บทที่ 677 เคยมีภัยพิบัติ
หยุนหว่านเสียลูกไปถึงสองคนในคราวเดียวกัน
เฒ่าแก่เอาเรื่องล่าสัตว์บวงสรวงมาอ้างกับพวกชาวบ้านไปทั่ว ว่าคนที่มาจากทางการและคนที่มาจากวังหลวงคือคนที่มาร่วมงานบวงสรวง ทำให้ไม่มีคนสังเกตว่าหญิงสาวท้องแก่จะมาหรือไม่มาร่วมงานบวงสรวงท่ามกลางสายฝน
ฝนพึ่งหยุด ฝนตกลงมาทำให้ทุกที่มีน้ำขัง ผู้ใหญ่บ้านจึงได้เลื่อนการบวงสรวงล่าสัตว์มาจนถึงวันนี้ เพราะเกรงว่าจะมีคนขึ้นเขาไป อีกด้านหนึ่งก็เพื่อให้ได้ต้อนรับดูแลใต้เท้าที่มาจากในเมือง
ส่วนหยุนหว่านที่เดินเข้ามาในห้องก็เจอกับผ้าดำ นางมาถึงช้ากว่าที่คิดเอาไว้สองวัน
กุ่ยเม่ยได้แต่นอนบนเตียงอย่างอดทน ขาข้างหนึ่งถ้าไม่ใช่เพราะอ้ายจือช่วยเอาไว้ทัน บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนอีกแล้ว พอเห็นหยุนหว่านก็ตาแดงทันที “ฮูหยิน……….”
“เรื่องนี้ต้องเป็นแผนการของกองทัพดำแน่” หยุนหว่านเดินมาถึงข้างเตียง ส่วนจื่อเหมิงที่อยู่ด้านหลังเดินไปอีกเตียงหนึ่งท่างเหยียงซานนอนอยู่ เพราะเขาปกป้องพวกยาเลยทำให้ถูกฟันไปสองที ไม่ได้เจ็บหนัก แต่ก็ยังลุกขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงเรียกจื่อเหมิงให้ไปหยิบยามานิดหน่อย
“พอได้รับข้าว พวกเราคิดว่ากองทัพดำจะอยู่นอกเมืองล่ายเสวียน ใครจะไปรู้ว่าระหว่างทางพวกเราจะเจอกับพวกกองทัพดำมาก่อกวน ทำให้พวกเราช้าไปสองวัน จริงๆแล้วพวกเราต้องมาถึงก่อนหน้านี้สองวันแล้ว” จื่อเหมิงพูดขึ้น
พูดจบ ทุกคนต่างพากันคิดว่านี่คือแผนการที่เตรียมมาเอาไว้นานแล้ว
หยุนหว่านยังคงนิ่ง เพราะดูท่าแล้วคนพวกนี้ไม่ได้คิดจะทำร้ายกู้อ้าวเวย เหมือนกัน กู้อ้าวเวยตกอยู่ในมือของคนอื่น นางเป็นแม่ ก็ต้องอยากรู้ว่าเป็นใครกัน
เพราะว่านางมีวิธีทำยาอายุยืน หรือเพราะจะเอาไว้ไปต่อรองกับซ่านจินจื๋อที่ชายแดนแคว้นชางหลาน
มีความเป็นไปได้ว่าเป้าหมายของคนพวกนั้นคือตัวของกู้อ้าวเวยเอง
ในความเงียบ ซ่งหลี่เอ๋อร์ก็เปิดประตูออกแล้วเดินเข้ามา “ฮูหยิน ก่อนที่นางจะถูกจับตัวไปนางทิ้งกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้”
พูดไปนางก็เอากระดาษที่กู้อ้าวเวยเอาใส่มือนางตอนที่กู้อ้าวเวยปกป้องนาง จากนั้นก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแล้วจากไป “นางยังเขียนคำว่า อื่น เอาไว้บนโต๊ะด้วย นอกจากนี้ข้าก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”
พูดจบนางก็เดินออกจากห้องไป เดินตามองครักษ์ไปที่ห้อง ไม่ออกไปไหน
หยุนหว่านนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเปิดกระดาษนั่นออกมาดู
ตอนนั้นที่ฮ่องเต้อำมหิตสร้างตำหนักเทพใช้วิธีเอาชีวิตคนนับพันมาทำให้อายุยืน วิธีนี้บางทีอาจจะใช้ได้
ถ้าจะพูดรายละเอียดของด่านลั่วสุ่ยรวมไปถึงดินแดนแห่งความสุข และสถานที่ที่น้ำมาบรรจบกันใต้ดิน ถ้ามีคนขุด แล้วให้เลือดคนไหลผ่านสถานที่พวกนี้ บางทีอาจจะเป็นเหมือนที่ตำนานกล่าวเอาไว้ก็ได้ หวังว่าหยุนหว่านจะสืบหาความจริงแล้วปกปิดเอาไว้
“เรื่องของฮ่องเต้อำมหิตก็เคยได้ยินมาอยู่ แต่ถ้าเดาเอาแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้” หยุนหว่านทำให้กระดาษในมือฉีกกระจาย “เวยเอ๋อไม่เคยเจอบรรพบุรุษของตระกูลหยุน ตอนนั้นตระกูลจูมีคนแก่สองคนที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยสี่สิบปี พูดเอาไว้ว่าตำหนักเทพจำทำให้สมปรารถนา”
เมื่อครู่กุ่ยเม่ยดูข้อความในกระดาษนี้กับหยุนหว่าน ตอนนี้ได้ยินหยุนหว่านพูดก็ตกใจเล็กน้อย “หนึ่งร้อยสี่สิบปีหรือ”
“แต่ลูกหลานของคนสองคนนั้นล้วนอายุสั้น ถึงแม้จะบอกว่าตระกูลจูคือตระกูลย่อยของตระกูลหยุน แต่ตอนนั้นบรรพบุรุษของตระกูลจูมาจากแคง้นชางหลาน ถ้าเวยเอ๋อคิดแบบนี้ ข้าสงสัยว่าสองคนนั้นคือลูกหลานของฮ่องเต้อำมหิต นับเวลาแล้วพอเหมาะพอดี” หยุนหว่านพูดขึ้นอย่างจริงจัง “นางเอากระดาษแผ่นนี้ให้ข้า คงเพราะคิดว่าคนพวกนั้นมาด้วยเรื่องอายุยืน แต่ก็เขียนคำว่าอื่น ดูถ้าคนพวกนี้คงไม่ใช่คนของกู้เฉิง”
จื่อเหมิงขมวดคิ้วเดินเข้ามาใกล้นาง ยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ ขอแค่พวกเขาเดินเข้ามาในเขตของแคว้นเอ่อตานแม้แต่ก้าวเดียวข้าก็รู้ร่องรอยของพวกเขาทันที”
“เป็นเช่นนั้นแล” สายตาของหยุนหว่านเย็นลง “นอกจากนั้น ส่งคนไปหาลูกหลานของตระกูลจูแล้วหาที่ให้พวกเขาอยู่ สุดท้ายพาพี่น้องตระกูลจูมาถ้าเวยเอ๋อเดาเอาไว้ไม่ผิด ตอนนั้นที่ตระกูลจูเป็นศัตรูกับตระกูลหยุนบางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้พวกเรารู้”
“ใช่” จื่อเหมิงพยักหน้าแล้วเดินจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนหว่านยักคิ้วแล้วตบไปที่ตัวของกุ่ยเม่ยเบาๆ ในปากสั่งคน “ไปบอกฉูหลี่ ลูกสาวคนเดียวของเขาถูกคนจับตัวไป ถ้ารู้ข่าวแล้วให้เขาไปตามหากลับมาเอง เรื่องหลังจากนั้นก็ให้เขาเป็นคนจัดการเอง”
ผิงชวนที่อยู่ข้างนอกพยักหน้า พัดในมือหุบลง “ถ้าฝ่าบาทถามถึงแคว้นชางหลานล่ะ”
“งั้นก็แล้วแต่เขา ยังไงเสียข้าก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ จำไว้พาอ้ายจือไปด้วย ข้าดูแล้วแม่นางคนนั้นคงมีประโยชน์กับฉูหลี่” หยุนหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ผิงชวนกลับขมวดคิ้วไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดเรื่องอีกมากน้อยแค่ไหน แต่ก็เอาเป็นว่าเป็นเพราะความมั่นใจของนายท่านแล้วกัน เก็บพัดแล้วก็หายวับไปไม่เห็นเงา
ควันในกระถางธูปโชยไปมา กุ่ยเม่ยเห็นว่าหยุนหว่านและกู้อ้าวเวยมีความคล้ายคลึงกัน
หยุนหว่านว้าวุ่นใจ แต่ก็แสดงออกมาแค่ที่แววตา ส่วนน้ำเสียงที่พูดสั่งการกลับชัดเจนหนักแน่นไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ฮูหยิน……….”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน รอให้เวยเอ๋อกลับมา ข้าจะสั่งสอนความมั่นใจนี้ของนางเอง แล้วไปดูสิว่าซ่านจินจื๋อดูแลลูกสาวข้ายังไง” นางใกล้จะร้องไห้แล้ว
…………
ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นยา
ข้างๆมีหญิงสาวที่สวมชุดดำเดินตาม กู้อ้าวเวยทำได้แค่นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วให้คนอื่นตำยา ตนเองหาหนังสือเกี่ยวกับเซียนผีมามากมาย
ตอนนี้นางเสียใจที่ตอนนั้นอยู่ที่เมืองเทียนเหยียนไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ
ไม่ว่าจะทุกเมืองทุกประเทศ คนพูดหนังสือไม่เพียงแต่พูดถึงเรื่องที่แปลกประหลาด นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ของคนโบราณอีกมากมายที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะมีคำพูดที่พูดได้เกินจริงไปหน่อย แต่ในนั้นก็มีพูดถึง หลายพันปีก่อน ที่มีดาวมากมายตกลงมาทำให้เกิดไฟไหม้ หลังจากนั้นในหนังสือก็เขียนถึงเซียนเทพน้อยลง แต่พูดถึงอัศวินผู้กล้าที่เกิดขึ้นในยุทธภพมากขึ้น
มีคนเรียนบินได้ นอกจากนี้ยังมีคนฝึกกำลังภายในและอื่นๆอีก
“ถ้าในหนังสือพูดเอาไว้ไม่ผิดพลาดดาวตกเมื่อหลายพันปีก่อนบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ใช่คนอีกแล้ว” เกรงว่าคงมีผลถึงร่างกายข้างในของพวกเขา หรืออาจจะเพราะภัยพิบัติในตอนนั้นทำให้ลามไปที่ดินหญ้าพืชผัก ถึงทำให้เกิดหญ้าแบบนี้ นี่มันไม่เหมือนกับที่นางรู้
หญิงสาวชุดดำทั้งสองคนมองดูนางด้วยความแปลกใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทล้อเล่นแล้ว”
“ข้าไม่ได้พูดเล่นนะ หลังจากภัยพิบัติในตอนนั้น ผู้คนมีความเจริญรุ่งเรืองฝึกวรยุทธ มาถึงวันนี้ทุกคนสามารถฝึกวรยุทธได้ และยังสามารถเหาะบินได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถฝึกกำลังภายในให้ยกของที่หนักได้ ข้าพูดถูกไหม” กู้อ้าววเวยถือม้วนหนังสือแล้วลุกขึ้นยืน มองดูหญิงสาวตรงหน้า แววตายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ามีการเปลี่ยนแปลง สำหรับพวกเจ้าแล้ววิธีทำให้อายุยืนก็ดีหรือจริยธรรมก็เถอะมันแตกต่างจากพวกเจ้า”