บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 699

ตอนที่ 699

บทที่ 699 กำลังจะคลอด

แม้ว่าฤดูร้อนจะร้อน แต่ก็มีฝนตกชุก

ซ่านจินจื๋อพากลุ่มคนรอบตัวไปนั่งอยู่ที่นั่งใกล้โรงเตี๊ยม ไม่ระบุตัวตนและไม่มีใครรู้จัก นอกเหนือจากการจัดการรายงานทุกวันแล้ว ยังต้องใช้ประโยชน์จากเวลากลางคืนเพื่อใช้วิชาตัวเบาออกจากกำแพงไปดูกู้อ้าวเวยในตำหนักก่อนที่เขาจะหลับลงอย่างเต็มใจได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หงเซียวจ้องไปที่รอยดำคล้ำใต้ตาของซ่านจินจื๋อ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้น “ฝ่าบาทท่านนั้นใกล้จะคลอดแล้ว แม้ว่าจะนอนหลับไม่สนิททุกคืน ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา”

“แต่ข้าไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนข้างกายได้” ซ่านจินจื๋อวางจดหมายที่อยู่ในมือลง กดคิ้วด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเหนื่อยล้า “ไม่แน่ข้าอาจจะไปแย่งชิงบัลลังก์ จัดการซ่านเซิ่งหานทิ้งซะ ก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้”

“ตอนนี้ก็ยังไม่สาย” หงเซียวรีบพูด

“นางไม่เคยเป็นนกที่อยู่ในกรง และก็ไม่ชอบการแกร่งแย่งแย่งชิงกันในราชสำนัก” ซ่านจินจื๋อส่ายหัวไปมาด้วยใบหน้าที่สงบ “ข้ากังวลแค่ว่าตอนนี้นางจะพยุงร่างกายได้หรือเปล่า หากเป็นไปได้ รอตอนที่นางพักฟื้นร่างกาย ข้าก็จะเดินทางไปรอบโลกด้วยกันกับนาง เป็นการพักร้อนในที่ห่างไกลก็ไม่เลว”

ในทางตรงกันข้ามหงเซียวและผู้ใต้บังคับบัญชารอบตัวเขารู้สึกปลื้มปีติยินดี

หากแคว้นชางหลานไม่มีเจ้านายอย่างอ๋องจิ้งที่มีอำนาจสูงเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นวันเวลาที่พวกเขาผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดก็จะปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ซ่านจินจื๋อก็ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องรอบด้านในทุกวัน ก็สามารถอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกับคนที่เขารักได้ตลอด

สำหรับพวกเขาที่เดินอยู่บนปลายมีด แค่นี้ก็หรูพอแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดเรื่องนี้ คนรับใช้เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมก็กระแทกประตูและตะโกนว่า “กระท่อมเล็กที่อยู่ข้างตำหนักมาบอกท่านว่า ฮูหยินของท่านกำลังจะคลอดแล้ว”

ทันทีที่เสียงดังขึ้น ประตูตรงหน้าของคนรับใช้เสี่ยวเอ้อก็ถูกเปิดออก และเมื่อนั่งลงที่พื้นก็เห็นเพียงภาพด้านหลังของชายคนนั้น

หงเซียวตามขึ้นไปอย่างเร่งรีบ ยังสั่งการให้คนรอบข้างแก้ปัญหาที่นี่

คนรับใช้เสี่ยวเอ้อยืดหมวกของเขาให้ตรงและลุกขึ้นพึมพำ “ฮูหยินบ้านตัวเองกำลังจะคลอด ยังจะมาอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมด้านนอก แล้วจะมารีบร้อนตอนนี้ทำอะไร”

ฝนเทลงมานอกหน้าต่าง ซ่านจินจื๋อกลับถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตู เนื่องจากฝนตกหนักจึงไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าทหารสองนายที่เฝ้าประตูจะสวมเสื้อผ้าของคนรับใช้ในบ้านก็ตาม กระบองยาวในมือของเขาพาดอยู่ตรงหน้าซ่านจินจื๋อ พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการของฝ่าบาท โปรดอย่าบุกเข้าไปโดยพลการ”

“ฝ่าบาทโหดร้ายเกินไปแล้ว นางให้กำเนิดนั่นยังไงก็คือลูกของเจ้านายบ้านข้า” หงเซียวพุ่งขึ้นไปด้านหน้าด้วยความไม่พอใจ ยกทหารขึ้นอย่างง่ายดายด้วยตาที่แดงก่ำ

เท้าหลังอยู่เหนือพื้น แต่ความแน่วแน่ในดวงตาคู่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว “ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของฝ่าบาท พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้ามาในประตูนี้อีก องค์หญิงเอ่อตานของข้าไม่เคยยอมจำนนต่อผู้อื่นนับประสาอะไรกับอันตราย เจ้าคิดว่าในสายตาของพวกข้าชาวแคว้นเอ่อตาน เจ้านายของพวกเจ้าถือได้ว่าเทียบไม่ได้กับฝ่าบาทเลย”

ในคำพูดนี้แฝงไว้ด้วยความรำคาญครึ่งหนึ่งอยู่ในนั้น

ในใจของประชาชนชาวแคว้นเอ่อตาน ราชวงศ์ทำงานหนักเพื่อพวกเขา แม้แต่ของตกแต่งในวังก็มีขนาดเล็กที่สุดในหลายๆ แคว้น ไม่มีแท่นบูชาและกำแพงสีแดง มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่เคยเห็นจักรพรรดิและเจ้าชายทุกพระองค์ ฮ่องเต้ทุกสมัยต้องไปทุกที่เพื่อสัมผัสประสงการณ์แล้วค่อยกลับมา สามีคนเดียวภรรยาคนเดียวก็มีเยอะมาก

แต่ตอนนี้เจ้าหญิงที่ควรจะได้รับความรักอย่างสุดซึ้งตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย อันตรายที่ผ่านมากลับมอบให้แก่เทพแห่งสงครามที่หน้าตาเย็นชากับแคว้นอื่นอย่างจริงใจ จะไม่ให้พวกเขาไม่สบายใจได้อย่างไร

หงเซียวยังอยากจะลงมือ ซ่านจินจื๋อลากเขาเอาไว้ด้านหลัง

“ไม่ใช่เพราะนางโหดร้าย แต่เป็นเพราะข้าติดหนี้นาง” ซ่านจินจื๋อพูดอยู่ และมีเลือดออกจากหมัดที่กำแน่น หดหู่อยู่นานก่อนที่จะพูดเบาๆ ว่า “ข้าไม่เข้าไปก็ได้ แต่หากข้างในมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ข้าจะบุกเข้าไปอย่างไม่คิดอะไรเลย”

ทหารทั้งสองเริ่มไม่พอใจมากขึ้น แต่ก็หยุดพูด

และในลานบ้านหมอตำแยที่เก่งที่สุดสองคนในเมืองกำลังสั่งให้ผู้คนวิ่งเข้าออก หยุนหว่านที่เตรียมใบสั่งยาก็อยู่ในบ้านเช่นกัน ด้านหนึ่งต้องให้ยานางให้ทันเวลา และอีกด้านหนึ่งยิ่งต้องสั่งการหมอตำแยสองคนนี้

กู้อ้าวเวยนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเหงื่อที่ออกมาก ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงก่ำ มือทั้งสองข้างจับผ้าห่มจนเกือบจะย่นไปหมด ความเจ็บปวดใต้ร่างกายก็ถูกบีบขึ้นมาบนศีรษะ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่ซี่โครงหักและแทงเข้าไปในอวัยวะภายใน

นับเป็นครั้งแรกที่หมอตำแยสองคนนี้ ได้เห็นหญิงตั้งครรภ์เช่นนี้ ได้เพียงแค่มองไปที่ร่องรอยสีดำที่คลายอยู่เต็มสองขานั้นก็ทำให้พวกเขาตกใจกลัว จนกระทั่งกู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเสียงอุทานที่กรีดร้องดึงสติของสองคนนั้นกลับมา

“เวยเอ๋อ ไม่ต้องรีบร้อน หายใจ…….” หยุนหว่านช่วยบีบมือที่เริ่มซีดของกู้อ้าวเวยออกมา มืออีกข้างหนึ่งคอยเช็ดเหงื่อของนางไม่หยุด มองดูสีหน้าของนางจากสีขาวเป็นสีเขียว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล “เด็กคนนี้ พวกเรา……”

“ท่านแม่……” ลำคอดูเหมือนจะถูกปิดกั้นด้วยน้ำทะเล นางแทบไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูด ร้องเรียกหลายครั้งจึงพูดต่อว่า “ข้าไม่ตายหรอก……”

“ข้ารู้ ข้ารู้” หยุนหว่านตอบครั้งแล้วครั้งเล่า กำลังแปลกใจว่าทั้งๆ ที่ทุกอย่างมาถูกทางแล้ว

รกเป็นปกติ ทารกในครรภ์มีขนาดเล็กมาก……

แต่มือที่กำแน่นนั้นกลับอ่อนแรง

หมอตำแยทั้งสองรีบเปลี่ยนผ้าคลุมที่สะอาด และตะโกนให้กำลังใจ

แต่กู้อ้าวเวยกลับเริ่มฟังได้ไม่ชัดเจนบ้างแล้ว ด้านข้างหูเหมือนกับมีเสียงของผิวหนังและเนื้อ นางยังจำได้ว่าใบมีดกรีดผ่านผิวหนัง เนื้อและเลือดข้างใต้ปั่นป่วนไปหมด เลือดไหลและหัวใจเต้นแรง

แสงสีขาวตรงหน้าเหมือนโคมไฟในห้องผ่าตัด

“ข้าไม่อยากตาย” นางได้ยินเสียงของตัวเองชัดเจนมาก แต่สิ่งที่ตามมาคือความมืดที่วิ่งเข้าหาใบหน้า ซึ่งทำให้นางลืมตาขึ้นทันใด ตรงหน้าเป็นเพดานไม้ ขาสองข้างถูกหมอตำแยกดไว้แน่น

“นางฟื้นแล้ว” หยุนหว่านอุทานด้วยความประหลาดใจ จูบลงไปที่มุมหน้าผากของกู้อ้าวเวย “ฟื้นแล้วก็ดี ออกแรงอีกหน่อย”

จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

เสียงร้องลั่นของเพื่อนร่วมงาน นอนอยู่บนเตียงถูกส่งตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด หัวใจกลับมาหยุดเต้น

กู้อ้าวเวยรู้อย่างชัดเจนว่าเธอเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีโคมไฟที่หมุนได้ ไม่มีการประชุมใดๆ ตอนท้ายของทั้งหมดมีเพียงหิมะขาวผืนหนึ่งตลอดไป ร่างกายทั้งร่างไม่มีความรู้สึกใดๆ ในหัวสมองก็เป็นเพียงความว่างเปล่า

เมื่อเปลือกตาที่หนักอึ้งถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง มีเพียงความมืดมนที่ทักทายนาง

นางเดาถูกแล้ว

เสียงในหูปกคลุมไปด้วยเสียงฝน เสียงของท่านแม่ดูเหมือนจะอยู่เหมือนไกลและใกล้ กู้อ้าวเวยได้เพียงแค่เม้มปาก บีบฝ่ามืออย่างเงียบๆ ขยับศีรษะเล็กน้อยเพื่อวางศีรษะบนข้อมือที่อบอุ่นของฝ่ายตรงข้าม น้ำทะเลที่อยู่ในลำคอกลายเป็นเปลวไฟเผาผลาญ จนนางพูดไม่ออก

และข้อมืออยู่ใกล้แก้มของนางมากขึ้น มีบางสิ่งอุ่นๆ ตกลงบนใบหน้าของนาง ร่วงลงที่ปลายจมูกของนาง

หยุนหว่านยืนอยู่ไม่ไกล กำลังอุ้มเด็กทารกตัวผอมๆ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นชายที่รู้จักกันในนามเทพแห่งสงครามร้องไห้อย่างเงียบๆ ข้างเตียงลูกสาวของนาง แต่นางไม่ได้มองเด็กในอ้อมแขนของนางเลย

“เจ้าเป็นผู้หญิงที่โหดร้าย” ซ่านจินจื๋อเลื่อนตัวลงจากขอบเตียง ก้มลงคุกเข่าบนขอบเตียงและบีบมือเย็นๆ ของนางไว้ มองไปที่ดวงตาที่เปิดขึ้นเล็กน้อยภายใต้ขนตายาว และจูบหลังมือของนางครั้งแล้วครั้งเล่า “จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท