บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 667

ตอนที่ 667

บทที่ 667 อุบายปล่อยข่าวลือ

ซ่านจินจื่อที่เพิ่งออกจากเอ่อตาน รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างอธิบายไม่ถูก

ไม่ได้เข้ามาเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ชายแดนเอ่ตานกลับเหมือนจะถูกกวาดล้างไปเกลี้ยงมาแล้วหนหนึ่ง

เคยได้รับคำสั่งจากพ่อตา แม่ทัพทีรู้จักและอนุญาตให้เขาจรผ่านที่นี่ล้วนถูกสับเปลี่ยนไปจนหมด อีกทั้งกองทัพทั้งชายแดนก็ดูเหมือนจะไม่มีคนในยุทธภพของเอ่อตานสักเท่าไร คนไม่น้อยต่างรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้

ข้างกายของเขาไม่มีเฉิงซานและซางนิงติดตามมาด้วย เพียงแต่นำผู้ใต้บัญชาต่างเผ่าที่ชื่อหงเซียวมาด้วยเท่านั้น อายุน้อยกว่ากุ่ยเม่ยหลายปี ดูแล้วเหมือนเด็กหนุ่มต่างเผ่าผิวกรำแดดคนหนึ่ง ไม่ต้องมีดาบยาวดาบโค้ง ช่วงเอวมีเพียงมีดเล็กเล่มหนึ่งเท่านั้น นับดูแล้วยังเป็นเด็กกำพร้าที่มาจากตระกูลสาขาย่อยของซางนิง คอยเตร็ดเตร่ช่วยเหลือเขาสืบข่าวคราวอยู่ชายแดนหลายปี นับว่าเป็นบุคคลเก่งกาจคนหนึ่งเช่นกัน

“ท่านอ๋อง ข้ายังไม่เคยพบฝ่าบามพระองค์นั้นเลย” หงเซียวยิ้มตาหยีมองไปทางซ่านจินจื๋อ ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นกลับเป็นสีเหลือบคล้ำ ผิดกันกับสีบริสุทธิ์ในม่านตาของซางนิง

“รอจนเจ้ามีความสามารถมากกว่านี้หน่อย ย่อมได้พบอย่างแน่นอน” ซ่านจินจื๋อดึงบังเหียน อาชาที่อยู่ใต้อาณัติย่ำอยู่กับที่สองรอบก่อนจะหยุดชะงักลง หันไปทางป่าเขาอีกฝั่ง “ในตำบลเหล่านั้นของชายแดนเอ่อตาน เหตุใดถึงได้มีคนยุทธภาพมากมายขนาดนั้น”

พูดถึงกิจธุระ หงเซียวก็ชี้นิ้วให้กับคนข้างกาน รอให้พวกเขาถอยไกลออกไปหน่อย คราวนี้จึงไหวไหล่ พลางกล่าวเสียงเบา “ก่อนหน้านี้พระองค์หญิงท่านนั้นให้คนปล่อยข่าวลือออกไป บอกว่ายาอมตะต้องการวัสดุยาสำคัญหลายอย่าง เถาวัลย์เลือดหนึ่งในนั้นมีน้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่ก่อนหน้านี้ในเมืองเอ่อตานเคยมีคนต้องพิษ ในยุทธภพมีชายชราชางหลานคนหนึ่งนามว่าหมอเทวดาเทียนหมางบอกว่าเถาวัลย์เลือดนี้ช่วงเจริญเติบโตก็จะมีความเป็นพิษ ในคนยุทธภพเหล่านี้ครั้นได้ยินแวบเดียว ก็นึกถึงเรื่องที่น้ำใต้ดินต้องพิษก่อนหน้านี้ แล้วก็ห้อมล้อมเข้าด้วยกันทันที”

หมอเทวดาเทียนหมาง…

ซ่านจินจื๋อเคยได้ยินซ่านเชียนหยวนเอ่ยถึงชายชราผู้นี้อยู่บ้าง ในยุทธภพชายชราผู้นี้ก็เป็นผู้อาวุโสที่ทำให้ผู้คนเลื่อมใส แต่เพราะไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเขา มีคนในครอบครัวหรือไม่ ซ้ำยังเทียวผลุบเทียวโผล่แบบไร้ร้องรอย ยิ่งถูกคนในยุทธภพแต่ละท้องที่ยกย่องให้เป็นหมอเทวดาที่ปัดเป่าสิ่งสกปรกได้ จึงมอบสมญานามนี้ให้กับเขา

แต่คนผู้นี้ก็เป็นลูกหลายของตระกูลหยุน ในครอบครัวยังมีสมาชิกอาศัยอยู่ในอินโจว

ในฐานะลูกหลานตระกูลหยุนถึงกับพูดถึงเถาวัลย์เลือดอันไร้แก่นสารนี้ กลัวแต่ว่าจะช่วยทำให้ข่าวลือก่อนหน้านี้ของกู้อ้าวเวยมีน้ำหนักมากขึ้นก็เท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง คนในยุทธภพแถวชายแดนของเอ่อตานรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ถึงจะก่อเรื่องมากมาย แต่ถ้าหากเอ่อตานคิดจะบุกโจมตี เช่นนั้นคนยุทธภพเหล่านี้ก็สามารถใช้ประโยชน์เพื่อป้องกันเมืองได้

