บทที่ 665 สตรีไม่ด้อยกว่าบุรุษ
เด็กหญิงทั้งสองรักษาสัญญาไว้มั่น ประเดี๋ยวเดียวก็ชักชวนบรรดาเด็กน้อยในสำนักศึกษาออกไปจนหมด
ซ่านจินจื๋อกลับดึงเบาะนุ่มที่เด็กๆ ใช้รองนั่งมา ก่อนนั่งขัดสมาธิลงไป แผ่นหลังเอนพิงด้านข้างของกู้อ้าวเวยอย่างเกียจคร้าน “ตอนนี้เรื่องราวออกจะจัดการยากแล้ว เจ้ายังใช้จดหมายเปล่ามากวนข้าอยู่ได้”
หยิบม้วนตำราบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยพลอยหดเข้าไปในแขนเสื้อ “ข้าก็แค่อยากให้ท่านผ่อนคลายสักหน่อย ถ้าหากคิดหาวิธีในห้องหนังสือได้ นั่นสิถึงจะเป็นปัญหา”
“เจ้าไม่ได้ถูกขังอยู่ในห้องเสียหน่อย ยังจะมีวิธีไหนได้อีก” แขนท่อนหนึ่งของซ่านจินจื๋อค้ำลงบนหัวเข่า เงยหน้าขึ้นมาแล้วพิงที่ต้นขาของกู้อ้าวเวย พลางมองนาง “ถ้าหากมีวิธีสมบูรณ์แบบมันจะดีกว่านี้”
“ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกว่าคนอื่นไม่ว่ามีเรื่องอะไรก็ต้องมาถามข้า ท่านในตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นหรือไร” ฝ่ามือของกู้อ้าวเวยแนบลงบนหน้าผากของเขา พลางกล่าวเสียงแผ่ว “แต่ถ้าหากจะถามข้าจริงๆ ข้าย่อมหวังว่าท่านจะสามารถกลับไปควบคุมสถาการณ์โดยรวม ไม่เช่นนั้นถึงตอนนั้นชางหลานจะถูกคนอื่นควบคุมทั้งจากภายในและภายนอก คิดจะแย่งชิงอำนาจอีก ก็เป็นเรื่องยากเสียแล้ว”
“ชิงอำนาจอะไร?” ซ่านจินจื๋อหลับตาแน่น ในน้ำคำกลับเจือแววขบขันอยู่หลายส่วน
“อย่าโกหกเลย ถึงท่านจะรู้ว่าพี่ใหญ่ของท่านช่วยท่านไว้มาก แต่จนแล้วจนรอดท่านก็ระแวงเขาอยู่ดี ตอนนี้แม้ท่านจะไม่อยากได้ตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ก็ยังคิดจะกุมอำนาจนี้ในมืออยู่ดี ต่อให้ฮ่องเต้องค์ต่อไปอาจจะเป็นศัตรูกับท่านก็ตาม” ซ่านจินจื๋อตบหน้าผากของเขาเอง สายตากลับจดจ้องที่ม้วนตำราในมืออยู่ “แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงทำเช่นนี้”
“แทนที่จะเชื่อว่าใครสักคนจะกลายเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ ไม่สู้เชื่อว่าตัวข้าเองจะเป็นแม่ทัพที่ดี” ซ่านจินจื๋อพับเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า “ชางหลานยังมีหลายจุดที่สู้เอ่อตานไม่ได้ หากสักวันหนึ่งข้าสูญเสียตำแหน่งไป แต่ก็ยังมีทรัพย์สินเงินทองประเคนให้ข้ามีชีวิตที่เหลืออยู่อย่างดีได้ แต่ถ้าหากราชสำนักนี้ไม่มีแม้แต่คนที่เป็นเจ้าขุนมูลนาย เช่นนั้นฮ่องเต้ในอนาคตก็คงไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิดแล้วหรือไร?”
กล่าวถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยเพิ่งจะค่อยๆ ละลายตาของตนกลับมาอย่างแช่มช้า
ลองคิดทบทวนดูแล้ว เรื่องนี้คล้ายกับว่านางมีส่วนทำให้กลายเป็นเช่นนี้…
“เป็นความคิดของข้าเอง เหตุใดตอนนี้ถึงนึกไม่ถึงปัญหาข้อนี้ สนใจก็แต่คิดจะให้เขากลายเป็นรัชทายาท ถึงกับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท” กู้อ้าวเวยใช้ม้วนตำราตีเข้าที่หัวของตนเบาๆ “ข้าสนใจแต่ทำให้เขาขึ้นเป็นรัชทายาทคิดแต่จะช่วยเขารักษาความสงบของราชสำนัก แต่กลับช่วยองค์ชายสี่ได้รับสิทธิ์ปกป้องตนเองเท่านั้น แต่ถ้าหากตอนนั้นเขาปีนขึ้นไปได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ คนที่คอยห้ามปรามอยู่ข้างกายสักคนคงไม่เหลือแล้ว”
ปัจจุบันในราชสำนักมีขุนนางเก่ามากความสามารถ ส่วนใหญ่ล้วนไม่ชอบใจซ่านเซิ่งหาน แต่เลือกจะสนับสนุนองค์ชายองค์อื่นๆ
ถึงตอนนั้น ซ่านเซิ่งหานจักต้องกำจัดขุนนางเก่าเหล่านี้จนเกลี้ยงแน่นอน ส่วนข้าราชสำนักวัยหนุ่มพวกนั้นบางคิดอยากจะตักเตือน แต่ตระกูลที่หนุนหลังล้วนเป็นพวกถือกำเนิดใหม่ แทบข่มขู่ฮ่องเต้ไม่ได้เลยสักนิด ถึงตอนนั้นก็คงเป็นใต้หล้าของซ่านเซิ่งหานโดยแท้จริงแล้ว
“เจ้าไม่ได้มาจากราชวงศ์เสียหน่อย ทำได้ถึงขั้นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้น เอี้ยวกายมาหยิบม้วนตำราในมือของกู้อ้าวเวยลง “ในเมื่อข้าคิดจะตอบแทนบุญคุณหลายปีของพี่ใหญ่ ย่อมต้องเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องราวในอนาคตแต่ละอย่างของเขาไว้อย่างพร้อมพรักอยู่แล้ว”
“ขอเพียงมีท่านคอยควบคุมฮ่องเต้องค์ใหม่ ถ้าอย่างนั้นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถือว่าสละบัลลังก์แล้ว ก็ไม่น่าจะกังวลเรื่องชีวิต มีท่านคอบควบคุมราชสำนักทั้งคน ก็สามารถเบาใจได้เต็มที่แล้ว” กู้อ้าวเวยเอี้ยวกาย ก่อนหลับตาแน่น “เป็นเช่นนี้ ท่านก็ยิ่งต้องไป”
“ถึงตอนนั้น ข้าจะเรียกกุ่ยเม่ยและเฉิงซานกลับมา” ซ่านจินจื่อพยักหน้าอย่างรู้งาน คิดเพียงว่าถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นดินแดนของเอ่อตาน ถึงแม้ในใจจะไม่อยากยอมรับ แต่กุ่ยเม่ยใส่ในสุขภาพของกู้อ้าวเวยมากกว่าเขา เขาย่อมต้องไปหาหยุนหว่านและฉูหลี่ให้ส่งทหารเข้ามา หรือไม่ก็พานางไป
ไม่ว่ากุ่ยเม่ยจะพูดอย่างไร นี่ย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน
ส่วนกู้อ้าวเวยไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลย ทำเพียงกอดอกแน่น “ท่านแม่จะต้องด่าข้า หาว่าข้าอุ้มท้องลงสนามรบแน่ๆ…”
“ข้าโชคดีก็แต่พ่อตาไม่เงื้อดาบมาไล่ฟันข้า” ซ่านจินจื๋อมุ่นคิ้ว เขายังจำได้ว่าดาบยาวในมือของฉูหลี่หนักหว่าดาบที่ตนใช้ในยามปกติถึงสามเท่าเศษๆ ประมือกันครั้งก่อน เขากระทั่งมีภาพลวงตาว่าถูกคนฟันไหล่เลื่อนลงมาด้วยซ้ำ
“อย่ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ท่านนั่นแหละที่ทำให้ข้าท้องโต วันหน้าหากท่านพ่อรู้เข้า คงจะลงไม้ลงมือโดยไม่สนใจว่าท่านจะมีตำแหน่งอะไรด้วยซ้ำ” กู้อ้าวเวยตบที่หัวเขาด้วยความโกรธกรุ่น องครักษ์ที่อยู่รอบบริเวณต่างหายใจไม่ทั่วท้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่านจินจื๋อถูกตบเชียวนะ ทั้งยังไม่โกรธด้วย ทำเพียงลูบหลังศีรษะเบาๆ “จะว่าไป ข้าออกจะแข็งแรง หากท่านพ่อตาคิดลงมือ ข้าก็สามารถกลับมาให้เจ้าตบท้ายทอยได้อย่างครบองค์ประกอบอยู่ดี”
“เริ่มไม่เป็นธุระไปกันใหญ่แล้ว…” กู้อ้าวเวยริบม้วนตำราของตนคืนมา ก่อนจะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้น กุมหน้าท้องพลางเดินไปในเฉลียงยาว ยังไม่ลืมเขย้าม้วนตำราในมือ “จำไว้ว่าต้องกลับมาแบบสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นต่อไปเด็กคนนี้ก็จะคิดว่ากุ่ยเม่ยเป็นพ่อ”
“นั่นไม่ได้เชียวนะ” ซ่านจินจื๋อเองก็หยัดตัวลุกขึ้น ซ่อนกระดาษเปล่าเมื่อครู่เข้าไปในสายรัดเอว แววตาเย็นเยียบ “พาคนทั้งหมดไป เตรียมพร้อมกลับชายแดนชางหลาน”
กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปในห้องโดยไม่เหลียวหลังกลับอีกเลย แต่มองเห็นขวดหยกวางอยู่บนโต๊ะขวดหนึ่งพอดี
สาวใช้ที่อยู่หน้าประตูโผล่หน้าเข้ามา “นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องส่งมาให้เมื่อครู่เจ้าค่ะ บอกว่าของสิ่งนี้ท่านเอาไว้เขาเกินมาหนึ่งชิ้น ตอนนี้สิ่งของกลับคืนเจ้าของเดิม อยากให้ท่านมอบให้คนที่สำคัญยิ่งกว่าเจ้าค่ะ”
นี่คือยาลับที่ทำเสร็จก่อนหน้านี้
แต่ซ่านจินจื๋อก็ยังพกติดตัวไปด้วยหนึ่งเม็ด ทำให้นางเบาใจลงไม่น้อย ทำเพียงเก็บขวดใบนี้เอาไว้ รอกระทั่งตอนที่กุ่ยเม่ยกลับมาค่อยเอาให้เขา
ชายคามาหยาดฝนร้อยเรียงเป็นเส้นสสาย กลับไม่รู้ว่าฝนปรอยๆ นี้กลายเป็นฝนกระหน่ำตั้งแต่เมื่อไร
ซ่านจินจื๋อนำคนอีกขบวนหนึ่งออกจากบริเวณดังกล่าว องครักษ์ในห้องยังไม่ได้เปลี่ยนย้ายไปเลยสักคน สาวใช้ในห้องยังคงนั่งเรียนเขียนอักษรเบื้องหน้าโต๊ะของนางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กู้อ้าวเวยให้คนไปเรียกอ้ายจือเข้ามาอ่านหนังสือการแพทย์ด้วยกัน
ตั้งแต่รู้ว่าตอนแรกอ้ายจือเป็นคนให้ซ่านจินจื๋อกินลูกกลอนเสริมความมั่นใจ กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้มองนางด้วยสายตาตักเตือนอีกเลย แต่ถามนางว่า “ข้ายังทำยาลับได้สามเม็ดถึงตอนนั้นก็สามารถฝืนบังคับช่วยชีวิตข้ากลับมาได้”
“เช่นนี้ข้าเองก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง เพียงแต่ข้ากลัวว่าอาจจะจากไปโดยรอไม่ถึงท่านคลอด” อ้ายจือวางของในมือลง พลางมองที่นาง “ตอนนี้เรื่องสงครามตึงเครียดยิ่ง ในมือท่านซูและล่ายเสวียนล้วนไม่มีคนที่พอจะเป็นผู้นำได้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไป”
“ความยุติธรรมที่เจ้าต้องการยังไม่ได้รับเลย พวกเขาไม่อาจให้สตรีลงสนามรบได้หรอก”
“ข้าลองดูได้” อ้ายจือกำหมัดแน่น นางถนัดใช้พิษ และยิ่งสันทัดวิทยายุทธ์ เพียงเพื่อสักวันหนึ่งจะสามารถนั่งเทียมบ่าเทียมไหล่ของเหล่าพี่ชายน้องชายได้ หยาดเหงื่อที่เสียไปเป็นร้อยเท่าพันเท่าของพวกเขา ทว่าจนป่านนี้แล้ว นางไม่สามารถนั่งดูดายได้หรอก
กู้อ้าเวยก็วางสิ่งของลงเช่นกัน พลางถอนหายใจเบาๆ หยิบป้ายพกของเอ่อตานในตู้เสื้อผ้าด้านข้างให้นาง “เจ้าไร้หนทางทำให้พวกเขายอมรับเจ้าได้ ไยต้องเข้าไปแบบหัวชนฝาอีกด้วยเล่า?”
อ้ายจือมองป้ายพกในมือของกู้อ้าวเวยอย่างนิ่งงัน เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “นี่ท่านจะ…”
“ท่านพ่อข้าดูเหมือนจะต้องการเมืองหลายแห่งที่อยู่ในมือของอ้ายหยิน” กู้อ้าวเวยนั่งลง “ถึงจะไม่อาจทำให้เจ้าจัดการธุระสำคัญได้ แต่หากเจ้ามีโอกาสประลองวิทยายุทธ์กับพี่ชายน้องชายของเจ้าสักครั้งละก็ บอกท่านพ่อเจ้าไปว่า สตรีก็ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ”