บทที่ 669 ไม่เข้าใจ
บนผ้าเช็ดหน้ายังคงปักลายดอกอวี้หลัน
ซ่านจินจื๋อขว้างดาบ เลือดหยดละเอียดสลัดลงที่ปลายเท้า
กองทัพดำหลายสิบนายตายอยู่ท่ามกลางป่าเขาผืนนี้ ดูเหมือนคาดเดาเส้นทางที่เขาจะใช้มุ่งหน้าไปชายแดนได้แต่แรกแล้ว
หงเซียวใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้า มืออีกข้างกลับโยนกองทัพดำที่เพิ่งดื่มยาพิษฆ่าตัวตายลงบนพื้น “ท่านอ๋อง กองทัพดำพวกนี้มาอย่างพิสดารเกินไป แต่ดูจากรูปพรรณสัณฐานแล้วคล้ายจะเป็นคนชางหลาน”
“ดูเหมือนเป้าหมายของพวกเขาก็คือข้า” ซ่านจินจ่อคิดเช่นนี้อยู่ในใจ สงสัยว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่ซ่านต้วนเฟิงส่งมาไล่สังหารตน ในใจกลับไม่มั่นใจนัก ทำเพียงเอ่ยถามว่า “ตอนที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ บนข้อมือก็มีดอกอวี้หลันเหมือนกัน?”
“ขอรับ แต่ว่าเหล่าพระสนมในวังหลังต่างสงสัยฮุยเฟย บอกว่าฮุยเฟยชื่นชอบดอกอวี้หลันเป็นที่สุด ซ้ำตอนนี้ยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอีกด้วย กลัวว่าหลังจากสังหารซู๋ฮองเฮาแล้วจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นแทน” หงเซียวเก็บกริชเข้าฝัก สองมือแบออกไหวไหล่ ขยิบตาให้คนลากศพพวกนี้ไปฝัง ซ้ำยังทำท่าทางให้เก็บกวาดจนสะอาด ให้พวกเขาชำระล้างร่องรอยอย่างสะอาดสะอ้านอีกด้วย
เพื่อไม่ให้คนของกองทัพดำเหล่านี้ไล่ล่ารอยเท้าของพวกเขาได้อีก
“บรรดาพระสนมเพียงแต่คิดอยากจะดึงฮุยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานลงไปมาแปดเปื้อนด้วยก็เท่านั้น” ซ่านจินจ่อยื่นดาบยาวให้กับคนที่อยู่ด้านข้าง ก่อนเลิกคิ้ว “อวี้หลันนี้ออกจะเป็นนัยแฝงการข่มขู่ฮุยเฟย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ขาดการติดต่อกันไปแล้ว”
หงเซียวเดินรุดหน้าเข้าไปอย่างนบนอบ “แต่ว่า ในเมื่อกองทัพดำพวกนี้มาไล่ตามท่าน เช่นนั้นพระองค์หญิงท่านนั้นน่าจะปลอดภัยมากขึ้นแล้วกระมัง”
“อย่าได้ดูถูกศัตรูเชียว” ซ่านจินจื๋อพลิกตัวขึ้นหลังม้า ก่อนถามอีก “เมื่อครู่เจ้าว่าเฉิงซานส่งจดหมายมา เขียนว่าอะไรข้าง?”
“เฉิงซานบอกว่าเขาโน้มน้าวกุ่ยเม่ยแล้ว ตอนนี้กุ่ยเม่ยพอกลับถึงเรือน ก็แสร้งเป็นคนไม่ดีตัดขาดแหล่งข่าวของพระองค์หญิงท่านนั้นไปอย่างแน่นอน แต่ว่าข้าเองก็สงสัยนัก พระองค์หญิงท่านนั้นรับส่งข่าวสารใต้จมูกของท่านได้อย่างไรกัน” หงเซียวยืนจดหมายม้าเร็วปิดผนึกฉบับนั้นใส่ในมือของซ่านจินจื๋อ
หนึ่งในนั้นรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยว่ากู้อ้าวเวยรับส่งข่าวสารได้อย่างไรด้วย
บางเรื่องก็นอกเหนือความคาดหมายของซ่านจินจื๋อจริงๆ แต่ขณะเดียวกันเขาเองก็เหลือการรับมือเอาไว้ ลอบซ่อนความสัมพันธ์ของกุ่ยเม่ยและหยุนหว่านเอาไว้ด้านหลัง ทำให้กู้อ้าวเวยคลายความระแวดระวังแล้วบอกเรื่องทุกอย่างออกมา จึงจะสามารถล่วงรู้สถานการณ์ปัจจุบันของกู้อ้าวเวยได้อย่างสมบูรณ์
แต่ว่า เขาเองก็ประมาทเล่นเล่อมากเกินไป คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยหาใช่คนเลือดเย็นไม่ แต่แค่ขาดความรู้สึกปลอดภัยเท่านั้น
อดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้ ซ่อนกระดาษแผ่นนี้เข้าไปในอาภรณ์อย่างดี สีหน้าของซ่านจินจื๋อดูอ่อนลงมาก “นางมักจะโจมตียามไม่ทันระวังเสมอ”
หงเซียวขยี้ตาอย่างตื่นตะลึง เกือบจะคิดว่าซ่านจินจื๋อที่อยู่ตรงหน้าถูกคนเอาตัวปลอมมาแทนที่เสียแล้ว
“แต่ว่าปล่อยให้กุ่ยเม่ยเป็นคนชั่วแบบนี้ได้ ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว” ซ่านจินจื๋อหัวเราะเสียงทุ้ม
ยามปกติกุ่ยเม่ยคนนี้มีกู้อ้าวเวยคอบปกป้อง เขาไม่มีทางลงมือทำได้ลงเป็นแน่
ปัจจุบันในเมื่อกุ่ยเม่ยจะดูแลกู้อ้าวเวยเป็นอย่างดี เขาเองก็ไม่ต้องสนใจพายเรือตามน้ำแล้ว ปล่อยให้กุ่ยเม่ยเป็นคนชั่วในสายตาของกู้อ้าวเวย ถึงตอนนั้นเขาก็จะพะเน้าพะนอนางเอง
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงคิดอุบายแม้แต่กับคนของตัวเองได้ ดีร้ายกุ่ยเม่ยก็คอยช่วยท่านดูแลพระองค์หญิงท่านนั้นตลอดเวลานะ” หงเซียวเดหยาดเหงื่อที่ไม่มีมูลบนหน้าผากออก “ตอนแรกท่านเชื่อใจเขามากกว่าข้าเสียอีก หากไม่มีท่านละก็ ตอนนั้นกุ่ยเม่ยคงไม่กล้าเปลี่ยนข้างเร็วขนาดนั้น”
“บางแผนการ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่สามารถบอกให้รู้แกวกันได้” ซ่านจินจื๋อปั้นหน้าเย็นชาลงมาทันทีทันใด
หากกู้อ้าวเวยรู้ว่าการกบฏของกุ่ยเม่ยในตอนนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการของเขา นางจะทำอย่างไรเล่า?
หงเซียวหดลำคอ รีบพลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว “ผู้น้อยรับทราบ เพียงแต่กองทัพดำพวกนี้ปรากฏตัวอย่างพิสดารเกินไปแล้ว พวกเราต้องเพิ่งกำลังพลขึ้นอีกหรือไม่”
“ถ้าหากพวกเพิ่มกำลังพลกลางคัน กองทัพดำพวกนี้ก็จะส่งกำลังพลเข้ามาเพิ่มอีก” ซ่านจินจื๋อคว้าบังเหียนไว้ สายตามองผาดความรกชัฏผืนหนึ่งในป่าแห่งนี้ “ตอนนี้ข้ากลับสงสัยใคร่รู้ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังกองทัพประหลาดนี้เป็นใครกันแน่”
หรือก่อนหน้านี้ซ่านต้วนเฟิงจะซ่อนเร้นโฉมหน้าที่แท้จริงไว้อย่างระแวดระวัง แล้วคิดจะปฏิยุทธ์ตอนนี้หรอกหรือ?
เรื่องพระสนมในวังเขารู้ว่ามันไม่มากมายนัก แต่ก็รู้ว่าฮุยเฟยคนนี้ได้รับความโปรดปรานจากพี่ใหญ่เพียงเพราะว่าคนของบ้านมารดานางเหลือแต่คนชราไม่กี่ท่านเท่านั้น ผู้ที่ร่วมทำงานกับราชสำนักอย่างแท้จริงก็มีเพียงแค่ลุงสองท่านที่เป็นญาติห่างๆ เท่านั้น องค์ชายยังเยาว์วัย องค์หญิงยิ่งได้รับความเอ็นดูจากพี่ใหญ่ ทั้งเป็นศรีภรรยาแสนอรชร ภายใต้เงื่อนไข้มากมาย ฮุยเฟยได้รับความโปรดปรานเหนือสุดอาจทำให้พระสนมในวังไม่พอใจ แต่ไม่มีผลกระทบต่อการเมืองราชสำนักเลยสักนิด
“ท่านอ๋อง แต่ว่าดอกอวี้หลันนี้ก็มาไม่ถูกเวลามากเกินไปแล้ว เบื้องหลังฮุยเฟยองค์นี้ไร้ที่พึ่งพา หากหยิบยืมเรื่องนี้ปีนป่ายบ้านมารดาของฮองเฮา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย” ตอนนี้หงเซียวก็ตามอยู่ด้านหลังเขาติดๆ พลางปริปากเอ่ย
“ไม่ใช่สายเลือดเลยสักนิด ย่องไม่อาจวางใจได้ ฮุยเฟยไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งปัจจุบันได้ คงอยากจะนั่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากกว่า ไม่อาจลงมือตอนที่ฮองเฮาสูญเสียความโปรดปรานได้หรอก” ซ่านจินจื๋อส่ายหน้า เพิ่มความเร็วรุดหน้าไป “อีกอย่าง ปีนั้นมีคนไม่น้อยต่างคิดจะสังหารองค์ชายของฮุยเฟย เสด็จพี่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ฮุยเฟยองค์นี้ทำเพียงอาศัยอำนาจของตน ลากสนมสองนางลงจากตำแหน่งหลักติดต่อกันได้”
หงเซียวอาศัยอยู่ชายแดนเป็นเวลานาน ได้ยินเช่นนี้ ก็ลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งรู้สึกว่าสตรีวังหลังแต่ละนางไม่ควรปลุกปั่นเลย
ในเมื่อฮุยเฟยไม่มีท่าทีจะควบคุมการเมืองราชสำนัก แล้วเหตุใดถึงมีคนหันหัวหอกพุ่งไปที่นางอีกกันเล่า?
ซ่านจินจื๋อรู้สึกถึงบางอย่างอยู่ไรๆ ทว่าท้ายที่สุดกลับไม่พบปัญหาเลย
……
ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางคุกใต้ดินของชายแดนชางหลาน
ชุดสีขาวของซ่านเซิ่งหานยังคงไม่เปื้อนไรฝุ่น แม้ว่าจะอยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้ก็ยังคงสบายใจในที หากดูอย่างพินิจแล้ว ก็จะเห็นว่าท่ามกลางความมืดมิดนั้นยังมีคนยืนอยู่หลายคน
“ซ่านจินจื๋อเชื่อมั่นกู้อ้าวเวยมากเกินไปแล้ว” ซ่านเซิ่งหานปริปากเอ่ยเสียงทุ้ม ปลายนิ้วจิกลงไปกลางฝ่ามือแน่น จนเกิดเป็นรอยเล็บหลายจุด “ตอนนี้กู้อ้าวเวยตั้งครรภ์อยู่ เขากลับมีแก่ใจสนใจแต่เรื่องชายแดน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดกู้อ้าวเวยถึงได้มอบความจริงใจทั้งหมดให้กับผู้ชายแบบนี้ด้วย”
ผู้ใต้บัญชาที่อยู่ท่ามกลางความมืดรีบเอ่ยคำ “คนของพวกเราจะลงมือในไม่ช้า อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเฉิงซานจะไปทะเลทรายอันไกลโพ้นพันลี้สักเที่ยว ดูเหมือนจะไปซื้อของที่เรียกว่าซีเป่า”
ปลายนิ้วของซ่านเซิ่งหานคลายลงเล็กน้อย กล่าวเสียงต่ำ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ยังไม่เหมาะจะลงมือ ส่งคนล้อมซ่านจินจื๋อเอาไว้ ทางที่ดีให้เขาส่งข่าวออกมาไม่ได้เลยแม้เพียงครึ่งเสี้ยว วันหน้ารอกระทั่งเฉิงซานเอาวัสดุยากลับมาแล้ว ค่อยพากู้อ้าวเวยกลับมา หากนางสูญเสียลูกไป ชีวิตนี้ก็กลัวแต่จะไม่เหลืออยู่แล้วเช่นกัน”
“ท่านหลงใหลพระองค์หญิงท่านนั้นเข้าแล้วจริงๆ” ในน้ำเสียงของผู้ใต้บัญชาเจือความไม่พอใจเล็กน้อย
“นางไม่เหมือนกับสตรีนางอื่นเลย ถึงก่อนหน้านี้ข้าจะรับได้แต่ปาก แต่ดีร้ายก็แลกความเชื่อใจของนางมา ถึงตอนนั้น…” น้ำเสียฃยังไม่ทันสิ้นสุด เสียงฝีเท้าจากระยะไกลพลันลอยเข้ามา
หลายคนท่ามกลางความมืดต่างเงียบกริบลงโดยปริยาย ซ่านเซิ่งหานเองก็ปรับอิริยาบถเป็นนั่งในท่าที่ผ่อนคลาย
ผ่านไปสักพัก ซ่านต้วนเฟิงก็พาคนเดินเข้ามา หยุดอยู่ท่ามกลางกรงขังแห่งนี้ ใต้ตาเต็มไปด้วยความเขียวช้ำ “คิดไม่ถึงว่าท่านพี่จะพักอยู่ที่นี่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว”
“เจ้าเป็นลูกชายของเสด็จพ่อ ตอนนี้กลับสมรู้ร่วมคิดกับกู้เฉิง ช่างเป็นการทรยศครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ” สีหน้าของซ่านเซิ่งหานไม่ได้เย็นชาแบบเมื่อครู่อีกต่อไป หลงเหลือแต่แววเป็นกังวล “ในตอนนี้หากเจ้ากลับลำ ข้าจะโยนเรื่องที่วันนี้ถูกขังเอาไว้เบื้องหลัง และจะไม่ทูลอะไรต่อเสด็จพ่อเลยสักแอะ”