หงเซียวไม่ได้ยินซ่านจินจื๋อเอ่ยวาจา จึงควบม้ารุดหน้าไปย่ำอยู่ข้างกายเขา “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าเอ่อตานนี้คิดจะกรีธาทัพโจมตีปุบปับ หรือว่าได้รับข่าวสารอะไร แล้วกลัวว่าจะมีคนโจมตีกันแน่”

“ข้อนี้ต้องรอให้ข้ากลับไปดูก่อนค่อยว่ากัน” ดึงภวังค์จากความคิดล่องลอย ซ่านจินจื๋อสะบัดกระตุกบังเหียนในมือ “ถ้าหากองค์ชายเก้านั่นคิดจะตามทัพกู้เฉิงเคลื่อนพลไป เช่นนั้นเอ่อตานย่อมป้องกันอยู่แล้ว แต่หากชางหลานไม่เคลื่อนไหว คิดว่าเอ่อตานคงต้องถูกโจมตีเมืองในไม่ช้าแล้ว”

ตอนนี้เอ่อตานไม่ต้องหวาดกลัวแคว้นอื่น เพียงต้องคอยจับสังเกตชางหลานก็เพียงพอแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซ่านจินจื๋อยิ่งไม่แน่ใจถึงกองกำลังชายแดนของชางหลานหลายขนัดมากขึ้นเรื่อยๆ

หงเซียวกลับปั้นหน้าขรึม “ทั้งที่หลายวันก่อนยังได้รับข่าวสารอยู่แท้ๆ…”

“ดูเหมือนซ่านต้วนเฟิงคนนี้ยังจะพอมีสมองอยู่บ้างที่ดูออกว่าด้านในนั้นมีคนของข้าไม่น้อย” ซ่านจินจื๋อสบมองป่าเขารกชัฏมืดมดด้วยสายตาเย็นชา ก้นบึ้งหัวใจกลับมีความกังวลหยั่งรากฝังลึกทะลวงเข้าไปในขั้วหัวใจ

ความรู้สึกครั่นคร้ามเสี้ยวนี้ มันมาจากไหนกันแน่?

……

“ข้ากับซ่านต้วนเฟิงอยู่ด้วยกันไม่มากนัก ไม่รู้เลยว่าเขาถึงขนาดตัดสายข่าวของซ่านจินจื๋อไปได้”

กู้อ้าวเวยในจวนโจวเองก็ได้รับข่าวที่ส่งมาจากชายแดน เรียวคิ้วสองข้างขมวดมุ่นเข้าหากัน

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยติดตามท่านอ๋องไปตรวจสอบองค์ชายเก้า ทุกอย่างที่เขาทำก่อนหน้านี้ล้วนโง่เขลาเบาปัญญาทั้งสิ้น แต่บางทีทุกอย่างนั้นอาจจะเป็นเพียงการเสแสร้ง ปัจจุบันเขาไม่มีฮองเฮาในเมืองเทียนเหยียนเป็นกองหนุน กลัวแต่ไม่ใช่ว่าจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว” กุ่ยเม่ยโยนจดหมายลงไปในน้ำ เดินเข้าไปช่วยกู้อ้าวเวยและอ้ายจือฝนหมึก

อ้ายจือมองดูเส้นหมึกในน้ำที่ค่อยๆ อันตรธานไร้รูปร่าง ก่อนจะปริปาก “แต่จะว่าไป ท่านเป็นคนโน้มน้าวให้หมอเทวดาเทียนหมางพูดแบบนั้นหรอกหรือ?”

“ผู้อาวุโสเป็นฝ่ายเต็มใจพูดเช่นนี้เองต่างหาก เขาเคยสูญเสียของมากมายหลายอย่างเพียงฐานะลูกหลานของตระกูลหยุน” กู้อ้าวเวยส่ายศีรษะเบาๆ วางด้ามพู่กันในมือลง “เรื่องราวมากมายล้วนต้องการคนจำนวนมากไปเติมเชื้อไฟผสมโรง แม้จะเป็นข่าวลือ ก็ต้องผ่านปากคนนับไม่ถ้วน จึงจะสามารถลุกลามไปไกลได้”

“เช่นนั้นวันนี้ท่านเรียกข้ามา มีเรื่องจะบัญชาอีกแล้วใช่หรือไม่” อ้ายจือมองนาง

“อีกระยะหนึ่งจางเหยียงซานก็จะเข้ามาลี้ภัย เจ้าไม่ต้องคอยอยู่ข้างกายข้าอีกแล้ว” กู้อ้าวเวยพับจดหมายที่เขียนลงไปเมื่อครู่สองทบ ก่อนยื่นใส่ในมือของอ้ายจือ “นำจดหมายฉบับนี้และป้ายพกไปอุตสาหะที่ชายแดน นอกจากนี้ก็ช่วยข้าจัดการธุระสักเรื่อง”

อ้ายจือเก็บของลงไป มองนางกล่าวต่อไปด้วยสายตาระเค็ดระคาย

“เจ้าคอยเป็นหูเป็นตาให้ข้าที่ชายแดน ดูอย่างละเอียดว่าในนั้นมีสายลับเท่าไรกันแน่” นัยน์ตาของกู้อ้าวเวยผุดประกายเย็นเยียบผ่านไป ก่อนหัวเราะเย็นชา “หากซ่านต้วนเฟิงสามารถควบคุมชายแดนได้ก็ถือว่ายังดี แต่ข้ากลับไม่เชื่อว่าในเอ่อตานของพวกเราจะไม่มีสายลับเลยสักคนเดียว ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่บิดาเปลี่ยนกำลังพลที่เมืองชายแดน ซ้ำเรื่องดังกล่าวยังทำอย่างไร้สุ้มเสียงอีกด้วย ก่อนหน้านี้ก็ไปฉลองปีใหม่ที่เมืองเล่อ ในความเป็นจริงมีแค่คนในเมืองเล่อเท่านั้นที่เขาเชื่อใจ ไปตรวจสอบด้วยตัวเองโดยเฉพาะ ก็เพื่อจะเตรียมความพร้อมเปลี่ยนกำลังพลในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ”

การเคลื่อนไหวของกุ่ยเม่ยหยุดชะงักอยู่กับที่ อ้ายจือกลับส่ายหน้า “ท่านไม่ควรยืนยันเช่นนี้”

“ข้าเพียงแต่ไม่เชื่อว่าราชันแห่งแคว้นหนึ่งจะทำเรื่องไร้ประโยชน์ได้ อันดับแรกเขาเป็นองค์ราชัน อันดับสองถึงจะเป็นบิดาข้า เหตุใดจะเร่งรุดมุ่งหน้าจากเมืองหลวงไปเมืองเล่อเพื่อปกป้องท่านแม่หรือจะมาอยู่กับข้าได้ อีกอย่างข้านับวันเวลาดูแล้ว ครั้งนี้เขาเผื่อเวลาครึ่งเดือนนานกว่าการฉลองปีใหม่หลายๆ ปีก่อนหน้านี้ ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิสองเดือนให้หลัง คนที่ชายแดนก็ถูกกวาดล้างระลอกใหญ่ อีกอย่างใต้เท้าจูก่อนหน้านี้ก็ถูกเลื่อนขั้นไปที่ชายแดน ตามระดับความไว้วางใจที่บิดามีต่อใต้เท้าจูท่านนั้น เรื่องนี้พิสดารอย่างแน่นอน” กู้อ้าวเวยเอ่ยอย่างละเอียด หัวเราะบางโบกมือให้กับสาวใช้ที่มืดแปดด้านอยู่ข้างกาย

สาวใช้กลับหยิบกล่องไม้หนึ่งอันจากด้านข้างมาอย่างรู้งาน ด้านในมีจดหมายยับยู่ยี่ไม่น้อยวางแน่นขนัดอยู่

ความมากของปริมาณนั้นทำให้คนอ้าปากค้าง และสิ่งเหล่านี้เกือบจะมีที่มาจากข้อมูลรายงานของนาง

“ท่านอ๋องยังไม่เคยรู้ข่าวคราวเอ่อตานมากมายขนาดนี้มาก่อน” กุ่ยเม่ยหน้าดำคร่ำเครียด มองดูจดหมายเหล่านี้ กระทั่งบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไว้ทีละรายการ แบ่งแยกช่วงเวลาไว้อย่างละเอียด

“ตอนนี้ซ่านจินจื๋อก็ไม่อยู่ ย่อมไม่รู้ว่าข้าเปิดสำนักศึกษาเพื่ออะไรกันแน่” กู้อ้าวเวยเท้าพวงแก้ม ยิ้มตาหยีมองไปที่อ้ายจือ “ก่อนหน้านี้ข้าโกหกเจ้า เปิดสำนักศึกษาแห่งหนึ่ง ก็เพื่อจะคลายปมในใจของซ่านจินจื๋อ และถือโอกาสให้หลิ่วเอ๋อส่งข่าวสารมาให้ข้าไปในตัวด้วย”

“ท่านติดต่อกับฮูหยิน?” กุ่ยเม่ยยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

“ไม่ได้ติดต่อกัน มีแต่หลิ่วเอ๋อเท่านั้น” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่ทำให้ทิงเฟิงเก๋อครึ่งหนึ่งกลายเป็นของข้า จื่อเหมิงซื่อสัตย์ต่อท่านแม่มากเกินไป ข้าไม่กล้าเชื่อ แต่หลิ่วเอ๋อข้าพอจะดึงเข้าพวกได้อยู่ ใครให้จื่อที่นางเห็นว่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ยังอยู่ที่ชางงหลานกันเล่า”

“ท่าน แม้แต่คนของท่านแม่ตัวเองท่านก็ยังจะข่มขู่…”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท