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนั้นเพียงแค่ระยะห่างเพียงเล็กน้อย ซ่านจินจื๋อและซูพ่านเอ๋อแทบจะไม่เคยห่างจากกันเลย รักกันอย่างดูดดื่ม ช่วงเวลานั้นซ่านจินจื๋อไม่สามารถปล่อยมือได้ แต่ตอนนี้ กลับมีบางสิ่งแตกต่างกันบ้าง

เฉิงยีและเฉิงเอ้อที่อยู่ไม่ไกลได้ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วเรียกหาอาจารย์ ซางนิงกวักมือเรียก เจ้าพาทหารนับพันนี้กลับไปแคว้นเอ่อตาน ที่นี่ให้ข้าจัดการดูเอง”

เฉิงยีและเฉิงเอ้อหันมองตากันและกัน รีบพูดออกไป “เรื่องขององค์ชายท่านนั้น…”

“รู้ว่าตอนนั้นพวกเจ้าภักดีต่อท่านอ๋อง ทรยศต่อความไว้วางใจของเด็กนั่น ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง สิ่งที่ดีที่สุดคือทำเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว” ซางนิงโบกไม้โบกมืออย่างไม่พอใจ มุ่งหน้าไปหาซ่านจินจื๋อ

ซ่านจินจื๋อกำลังคิดจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไม่เปื้อนเลือด เหลือบไปเห็นเฉิงยีและเฉิงเอ้อออกไปหลังจากได้พบกับซางนิง ตอนนี้รู้อยู่ในใจ เดินไปข้างหน้า “เรื่องหลังจากนี้คงจะต้องให้ผู้อาวุโสเป็นกังวลแล้ว”

“เจ้าสาวน้อยคนนี้ยังมีความคิดที่แนะนำคนอื่นได้ดีกว่าเจ้า กลัวว่าไม่ใช่เป็นเพราะตอนนี้ได้ไปแอบดูหนังสือและบันทึกการทหารของเจ้า” ซางนิงเงยหน้าขึ้นตบไปที่ไหล่ของซ่านจินจื๋อ พูดไปอีกประโยคด้วยเสียงต่ำ “เสียงที่นางคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ เจ้ายิ่งควรจะรักษาไว้ หากว่าข้าไม่รั้งเจ้าไว้ เจ้าคิดที่จะพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปจากนางหรือไม่”

ซ่านจินจื๋อรักษาใบหน้าที่สงบ และไม่พูดอะไร

“หากเจ้าคิดจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจไปทั้งชีวิต ก็ยิ่งต้องเชื่อนางเถอะ” ซางนิงตบไหล่เขาอย่างเคร่งขรึม เดินตรงไปยังห้องของกู้อ้าวเวย

ซ่านจินจื๋อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ได้แต่ยกมุมปากขึ้นเท่านั้น “หากข้าไม่เชื่อเลย อย่างนั้นคนอื่นก็คงจะไม่เชื่อในฝีมือทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของนางแล้วล่ะ”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท