บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 682

ตอนที่ 682

บทที่ 682 ทุ่งหญ้าภูเขาที่พบโดยบังเอิญ

สถานที่ลับที่หงเซียวค้นพบเป็นภูเขาเร้นลับลูกหนึ่ง  

ตอนที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อก่อนหน้าไม่นานมานี้มีคนอยู่ที่นี่มาก่อน และคงจะอยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาระยะหนึ่ง

มีเพียงห้องขนาดเล็กเท่ากับเตียงหนึ่งเตียงที่ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และใบไม้ บนภูเขาแห่งนี้มีห้องเล็ก ๆแบบนี้อยู่เกือบสิบหลัง ในขณะเดียวกันมันก็เปียกชื้นเกินจะทนได้ แต่ในยามกลางคืน ห้องเล็ก ๆเหล่านี้กลับสามารถจะช่วยชีวิตเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับความหนาวเหน็บบนภูเขาหรือจะเป็นการหลบซ่อนตัวจากสัตว์ร้ายหรือแม้แต่การไล่ล่าของทหารก็ตาม

ซ่านจินจื๋อเดินไปยังประตูของห้องห้องหนึ่ง เปิดประตูที่สูงเพียงครึ่งหนึ่งของตัวคนออก ยังสามารถมองเห็นสัมภาระเล็ก ๆที่ถูกทิ้งเอาไว้ด้านใน มีคนเคยมากินอาหารแห้งจำนวนมากที่นี่ และยังมีถุงใส่น้ำใบหนึ่งที่ถูกยิงด้วยธนูขนนก และยังมีเสื้อผ้าอีกสองสามชิ้นที่ถูกเกี่ยวตกอยู่

หงเซียวกำลังติดตั้งกับดักอยู่ไม่ไกล มองเห็นสิ่งของที่อยู่ในมือของซ่านจินจื๋อ ก็ได้ตกใจเล็กน้อย “ห้องที่นี่พวกข้าเป็นคนสร้างไว้ นอกจากพวกข้าแล้วไม่มีใครรู้จักที่แห่งนี้เลย”

“ไม่แน่อาจจะมีคนหลงเข้ามา” ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนที่อยู่ข้างกายก็พูดขึ้น “ใต้เท้า ก่อนหน้านี้ข้าได้พบกับพวกเขาจำนวนไม่น้อยเมื่อเร็วๆนี้ล้วนกำลังตามฆ่าคนกลุ่มเดียวกัน หัวหน้าของกลุ่มนั้นเป็นคู่พี่ชายน้องสาวคู่หนึ่งที่ดูอายุยังไม่มาก ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าส่งคนไปสืบข่าวดู ดูเหมือนว่าจะเห็นพวกเขาเคยเข้ามา”

“เจ้าไม่ได้สกัดกั้นพวกเขาไว้หรือ” หงเซียวลุกขึ้นยืนตรง งอตัวลงด้วยความหอบ

“ตอนนั้นพวกข้าที่ตามสืบข่าวมีเพียงแค่สองคน พวกเขามีดูแล้วมีอยู่ประมาณห้าหกคน จึงไม่ได้มีการหาเรื่อง แต่ในวันนั้นมีฝนตก ดังนั้นสายลับจึงไม่ได้เข้ามา” ชายคนนั้นตบฝุ่นที่มือ แล้วพูดเสียงดัง “ขอแค่คนพวกนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราก็ใช้ได้แล้ว”

หงเซียวตำหนิเขาออกไปอย่างรุนแรง ชี้ไปยังจมูกเขาเพื่อสั่งสอน ให้เขารู้จักระแวดระวังภัยให้กับผู้อื่น

ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย เพียงแต่ให้ทุกคนคอยระวังรอบด้านในยามวิกาล เพื่อป้องกันไม่ให้พี่ชายน้องสาวคู่นั้นพาคนกลับมาอีก พวกเขาถูกกองทัพดำไล่ล่าอยู่หลายครั้ง ทำให้เหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้มีกำลังเหลือมากพอจะไปจัดการกับเรื่องวุ่นวายมากมายได้

จนกระทั่งหงเซียวกลับมาจากการอบรมผู้ใต้บังคับบัญชา ซ่านจินจื๋อกำลังถูกสร้อยข้อมือไม้ในมือ พูดด้วยเสียงต่ำ “ติดต่อกับภายนอกได้หรือยัง” 

หงเซียวถึงกับสำลัก ลังเลอยู่นานก่อนจะพยักหน้า “กองทัพดำพวกนั้นดูเหมือนว่าจะบีบเราให้อยู่ในมุมอับ และก็ยังไม่รู้ว่าส่งคนมาจำนวนกี่คน แม้แต่ข่าวของพวกเราก็ไม่สามารถส่งออกไปได้เลย”

“ข้าเป็นห่วงเวยเอ๋อมาก” ซ่านจินจื๋อกระชับสร้อยข้อมือไม้ในมือไว้แน่น “ถ้าพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเรารู้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับชายแดนก็ดูจะสมเหตุสมผล แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังสามารถจะสืบหาข่าวจากที่อื่นได้ กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแคว้นเอ่อตานเลย ตอนนี้แม้แต่ข่าวคราวก็ไม่ถูกส่งกลับมา”

“แต่ตอนนี้เราไม่มีทางกลับไปได้แล้ว” หงเซียวนั่งลงข้างซ่านจินจื๋อ “ท่านอ๋อง ไม่กี่วันมานี้พวกข้าเห็นได้ชัดว่าได้เตรียมพร้อมที่จะหันหลังกลับ แต่กลับต้องสูญเสียพี่น้องไปสองคน พวกเขามุ่งมั่นที่จะดักเราไว้ที่ชายแดน” 

“อย่างนั้นหากว่า….” แววตาของซ่านจินจื๋อแหลมคมชัดขึ้นมา ไม่กี่วันมานี้เขาถูกคนกดดันจนแทบจะสติหลุดระเบิดจากกรอบ ในน้ำเสียงแฝงด้วยความโหดร้าย “ฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องการให้พวกเรากลับไปแคว้นชางหลานและแคว้นเอ่อตานอย่างนั้นหรือ”

“ทั้งสองแห่งมีอะไรแตกต่างกันหรือ” หงเซียวลูบหัวตนเอง รู้สึกงงไม่รู้อะไรเลย  

“ความแตกต่างก็อยู่ตรงที่ เป้าหมายแรกเป็นของข้า อีกเป้าหมายหนึ่งคือเวยเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อกระชับสร้อยข้อมือไม้ในมือแน่น “ฝึกฝนมาสองวัน พรุ่งนี้พวกเราจะกลับแคว้นเอ่อตาน”

“อย่างนั้นชายแดนแคว้นชางหลาน…..”  

“ให้พวกเขาติดต่อใต้เท้าของเมืองเยว่ซานและอีกสองแห่ง ให้ทหารทั้งหมดไปยังชายแดนเพื่อทำการปราบปราม เอกสารที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้และตราประทับของข้าคงจะอยู่ที่นั่นแล้ว” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยเสียงต่ำ นำสร้อยข้อมือไม้นั้นกลับไปไว้ในฝ่ามือ “ไม่ว่าใครก็ตามต้องการจะยึดชายแดน ข้าไม่สนใจต้องกำจัดให้หมดในคราวเดียว”

หงเซียวค่อยๆเปิดปากเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้เรื่องการกำจัดไม่ใช่ท่านบอกว่า…..”

“นั่นมันก่อนหน้านี้ ข้าจะเลื่อนขึ้นก่อนกำหนด” ซ่านจินจื๋อรู้สึกถึงสร้อยข้อมือในมือ ดวงตาเย็นชา “แคว้นชางหลานนิ่งสงบมานานเกินไป ภายในเหมือนกับมีตัวมอดคอยเจาะชอนไช ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีคนที่พยายามจะควบคุมชายแดน ต่อให้ข้าจะกำจัดกวาดล้างจริง ภายหน้าก็ไม่มีใครกล้าจะฟ้องร้องข้า สิ่งที่ข้าได้ทำมันชอบธรรมแล้ว”

หงเซียวไม่กล้าจะพูดอะไร พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง ข้าก็จะทำไปตามแผนด้วย ในตอนที่ท่านไม่อยู่จะใช้กำลังทหารจากสามกองกำลัง ทุกอย่างจะรอจนกว่าท่านจะกลับมาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ ด้านของฮ่องเต้นั้น…..”

“ต้องขอบคุณเวยเอ๋อ ตอนนี้ความเชื่อใจระหว่างข้ากับฮ่องเต้เหลือน้อยมาก” ซ่านจินจื๋อยกมุมปากของเขา

หงเซียวตัดสินใจที่จะไม่สนทนาต่อ เริ่มจะชื่นชอบองค์ชายที่ไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่แรกเริ่ม ตอนนี้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินจากท่านอ๋อง

เพราะอะไรท่านอ๋องถึงได้เอ่ยชื่อผู้หญิงคนหนึ่งออกจากปากได้ทุกวัน

เขาส่ายหัว กลับเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเล็ก ๆของเขาเอง เตรียมตัวที่จะนอน

แต่จนกระทั่งถึงเย็นวันนั้น ทุกคนต่างต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้าอันรวดเร็วของคนกลุ่มหนึ่งที่ดังเข้ามา  

เสียงนั้นดูเร่งรีบและไร้ระเบียบ ไม่น่าจะใช่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ฝีเท้าก้าวเบา น่าจะเป็นคนในยุทธภพ

ซ่านจินจื๋อเปิดประตูอย่างเงียบๆในความมืด ทุกคนข้างกายล้วนแต่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีซ่อนตัวอยู่หลังหีบ และเก็บซ่อนลมหายใจ 

“พี่! เจ้าไปเถอะ ปล่อยพวกเราไว้” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้น  

“หุบปาก!” เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงลาก ได้ยินชัดเป็นพิเศษภายใต้ความมืดมิด

แสงไฟบนเนินสูงผ่านทะลุการอำพรางของเหล่าเถาวัลย์เหล่านี้ คนที่เป็นหัวหน้ายังคงแต่งกายด้วยชุดดำทั้งร่าง ใต้ร่างกายของพวกเขาไม่มีม้าสักตัวเดียว เพียงแค่มองไปยังพวกเขาพร้อมอาวุธ “ที่แท้พวกเจ้าก็มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”

คำพูดของคนนั้นแฝงไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม 

“สิ่งของที่พวกเจ้าต้องการ ตอนนี้พวกข้าได้ทำลายไปหมดแล้ว” เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้กลับได้ยินเสียงหายใจที่ไม่สม่ำเสมอของนาง

ซ่านจินจื๋อรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ในไม่ช้ามีดที่เอาก็ตกมาอยู่ในมือทั้งสองข้าง โยนมันขึ้น แล้วจับเข้าไว้ในฝ่ามือ ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นความเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจน ทุกคนล้วนแต่กลั้นหายใจและหยิบอาวุธออกมา

“ถ้าหากว่าสิ่งของพวกนั้นอยู่ในมือของพวกเจ้าก็ดีเลย” ผู้นำของกองทัพดำได้หัวเราะขึ้นอย่างชอบใจ กองทัพดำที่อยู่ด้านหลังก็กระโดดลงมาตามทางลาดชัน มีใครบางคนพูดเสียงดังขึ้น “ถ้าจะตำหนิ พวกเจ้าต้องตำหนิของที่หัวหน้าครอบครัวของพวกเจ้าตกทอดต่อกันมาดีกว่านะ!”

คนที่อยู่เบื้องล่างจำนวนหนึ่งรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา  

ผู้หญิงคนนั้นผลักพี่ชายของนางออกไป แส้ยาวในมือของนางกระแทกลงบนพื้นเสียงดัง “พี่ชาย เอาของนั่นออกไปด้วย จะต้องนำไปส่งให้ถึงมือของฮูหยินคนนั้นให้ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งของที่พวกเราจะโลภเอาไว้ได้”

ดาบอันยาวได้วางทาบลงบนด้ามแส้ของนาง ผู้หญิงคนนั้นถอยไปด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นได้ชัดว่าขานั้นมีเลือดออกจนแทบจะรับไม่ไหว

ได้ยินเสียงดังแหวกมาในอากาศ ผู้หญิงคนนั้นเห็นเพียงลูกดอกที่พุ่งไปในอากาศ แต่กลับเห็นแสงสีเงินได้ไม่ชัดเจน

ลูกดอกตกลงบนมือของเขา ซ่านจินจื๋อก็ได้เดินไปข้างกายนางแล้ว เก็บมีดพกในมือไว้ในฝักอย่างแน่นหนา พูดเบาๆไปหนึ่งประโยค

“อย่าปล่อยเอาไว้แม้แต่คนเดียว ฆ่าให้หมด” 

เงาดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากด้านหลังต้นไม้ ภายใต้แสงสว่างของพระจันทร์ เลือดอุ่นๆเหล่านี้โชยไปในอากาศ แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มีเหลือ ซ่านจินจื๋อหันไปมองสองพี่น้องตระกูลจูที่อยู่เบื้องหน้าเขา “กองทัพดำตามพวกเจ้าด้วยเหตุผลอะไร”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท