บทที่ 684 เดาถูก
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งป่าเขา
จูเย่นเพิ่งจะพันแผลที่บาดแผลให้กับจูเซ ซ่านจินจื๋อก็ได้นำคนไปสังหารกลุ่มกองทัพดำกลุ่มนี้ มีดสั้นทั้งสองเล่มที่อยู่ในมือยังคงมีเลือดและเนื้อติดอยู่ เลือดที่ติดเป็นสนิมยากที่จะทำความสะอาดด้วยใบไม้ได้
หงเซียวที่อยู่ด้านหลังได้แทงทะลุลำคอของคนสุดท้าย ใบหน้าครึ่งหนึ่งเปื้อนเลือด แต่กลับเดินไปด้านข้างของซ่านจินจื๋อด้วยความเคารพ “ท่านอ๋อง ไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว”
“กองทัพดำกลุ่มนี้เป็นผู้รู้หนักเบา” ซ่านจินจื๋อรู้สึกหงุดหงิดและโยนมีดสั้นที่ยากจะทำความสะอาดให้กับหงเซียว
คนพวกนี้กับกองทัพดำที่พวกเขาเคยพบก่อนหน้านี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
กองทัพดำพวกนี้ไม่เพียงแต่ช่างพูดแต่อย่างตอบสนองช้าอีกด้วย ดูแล้วไม่เป็นระเบียบเหมือนกองทัพก่อนหน้านี้ ตรงกันข้ามกลับดูเหมือนกลุ่มโจรม้าที่ถูกฝึกไว้ชั่วคราว
ท้ายที่สุดพวกเขาไม่กี่สิบคนก็สามารถสังหารพวกเขาจำนวนสามสิบกว่าคนได้อย่างราบคาบ
หงเซียวเปิดปากของคนคนหนึ่งออก มองไปยังฟันด้านในของเขา แต่กลับไม่พบพิษใด ๆ ยกมุมปากขึ้นทันที “ท่านอ๋อง พวกเขาไม่ใช่ทหารหน่วยกล้าตาย ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดว่าใช้คนพวกนี้มาจัดการกับพี่ชายน้องสาวคู่นี้กับพวกคนในเผ่าเขาก็เหลือเฟือแล้ว”
“อื้ม” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าเบาๆ เดินไปด้านหน้าของจูเย่นด้วยสีหน้าเย็นชา “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“พวกเราเพียงจะเตรียมตัวเดินทางไปแคว้นเอ่อตาน ถูกโจมตีกลางทาง ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ต้องเจอกับกลุ่มคนชุดดำ” จูเย่นปาดเหงื่อออกจากใบหน้าของเขา โค้งตัวแล้วดึงตัวจูเซลุกขึ้นมา เอาแส้ยาวของนางออกไป แล้วนำมาผูกไว้กับเอวของนาง
มีเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดดังออกมาจากลำคอของจูเซ แล้วพูดต่อไปอีก “ไม่เพียงแค่นั้น พวกเราก็รู้เช่นกันว่าสิ่งของที่พวกเขาต้องการคืออะไร”
ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ก่อนหน้านี้ตอนนี้กำลังตื่นตระหนก แม้แต่พลังความกล้าหาญเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็ยังถูกทำลายไป
“คืออะไรหรือ เมื่อกี้นี้ที่พวกเจ้าบอกว่าจะต้องส่งไปยังมือของฮูหยิน หมายถึงใครหรือ” หงเซียวรีบเดินเข้ามา ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำความสะอาดเก็บกวาดสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ พยายามที่จะไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งของภูเขาแห่งนี้
แต่ในเวลานี้สองพี่น้องกลับขมวดคิ้วแน่น ไม่ยอมบอกว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเจ้าถึงไม่ยอมพูด แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ของพวกเรา พวกข้าจะโยนพวกเจ้าออกไปตนไหนก็ได้ สัตว์ร้ายในป่าบางทีอาจจะชอบเนื้อผอมโซแบบพวกเจ้าก็ได้” หงเซียวถูจมูกและกระทืบเท้า เหมือนจะหมดความอดทน
