บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 668

ตอนที่ 668

บทที่ 668 เชื่อมเกี่ยวกันแน่นแฟ้น

อ้ายจือเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนทรยศแม่ของตัวเองได้ลงคอ

ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยค้ำอยู่ใต้คาง ในดวงตาเป็นประกายสุกใส “นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นเพียงวิธีเชื่อมั่นกันและกันอย่างหนึ่งเท่านั้น แม้จะพูดไม่น่าฟังเท่าใด แต่ข้ารับรู้ว่าท่านแม่รักข้ามาก แต่ความรักบางอย่างอาจจะชักจูงให้เบื้องหน้าของข้ามืดมน เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมจากท่านแม่และซ่านจินจื๋อ ข้าจึงทำได้เพียงต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเองเท่านั้น”

“ถ้าหากฮูหยินรู้เข้าจะปวดใจเอาได้นะ” กุ่ยเม่ยมองนางด้วยใบหน้าคร่ำเครียด “ท่านเองก็โกหกท่านอ๋องด้วย”

“ซ่านจินจื๋อคงไม่โกรธเพราะเรื่องนี้หรอก เขาเองก็ต้องทำเรื่องหลายอย่างลับหลังข้าเป็นแน่ อย่างเช่นดึงเจ้าเข้าพวก ถือโอกาสได้รับการสนับสนุนจากท่านแม่และท่านพ่อของข้า อีกอย่าง เจ้าลองทายดูว่าร้านรวงที่ข้าเคยควบคุม เขาไม่ได้เล่นเล่ห์อะไรเลยอย่างนั้นหรือ?” กู้อ้าวเวยมองพวกเขาด้วยแววตาที่ใช้มองเด็กน้อย “หากพวกเจ้าลองนับดูจริงๆ ปีนั้นเพื่อเด็กๆ ในทิงเฟิงเก๋อแล้วท่านแม่จากไปโดยไม่ได้พาข้าไปด้วย กระทั่งท่านปู่ยังถูกนางปิดหูปิดตา เช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่อีกหรือ?”

กุ่ยเม่ยและอ้ายจือนิ่งเงียบ

“อย่าทำตัวเป็นเด็ก บนโลกใบนี้มีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว และขณะเดียวกัน ไม่มีอะไรที่สามารถตัดขาดความรู้สึกได้ ขอเพียงยังมีพันธะเหล่านี้ต่อกันอยู่ ภายใต้เงื่อนไขเบื้องต้นที่ไม่ทำร้ายอีกฝ่าย ความผิดพลาดและวิธีการล้วนเป็นสิ่งที่สามารถทบรับได้” กู้อ้าวเวยหยัดตัวลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน ตอนที่เดินผ่านอ้ายจือนั้นยังลูบกระหม่อมของนางด้วย “แต่ข้ายังคงชื่นชอบความไร้เดียงสาของพวกเจ้า”

เหมือนหนึ่งว่า ชั่วชีวิตนี้ของกู้อ้าวเวยจะไม่ไปถามฉูหลี่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกเลย

เพราะอะไรตอนแรกนางเติบโตขึ้นในจวนเฉิงเสี้ยง หลังจากที่เขาก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แล้วก็ยังไม่ได้สร้างคลื่นใหญ่แล้วตามตัวนางกลับไป

เนื่องด้วยนางรู้คำตอบ เป้นไปไม่ได้เลยที่ฮ่องเต้จะทำลายรากฐานในปัจจุบันทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ทันมั่นคงเพียงเพื่อลูกสาวของตน ฉูหลี่กระทั่งจำเป็นต้องปกป้องฉูห้าวที่ยังไม่โตเอาไว้ด้วย

ทุกคนล้วนมีเหตุผลให้กับเรื่องที่ทำลงไป หากคิดเล็ดคิดน้อย กลัวแต่ว่าชั่วชีวิตนี้กู้อ้าวเวยคงไม่สามารถเชื่อใจใครอื่นได้เลย

อ้ายจือยกมือขึ้นลูบจุดที่เพิ่งถูกสัมผัสไปเมื่อครู่ ก่อนมองกุ่ยเม่ย “นางอำมหิตเลือดเย็นขนาดนี้มาโดยตลอดเลยหรือ?”

“ถ้าหากนางไม่เฉลียวฉลาดขนาดนี้ละก็ บางทีคงไม่อาจอำมหิตเลือดเย็นถึงเพียงนี้” กุ่ยเม่ยนวดขมับอย่างปวดหัว “บางเรื่องก็ไม่สามารถพูดได้อย่างหมดจด มันทำให้ข้าชักเริ่มจะกลัวนางเสียแล้ว”

“บางทีนางยังรู้ด้วยว่าวันนี้เจ้าใส่กางเกงในสีอะไร” อ้ายจือหยัดตัวลุกขึ้นก่อนเดินไปด้านนอกด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี

กุ่ยเม่ยร่างแข็งทื่อ กลับแว่วยินเสียงลอยมาแต่ไกล “ข้ารู้จริงๆ นะ”

“หุบปากให้ข้าเสีย” กุ่ยเม่ยตามออกไปด้วยความหัวเสีย เดินมาถึงด้านหลังของกู้อ้าวเวยและตบเข้าที่ท้ายทองของนางหนึ่งฉาด “ท่านไม่กลัวว่าหลังจากอ้ายจือรู้ถึงความเก่งกาจของท่านแล้วจะไม่ร่วมมือกับท่านหรืออย่างไร”

“นางจะร่วมมือหรือไม่ก็แล้วแต่ ปัจจุบันสถานะของนางไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าเลยสักนิดเดียว” กู้อ้าวเวยกอดหน้าท้องของตนเอาไว้ มองไปทางอ้ายจือที่ออกไปอีกฝั่งหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าเพียงแต่อยากเตือนนาง หากทรยศข้าละก็ ข้าจะรู้ในทันที ทั้งยังสามารถทำให้นางหายตัวไปในทั่วทุกมุมของเอ่อตานก็ยังได้”

“ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะที่ข้ารู้สึกว่าท่านน่ากลัวเอามากๆ”

“เช่นนั้นก็อย่าเป็นนกกะปูดคาบข่าวไปบอกใครอีก ข้าจะโกรธจริงๆ เอาได้” กู้อ้าวเวยหัวเราะทำเอาเขาเสียวสันหลังวาบ จนต้องกระแอมไอขึ้นมา ก่อนจะยืดตัวถือดี “แต่ถ้อยคำเมื่อครู่ของข้านั้น ไม่ได้โกหกเลยแม้แต่คำเดียว”

พยุงหน้าท้องก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปทางห้องนอนของตนอย่างนวยนาด

กุ่ยเม่ยดึงสติกลับมามองไปที่เงาหลังของนางที่ตอนนี้ออกจะโม่งโค่งไปหน่อย สายตากลับค่อยๆ หม่นแววลง

ถ้าหากแรกเริ่มเดิมทีในตำหนักอ๋องจิ้งท่านอ๋องจะดีกับนางสักนิด บางทีตอนนี้นางคงไม่อาจรู้สึกระแวงขนาดนี้

จนถึงขั้นเอาแต่คิดคำนวณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ก็ได้

แต่ว่ากุ่ยเม่ยเองก็เริ่มค้นพบบางอย่าง จึงเรียกหาองครักษ์ที่อยู่ข้างกาย “บันทึกถ้อยคำทุกวรรคในห้องเมื่อครู่นี้ลงไปให้หมด ส่งคนนำไปมอบให้ฮูหยินและท่านอ๋อง แล้วบอกพวกเขาว่า กู้อ้าวเวยมักจะมองเรื่องทุกอย่างในแง่ร้ายเสมอ นางจำเป็นต้องมีใครคอยอยู่เคียงข้าง”

“ขอรับ ใต้เท้ากุ่ยเม่ย” องครักษ์ประสานมือเบาๆ กลับเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง “แต่ว่าพระองค์หญิงท่านนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบให้ท่านอ๋องอยู่ข้างกายเท่าใดนัก”

“ถ้าหากคนๆ นี้เคยฆ่าเจ้ามาก่อน ไม่ว่าเจ้าจะมีปฏิภาณแค่ไหน ก็ต้องหวาดกลัวทั้งนั้น” กุ่ยเม่ยตบไหล่ของเขา ก่อนจะติดตามการเคลื่อนไหวของกู้อ้าวเวยอย่างระวัง กึ่งประคองนางเดินมุ่งไปข้างหน้า “ท่านมีวิธีอะไรที่จะช่วยท่านอ๋องได้หรือไม่”

“คนของตำบลเหยสุ่ยเริ่มเคลื่อนไหวบ้างแล้ว พวกเขาจะถวายชีวิตรับใช้ซ่านจินจื๋อ อีกทั้งคนยุทธภพเหบ่านั้นที่ชางหลานแต่ละคนก็ล้วนเป็นทแกล้วทหาร สวี่กุยน่าจะโน้มน้าวพวกเขาเกือบทั้งหมดไปแล้ว ชายแดนชางหลานกำลังจะพลิกแผ่นดินในไม่ช้านี้” กู้อ้าวเวยหันศีรษะไปมองเขา “ก่อนหน้านี้สวี่กุยไปช่วยองค์ชายสี่เก็บทรัพย์สิน และเข้านั่งจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแต่แรกแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นข้าต้องเตรียมป้องกันล่วงหน้าไม่ให้องค์ชายสามรีดเบิกความยึดบัลังก์ภายใต้สถานการณ์ฉุกละหุก อีกด้านเป็นเพราะกองทัพของชางหลานไม่มีการนำของซ่านจินจื๋อแล้ว เลือดสดๆ ก็น้อยมากเหลือเกินแล้ว พวกสำนักยุทธภพเหล่านั้นหากมุ่งมั่นจะเป็นทหาร ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว”

เรื่องของสวี่กุยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน กุ่ยเม่ยจำไม่ค่อยได้เสียแล้ว

“ติดต่อกับตำบลเหยสุ่ยตั้งแต่เมื่อไร?”

“ข่าวที่ข้าขอให้หยินเชี่ยวลอบนำไปส่ง แม้แต่ฉีหรัวกับฉีหลินก็ยังไม่รู้เรื่องเลย” กุ่ยเม่ยหัวเราะพลางตบมือ ก่อนเอียงศีรษะเลียนแบบท่าทางของเด็กน้อยที่เข้ามาร่ำเรียน “ข้าไม่ทำเรื่องที่ไม่มีนัยยะสำคัญแต่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว”

และเป็นเช่นนั้นจริงๆ กุ่ยเม่ยกลืนน้ำลาย มืออีกข้างหนึ่งทาบไว้บนไหล่ของนาง “ในเมื่อท่านทำมากเพียงพอแล้ว ก็ควรพักผ่อนสักหน่อยใช่หรือไม่”

“หมายความว่าอย่างไร” กู้อ้าวเวยหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนปัดมือของเขาออก

“ท่านควรจะคอยระวังข้าด้วย” กุ่ยเม่ยทำสัญญาณมือ สีหน้าก็พลอยเคร่งขรึมลง “ทุกคน ไม่อนุญาตให้ส่งข่าวใดๆ อีกแล้ว ต่อให้เป็นคนจรที่มาหลบฝนหรือขอน้ำดื่ม ก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด จดหมายและบันทึกใดๆ ก็ตามเอามาให้ข้าจัดการทั้งหมด”

เบิกตากว้างน้อยๆ กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงเลยว่ากุ่ยเม่ยจะทำแบบนี้กับตัวเองได้ “ข้ามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ข่าวสาร!”

“หากให้ข้ารู้อีกว่าท่านได้รับข่าวสารใดๆ อีกละก็ ข่าวที่ท่านอาจจะตายข้าจะปลุกปั่นให้คนล่วงรู้ทั้งหมด ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่รายงานเลย หากฮูหยินและท่านอ๋องทำให้ท่านออกไปได้ถือว่าท่านชนะ” กุ่ยเม่ยบีบพวงแก้มของนาง “ท่านเป็นคนพูดเอง ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทำร้ายความรู้สึก ความผิดพลาดและวิธีการทั้งหมดล้วนสามารถทำใจยอมรับได้”

ถูกยอกย้อนแล้วหนึ่งยก!

“นี่เจ้าไปเรียนรู้มาจากใคร” กู้อ้าวเวยหัวเสียอย่างยิ่ง ได้แต่ทำตาปริบๆ มององครักษ์ภายในเรือนทั้งหมดทยอยพยักหน้า…นางกระทั่งไม่รู้ว่ากุ่ยเม่ยได้รับอำนาจจากทางซ่านจินจื๋อไปตั้งแต่เมื่อไร

“ไม่ได้เรียนรู้มาจากท่านหรือ” กุ่ยเม่ยนวดกระหม่อมของนาง พลางกล่าวเสริมหนึ่งประโยค “เรื่องที่หลิ่วเอ๋อสวามิภักดิ์ต่อท่าน ฮูหยินรู้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นฮูหยินถึงรีบรับข้าเป็นลูกบุญธรรม ท่านว่าตอนนี้ข้ามีอำนาจควบคุมดูแลท่านหรือไม่”

“ตั้งแต่เมื่อไร!” กู้อ้าวเวยร้องเสียงหลง

“ตอนนั้นที่ท่านอ๋องได้รับการสนับสนุนจากพวกฮูหยิน เรื่องเหล่านี้ก็ได้ถูกตัดสินใจแล้ว” กุ่ยเม่ยยีผมนางจนยุ่งเหยิง ยิ้มตาหยี “ไม่เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าในฐานะคนนอกคนหนึ่ง องค์รัชทายาทไหนเลยจะวางใจมอบภาระหน้าที่ทั้งหมดให้ข้า”

“เจ้ามันนกสองหัว!” กู้อ้าวเวยใบหน้าแดงก่ำ

“บำรุงครรภ์ให้ดีเถิด เวยเอ๋อ” กุ่ยเม่ยจูงนางเดินเข้าไปในห้อง ไม่ได้เหลียวมองท่าทีบึ้งบูดของกู้อ้าวเวยเลยสักนิด

นี่แหละที่เรียกว่า ธรรมะสูงหนึ่งคืบ มารร้ายสูงหนึ่งศอก

คนชั่วร้ายย่อมมีคนที่ชั่วร้ายกว่า

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท