บทที่ 663 การลอบสังหารเป็นไปอย่างราบรื่น
ห้องบรรทมงดงามโอ่โถงเงียบสงัด พระสนมแต่ละตำหนักล้วนเฝ้ารอด้านนอกราชวังอย่างเงียบเชียบ
กุ้ยหยินที่มาใหม่จ้องอยู่นอกประตูกระทั่งดวงอาทิตย์สาดส่อง ฮองเฮาก็กลับยืดยาดไม่ยอมออกมา คิดว่ายังมีบ้านมารดาคอยหนุนหลังอยู่เป็นแน่ จากนั้นจึงหมดความอดทนไป “เหลือบเห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นหัวอยู่แล้ว เหตุใดฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงถึงยังไม่ทันตื่นบรรทม?”
ปัจจุบันฮ่องเต้ประชวรอยู่ไม่ได้เข้าท้องพระโรงเช้าพอดี ซู๋ฮองเฮาจะลอบบงการราชสำนักไปกว่าครึ่งส่วนอย่างลับๆ ส่วนใหญ่จะสั่งสอนพระสนมที่มาช้าอยู่บ่อยครั้ง เหล่านางในในพระตำหนักฮองเฮาเห็นจนชินไปแล้ว นางในใหญ่ที่เป็นคนสนิทข้างกายทำเพียงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “คืนวานฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงคอยปรนนิบัติฮ่องเต้จนดึกดื่น ตอนนี้ยังคงทรงพักผ่อนอยู่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าพี่น้องควรรอก่อนดีกว่า” มีหนึ่งประโยคของสนมที่แสนนุ่มหู ทว่าสายตากลับมองไปที่กุ้ยหยินซึ่งทางบ้านมารดาส่งเข้าวังด้วยแววเย็นชา เข้าวังแล้วเหตุใดถึงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเยี่ยงนี้อีก
กุ้ยหยินก้มหน้างุด พลางทอดถอนใจติดต่อกันกับถ้วยเปล่าตรงหน้า
เหล่านางสนมนั่งมานานแล้ว สุดท้ายก็ชักเริ่มจะทนไม่ไหว นางในกลุ่มหนึ่งกลับสามารถเข้าไปในตำหนักได้โดยปราศจากการตอบรับจากฮองเฮา ขณะที่กำลังร้อนรนอยู่นั้น ฮุยเฟยที่อุปนิสัยอ่อนโยนก็ปริปากเอ่ยเนิบนาบ “หลายวันก่อนนี้ เสียนเฟยเนี๊ยงเนี๊ยงได้รับบาดเจ็บอยู่ในวัง ตอนนี้ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงก็ไม่ยอมออกมา ซ้ำข้างกายยังไม่มีใครคอยปรนนิบัติอีก เซียงเอ๋อเจ้าพาข้าเข้าไปดูเสียหน่อย เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่อง”
ปัจจุบันฮุยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ องค์ชายสิบสี่ในพระนางก็ร่ำเรียนกับเหล่าอาจารย์ในทุกวัน องค์หญิงน้อยนั้นก็เพิ่งจะถือกำเนิด และได้รับความเอ็นดูจากฮ่องเต้ ตอนนี้ฮองเฮาไม่อยู่ คำพูดของฮุยเฟยกลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายขนัด
ตอนนั้นเรื่องที่เสียนเฟยได้รับบาดเจ็บสะพัดจนคนในวังหลังตื่นตระหนก ปัจจุบันได้ยินฮุยเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้ นางในหลายคนก็ตกอกตกใจ ก่อนนำทางพระสนมหลายพระองค์เข้าไปด้านใน
ฮุยเฟยกล้าหาญเป็นเจ้าเรือน ร้องเรียกหลายทีกลับไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากด้านใน ในโพรงจมูกมีกลิ่นตุๆ เสี้ยวหนึ่ง ทำเพียงกล่าวหนึ่งประโยคว่า “ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”
สิ้นเสียง ฮุยเฟยก็เรียกหาขันทีสองคนที่อยู่ด้านหลังพังประตูตำหนักของฮองเฮาเปิดออกทันที
บานประตูเปิดออกกว้าง พระสนมที่มาใหม่ด้านหลังร้องอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะเป็นลมล้มพับทั้งอย่างนั้น
มีเพียงฮุยเฟยที่เหลือบมองทุกอย่างในห้องนี้อย่างเฉยเมย พลางกล่าวด้วยเสียงต่ำ “เซียนเอ๋อ เจ้าเป็นนางในคนสนิทที่สุดข้างกายฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยง เจ้าจงบอกทุกสิ่งที่เจ้าได้พบได้ยินมาเมื่อวานให้องครักษ์ฟังแต่ละอย่าง แล้วส่งคนไปเชิญหมอหลวงมา ก่อนหน้าที่คนที่เหลือจะมาถึง ห้ามทุกคนเข้าไปข้างใน คนที่อยู่ในตำหนักฮองเฮาก็ไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอก”
สีหน้าของเซียงเอ๋อปั้นยาก รีบไปทำตามบัญชาของฮุยเฟยอย่างรวดเร็ว
พระสนมที่อยู่ด้านหลังอุดปากเอาไว้ พลางมุ่นคิ้ว “ข้าดูแล้วเป็นได้ถึงขนาดนี้ ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงจะต้องประสบเคราะห์ร้ายเป็นแน่”
“วันนี้หากเป็นฮองเฮอาเนี๊ยงเนี๊ยง วันหน้าก็ไม่แน่ว่าจะเป็นใครในนี้ก็ได้” ฮุยเฟยสบสายตาอย่างเย็นชา “ข้าดูแล้วปากเจ้าไม่เป็นมงคล แต่ก็ไม่ลองคิดดูว่าถ้าหากวังหลังมีคนร้ายก่ออาชญากรรม คืนนี้จะนอนหลับอย่างสบายใจ?”
เหล่าพระสนมที่อยู่ด้านหลังแต่ละนางล้วนสะทกสะท้านจนไม่กล้าปริปาก กระทั่งเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
แต่ฮุยเฟยกลับทำเพียงมองคราบเลือดคดเคี้ยวที่ลากยาวจนถึงแท่นเตียงบนพื้นนั่น เรียวแขนที่ขาวเนียนร่วงลงตรงนั้น ถ้าหากมองอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่าบนนั้นจะมีดอกอวี้หลันที่ถูกวาดด้วยสีดำ ทำให้สภาพจิตใจของนางมัวหม่นลง
สุดท้ายนางก็ยังดึงดัน…
ข่าวการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาแพร่กระจายไปทั่ววังหลวงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่หัวหน้าขันที ไปจนถึงบ่าวไพร่ที่อยู่แต่ละแผนกต่างพูดถึงเรื่องนี้กันเซ็งแซ่ อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่าดอกอวี้หลันนั่นยิ่งทำให้ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น
ใครรู้บ้างว่า สิ่งที่ฮุยเฟยเนี๊ยงเนี๊ยงชอบมากที่สุดก็คือดอกจำปี ก็แม้แต่ชื่อขององค์หญิงน้อยยังมีชื่อของคำว่าหลันอยู่ด้วย
มีการอภิปรายกันเซ็งแซ่ในวังหลวง ฮุยเฟยกลับปิดประตูแน่นไม่ยอมออกมาโดยอ้างว่าไม่สบาย ฝั่งฮ่องเต้นั้นกลับปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ บอกเพียงว่าฮองเฮาสิ้นพระชมน์ด้วยโรค คนที่ส่งไปก็จัดพิธีศพให้ฮองเฮาอย่างสมเกียรติ ซ้ำยังอวยยศถาบรรดาศักดิ์ให้กับตระกูลมารดาของนางด้วย ในราชสำนักก็ไม่รู้ว่ามีใครโผล่มาจากบ้าง ต่างวาดหวังให้ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งฮองเฮาใหม่ในเร็ววัน
“ใต้เท้าทุกท่านอย่าเพิ่งใจร้อนเกินไป “ซ่านเชียนหยวนเดินเข้ามาในราชสำนักด้วยชุดว่าราชการ ประสานมือคารวะน้อยๆ ต่อขุนนางอาวุโสหลายท่าน พลางกล่าว “ตอนนี้ในราชสำนักทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างสะเทือนใจ เสด็จพ่อให้ข้าว่าราชการในราชสำนักกับน้องหกเป็นการชั่วคราว”
ราชโองการแห่งจักรพรรดิมีขันทีถือเดินเข้ามาตามหลัง
ในท้องพระโรงไม่มีการคัดค้านใดๆ อีกต่อไป
ภายใต้สีหน้าราบเรียบของซ่านเชียนหยวนกลับระส่ำระสาย ซ่านจวนฮ่าวที่เดินตามมาติดๆ ดูสูงโปร่งมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายนักรบรอบกายมีความคล้ายคลึงกับซ่านจินจื๋อในปีนั้นอยู่หลายขนัด ขุนนางใหญ่แต่ละท่านย่อมไม่กล้าพูดมากความอีกต่อไป
รอกระทั่งประกาศราชโองการ จัดการภาระงานแน่นขนัดในราชสำนักเสร็จสิ้นแล้ว ซ่านเชียนหยวนและซ่านจวนฮ่าวต่างก็ปวดเศียรเวียนเกล้า
ซ่านเชียนหยวนหวังใจเพียงว่าจะสามารถอยู่อย่างอิสระเสรี ถึงอยู่อินโจวคอยจัดการหน้าที่กับฉีหรัวก็มีจำนวนไม่น้อยเลย ทว่ามักจะมีฉีหรัวฉีหลินคอยช่วยแก้ไขปัญหา แต่ตอนนี้ในราชสำนักกลับมีเพียงเขาและซ่านจวนฮ่าวนักรบเต็มมากสองคนเท่านั้น ช่างปวดเศียรเวียนเกล้าจริงๆ
ฉีหรัวที่อยู่นอกวังรอมาเป็นเวลานานแล้ว เพียงแต่ในตอนนี้ ข้างกายยังมีแม่นางแบบบางคนหนึ่งติดตามอยู่ด้วย คอยมองเข้าไปข้างในอยู่ข้างกายฉีหรัวอย่างเขินอาย
“อาหารที่หอสุราสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ฉีหรัวคว้าเขาอยู่พาเปลี่ยนทิศทางก่อนที่ซ่านเชียนหยวนจะปริปากถามไถ่ แล้วปีนขึ้นรถม้าอีกคันไป
ซ่านจวนฮ่าวทำเพียงมองดูแม่นางที่อยู่เบื้องหน้า พลางกล่าวเสียงนุ่ม “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“ข้า…ข้าก็แค่อยากมาดูท่านเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นองค์ชายจริงๆ” แม่นางมีใบหน้าแดงซ่าน เสมือนว่าขอเพียงพูดกับนางแค่ประโยคเดียวก็จะดำดิ่งแทรกแผ่นดินไปทันที
ซ่านจวนฮ่าวพานางขึ้นรถม้าโดยไม่เปล่งวาจาสักแอะ ในใจกลับยังคงสงบนิ่ง
เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าแม่นางอรชรผู้นี้ย่อมมีใจให้ตน ทว่าเหลียนจื่อเกิงที่ซ่อนอยู่ในช่วงเอวก็ยังร้อนแรงเช่นเคย ยากจะตอบโต้
ในเอ่อตานอันไกลโพ้น กู้อ้าวเวยพลิกหยุนอี้ในมือจนลาย
ทำเอาซ่านจินจื๋อออกจะไม่พอใจ “เจ้ายังเก็บมีดนี้ไว้อย่างระมัดระวัง”
“ความรู้สึกเก่าจบลงแล้ว เก็บของที่ระลึกไว้มันไม่เหมาะสมตรงไหน” กู้อ้าวเวยเชิดปลายคางขึ้นอย่างถือดี ดูเหมือนว่าจะนุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้รับข่าวดีมากมายจากทางล่ายเสวียน ย่อมมีความสุขอยู่แล้ว
เมื่อครู่นางเพิ่งออกจากสำนักศึกษา และยืนพิงศาลาในสวนเรือนหลังเพื่ออ่านหนังสือ และผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านนอกกลับเดินเข้ามา และกระซิบว่า “ฮองเฮาสิ้นพระชมน์ในตำหนักบรรทม องค์ชายเก้าที่อยู่ชายแดนส่งคนมุ่งไปแคว้นซิน”
หยุนอี้ในมือค่อยๆ ร่วงลงไปในฝ่ามือ ครั้งนี้สีหน้าของกู้อ้าวเวยเคร่งขรึมยิ่งยวด “คิดไม่ถึงว่าฝั่งล่ายเสวียนนั้นจะมีข่าวดีไม่หยุดหย่อน แต่ทางฝั่งของท่านกลับเกิดเรื่องเข้าให้แล้ว”
“ดูเหมือนว่าจะมีคนล่วงรู้ความคิดของฮองเฮา” ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่น เดิมฮองเฮาก็ร่วมมือกับเขา โกหกคนทางบ้านมารดาไปด้วย และคอยช่วยเขากกำจัดซ่านต้วนเฟิงที่มีจิตใจทะเยอทะยานอย่างลับๆ ถือโอกาสตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกขององค์ชายสามไปด้วย ใครจะรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกลางคัน
แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านมารดาของนางกำจัดญาติเพื่อความชอบธรรมเอง หรือว่ามีใครค้นพบโฉมหน้าที่แท้จริงของฮองเฮากันแน่
“หากฮองเฮาตายไป คนในบ้านมารดาของนางกลัวแต่ว่าจะส่งผู้หญิงเข้าใกล้ฮ่องเต้ นี่มันยากจะป้องกันได้เลยชัดๆ” กู้อ้าวเวยเก็บหยุนอี้เข้าฝัก เคาะผิวโต๊ะสองสามที และมองไปที่เขาอย่างเคร่งขรึม “หากให้ข้าเสนอ ท่านกลับไปก่อนจะดีกว่า”
“ข้าไม่สามารถให้เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวได้โดยเด็ดขาด” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ท่านสูญเสียหูตาในวังไปแล้ว ซ่านต้วนเฟิงที่ชายแดนก็จะติดต่อกับกู้เฉิงอีก ทั้งนอกในเกิดกบฏพร้อมกันละก็ ต่อให้ท่านมีสามหัวหกแขนก็คงช่วยไม่ได้แล้ว” กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ส่วนข้า ตอนนี้ยังถือว่าอยู่บนผืนแผ่นดินของตัวเอง”