จูเซจ้องมองชายที่ไร้มารยาทอย่างไม่พอใจ ในขณะเวลาที่เกี่ยวเนื่องกันพี่ชายก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน “ตามจริงก่อนที่พ่อของพวกเราจะจากไปได้บอกพวกเราไว้ถึงสิ่งของชิ้นหนึ่ง เป็นเพียงม้วนหนังแกะม้วนหนึ่ง ตอนที่พวกเราถูกไล่ฆ่าระหว่างทางจึงได้รู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือม้วนหนังแกะ”
“ให้เวยเอ๋อหรือเปล่า” ซ่านจินจื๋อถามออกมา
“แน่นอนว่าข้าต้องการนำไปมอบให้ถึงมือนางด้วยตนเอง ของสิ่งนี้หากพวกเรายังถือไว้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องประสบกับหายนะแค่ไหน พ่อของเราใช้เวลาทั้งชีวิตกับเรื่องนี้ ข้าไม่ต้องการมัน” จูเซคว่ำปาก เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนว่าจะคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง เลิกคิ้วขึ้น “ไม่สิ ข้าจำได้ว่าเคยได้ยินข่าวลือว่าหลุมฝังศพบรรพชนตระกูลหยุนถูกฟ้าผ่าใช่หรือไม่ ตอนนี้ก็ยังมีข่าวลือว่าค้นพบเถาวัลย์เลือดที่เป็นอมตะอะไรนั่น เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นข่าวที่กู้อ้าวเวยสร้างขึ้นหรือไม่”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้าเบาๆ “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับม้วนหนังแกะ”
“อย่างนั้นนางก็ตกอยู่ในอันตรายสิ!” จูเซส่งเสียงอย่างผิดปกติขึ้นมา กระโดดออกไปด้านหน้าของซ่านจินจื๋อ หงเซียวจำได้ว่าซ่านจินจื๋อไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาแตะต้องเขา จึงรีบก้าวออกมาหนึ่งก้าวเพื่อขัดขวางจูเซ กลับได้ยินนางพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่มีอะไรเปรียบได้ “ตอนที่พ่อของข้าตาย คนของกู้เฉิงนำม้วนหนังแกะครึ่งหนึ่งไป ในมือของพวกเราจึงมีเพียงครึ่งเดียว!”
“พวกเขาตามล่าเพื่อเอาอีกครึ่งหนึ่งในมือของพวกเจ้า” หงเซียวรู้สึกอธิบายไม่ถูก
“แต่สิ่งของที่หลุมฝังศพบรรพชนตระกูลหยุนของพวกกู้อ้าวเวยนั้นเป็นกุญแจสำคัญของทุกอย่าง อีกทั้ง แม้ว่าเถาวัลย์เลือดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่เรื่องนี้ก็สามารถที่จะทำให้เดาได้ส่วนหนึ่ง ถ้าหากกู้เฉิงรู้ว่าเรื่องนี้มาจากกู้อ้าวเวย เขาต้องชิงตัวกู้อ้าวเวยไปแน่นอน!” จูเซได้ผลักศีรษะที่เกะกะของหงเซียวออกไป “บนม้วนหนังแกะ ทรราชนั่นได้สร้างศาลเทพเจ้าขึ้นเพื่อความเป็นอมตะ มีสระน้ำลึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วก็นำไม้ศักดิ์สิทธิ์ท่อนหนึ่งใส่ลงไปในน้ำ รอจนกระทั่งน้ำสีแดงเปื้อนไม้ศักดิ์สิทธิ์”
“ไม้ศักดิ์สิทธิ์นี่คืออะไร” หงเซียวกลืนน้ำลาย ที่พูดมานี้ มันเหมือนกับเรื่องราวของเถาวัลย์เลือดจริง ๆ
“มันคือท่อนหนึ่งของซี่โครงที่เป็นอมตะ จะต้องถูกย้อมเป็นสีแดง และหนังแกะม้วนในมือก็บอกไว้ว่า ของที่เป็นสีแดงนี้ จะต้องใช้เลือดมนุษย์” พูดถึงตรงนี้จูเซก็ไอขึ้นอย่างรุนแรง สีหน้าที่มองไปยังซ่านจินจื๋อที่เริ่มดูแย่ลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็พูดต่อไป “แต่ในม้วนหนังแกะยังกล่าวว่า ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องจริง อีกครึ่งเป็นเรื่องไม่จริง แต่หากว่ากู้เฉิงเกิดเชื่อขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาไม่มีทางปล่อยคนที่อยู่ใกล้ความจริงอย่างกู้อ้าวเวยแน่นอน”
ไม่มีหลักการข้อบัญญัติใดบนโลกที่ไร้เหตุผล
เถาวัลย์เลือดที่กู้อ้าวเวยพูดถึงจะต้องมีบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ต้องมีการเชื่อมต่ออย่างละเอียดรอบคอบ
ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่น “คราวหน้าข้าจะไม่ปล่อยให้นางมาเพ่นพ่านพูดจาไร้สาระแล้ว”
“ใช่….” หงเซียวหัวเราะแห้งออกมา “องค์หญิงผู้นี้คาดเดาได้แม่นยำเกินไปแล้ว”
“สิ่งที่นางทำและพูดส่วนใหญ่จะต้องมีหลักฐาน น้อยมากที่จะเป็นเรื่องโคมลอย” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หากคิดให้รอบคอบ ตอนนั้นกู้อ้าวเวยคงเดาได้ว่าจะมีอายุยืนยาวขนาดไหน
และจูเซไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตำแหน่งแม่แต่น้อย คิดว่าสิ่งที่เรียกว่ากุญแจสำคัญนี้ คงจะเป็นฮวงจุ้ยของแผ่นป้ายหินที่บรรพชนตระกูลหยุนเหลือทิ้งไว้ ไม่เพียงแต่ทำตามประเด็นขั้นต้นได้ แต่ยังต้องค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนได้
“พวกเจ้าเอาม้วนหนังแกะที่เหลืออีกครึ่งไปไว้ที่ไหน” ซ่านจินจื๋อเอ่ยปาก
จูเซยังไม่ได้พูดอะไร จูเย่นที่อยู่ด้านหลังปิดปากนางไว้แล้วลากมาไว้ข้างกาย “พวกเราต้องนำไปให้ถึงมือของหยุนหว่านหรือกู้อ้าวเวยเท่านั้น ไม่นับรวมคนอื่น”
“ท่านอ๋องของพวกเรากับองค์หญิงผู้นั้นล้วนเป็น….”
หงเซียวมองไปยังแขนที่เหยียดขวางของซ่านจินจื๋ออย่างประหลาดใจ แล้วจึงหุบปาก
“ตอนนี้ เรียกทุกคนกลับเข้าเมืองก่อน รอให้จุดควันหมาป่า(ควันที่จุดแล้วแจ้งว่าตกอยุ่อันตรายแล้วในสมัยโบราณ)ที่แคว้นเอ่อตานเคยมอบให้เพื่อความช่วยเหลือก่อน แจ้งข่าวว่าตอนนั้นอ๋องจิ้งถูกคนไล่ล่า ตอนนี้แคว้นเอ่อตานเข้าช่วยเหลือแล้ว ยังต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ” ซ่านจินจื๋อยกมือและพูดขึ้น “ข้าสามารถจะเอาสิ่งของไปให้เวยเอ๋อกับมือได้”
“ท่านอ๋อง!” หงเซียวส่งเสียงเรียกอย่างประหลาดใจ “ถ้าท่านจะดื้อกลับไปแคว้นชางหลานด้วยวิธีนี้ จะมีอีกหลายคนที่จะกล่าวหาท่านว่าร่วมมือกับต่างชาติเพื่อชิงบัลลังก์ฮ่องเต้ แม้ว่าฮ่องเต้จะเชื่อใจท่าน แต่พวกข้าขุนนางพวกนั้น…..”
“ไม่ใช่แบบนี้ ก็แค่บอกว่ายังไม่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะถูกส่งกลับไป” ซ่านจินจื๋อส่งสายตาเย็นชา “ร่างกายเวยเอ๋อไม่ค่อยดี ไม่สามารถจะรองรับเรื่องคุกคามอะไรอีก”
หงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า “ทำตามคำสั่งท่านอ๋อง กลับแคว้นเอ่อตาน แจ้งให้ราชวงศ์เอ่อตานช่วยเหลือ ทุกคนเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม พบเห็นกองทัพดำจัดการอย่าให้เหลือ!