บทที่ 717 ผิดหวัง
“เจ้ากับซ่านจินจื๋อเป็นอะไรกัน?” กู้อ้าวเวยกลืนน้ำลาย
“เขาเป็นลูกชายของเพื่อนข้า ถ้าเจ้ารักหานเอ๋อจริง ก็อยู่ฝั่งข้า พวกเรามาช่วยกันลากฮ่องเต้ลงจากตำแหน่งกัน เทียบกับการที่เจ้าทำอ้อมๆจะเร็วกว่าอีก” ฮุยเฟยหัวเราะเสียงเบาข้างหูนาง
กู้อ้าวเวยก็หัวเราะเสียงเบาตามนางขึ้นมา: “ตามสถานการณ์ตอนนี้แล้ว นี่ถือว่าเป็นวิธีที่เร็วที่สุด”
แต่ฮุยเฟยยังไม่ทันดีใจ เข็มเงินยาวจ่อไปที่ขมับนางแล้วเรียบร้อย จิ้มจนมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย: “ใครจะคิดว่าข้าจะลงมือจัดการสนมที่ไม่เคยเห็นหน้ากันล่ะ?”
ตอนแรกคิดว่าจะหาฆ่าตกรในวัง แต่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อของฆาตกรไปเสียได้
“เจ้าอยากให้องค์หญิงแคว้นเอ่อตานลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้แคว้นชางหลาน เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวงั้นเหรอ?” กู้อ้าวเวยมืออีกข้างตบไปที่เอวของฮุยเฟย ในตอนที่นางร้องเจ็บก็รีบยื่นมืออีกข้างไปบีบคอนาง มีดตกลงไปที่เท้า นางเหยียบไว้แน่น ตอนนั้นที่กุ่ยเม่ยสอนการต่อสู้นาง ตอนนี้กลับได้ใช้มันแล้ว
เทียบกับมีดของฮุยเฟย นางยังจะเร็วมากกว่าอีก
ฮุยเฟยร้องเจ็บในลำคอ แต่ไม่กล้าร้องออกมาเสียงดัง มีดในวัง ถ้ามีคนเข้ามา ก็จะรู้ว่าใครลงมือก่อน
กู้อ้าวเวยปล่อยมือออกอย่างระวัง หรี่ตาหวังว่าจะเห็นอะไรได้บ้าง แต่สุดท้ายกลับมืดไปหมด จึงต้องควบคุมหัวใจที่เต้นเร็ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “เป้าหมายของเจ้าล่ะ”
ฮุยเฟยหัวเราะออกมา: “ข้าแค่อยากจะฆ่าซ่านต้วนโฉงจอมทรยศ และเจ้าก็ยังได้ความเชื่อใจจากเขาอีก”
“อะไรนะ?” กู้อ้าวเวยคิดเหตุผลมากมาย อาจเป็นเพราะเบื้องหลังนางมีแผนร้ายที่ยิ่งใหญ่กว่า
“เหตุผลที่เขาเก็บข้าไว้ เป็นเพราะก่อนหน้าที่จะพบคนรุ่นหลังของตระกูลหยูน เขาเคยรักข้า ตอนนี้เขาคิดจะละทิ้งตระกูลหยูนเพื่อแลกกับความเชื่อใจ รอเขารู้วิธีการเป็นอมตะได้ เขาก็จะฆ่าคนรักของข้า เพื่อทำให้สำเร็จในขั้นสุดท้าย” ฮุยเฟยมีน้ำตาคลอหน่อย
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้นโตๆ และปล่อยนางออก: “เจ้าฆ่าว่านต้วนโฉง ก็แค่กลัวว่าเขาจะฆ่าเจ้างั้นเหรอ?”
ฮุยเฟยจับคอไอคอกแคก เงยหน้าขึ้นอย่างทรมาณ: “เจ้าไม่รู้เหรอ? วิธีการเป็นอมตะแม้จะไม่มีบอกไว้ชัดเจน แต่ขั้นแรกก็คือเลือดของคนมากๆ และขั้นสุดท้าย ก็คือดื่มเลือดเนื้อของคนที่รักมากที่สุด เพื่อทำให้หยินหยางเท่ากัน และได้เป็นอมตะในทันที……”
ฝนจากฤดูใบไม้ร่วงตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และสีหน้ากู้อ้าวเวยเดินไปตามสายฝนกับข้ารับใช้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เมื่อกี้ฮุยเฟยที่หยิบมีดขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่ยากลำบาก มองเห็นข้ารับใช้ที่ตัวเองเชื่อใจเดินเข้ามาใกล้ สายตาดวงนั้นเหลือเพียงแต่ความรู้สึกผิด มีดในมือสั่นขึ้นมาเบาๆ: “ข้าไม่รู้ว่านางจะเชื่อหรือไม่……”
และข้ารับใช้คนนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้านั้นที่มีความคล้ายหับเยว่พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านไม่เคยเจอกับองค์หญิง ท่านพูดอย่างบ้าคลั่ง คิดว่าองค์หญิงคนนี้ต้องเชื่อแน่นอน”
ขอแค่ให้กู้อ้าวเวยสงสัยในตัวจริงของซ่านต้วนโฉงและซ่านจินจื๋อก็พอ งั้นเป้าหมายของพวกเขาก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
……
เสียงฝนที่ตกกระทบร่ม เสียงน้ำจากฝีเท้า
กู้อ้าวเวยกลับเหม่อลอยคิดอยู่นาน ในหัวนางมีแต่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของฮุยเฟย ยังมีคำสุดท้ายนั้นอีก
เหมือนสิ่งที่รู้เมื่อก่อนต่างหลอมรวมกันหมด
ทำไมซ่านต้วนโฉงถึงเก็บฮุยเฟยไว้
ทำไมเมี่ยวหารถึงต้องคุ้มครองซูพ่านเอ๋อที่ไร้ประโยชน์
ทำไมซ่านจินจื๋อถึงเปลี่ยนไปมาก และเลือกที่จะซื่อสัตย์และปกป้องอยู่กับนางข้างๆ
และทำไมนางถึงต้องมาอยู่ในร่างนี้ เพราะสวรรค์หวังให้นางแก้ไขความผิดพลาดของคนก่อน
ดังนั้นตั้งแต่เริ่ม ร่างกายนางก็เกี่ยวข้องกับเรื่องอมตะแล้ว
“เฮอะ” นางหัวเราะเสียงเบา นางจับแขนข้ารับใช้ไว้และพูดเสียงเบาว่า: “ไปห้องทรงพระอักษะเถอะ บอกกับคนอื่นว่า เมื่อกี้ฮุยเหยอารมณ์แปรปรวน คิดว่าข้าเป็นฮองเฮาที่ตายไปแล้ว”
คำพูดสั้นๆทำให้ข้ารับใช้คิดไปไกล เช่นฮุยเฟยทำอะไรฮองเฮางั้นเหรอ ดังนั้นถึงได้รู้สึกผิดได้ แต่นี่ก็คือผลที่กู้อ้าวเวยต้องการ
ก็เหมือนกับพวกเขา ซ่านเซิ่งหานคิดอยากจะให้ตัวเองได้วิธีเป็นอมตะโดยไม่คิดถึงตัวเองเลย หรือว่าหวังให้ตัวเองหาความจริงให้ได้ จากนั้นก็ดื่มเลือดเนื้อนาง
นางไม่เชื่อว่าความโลภของคนจะมีมากกว่าความรัก
แต่เพราะฮุยเฟยทำแบบนี้ นางก้าวเข้าไปในห้องในขณะที่ทั้งสามพึ่งขอพระราชโองการเสร็จ
เคารพซ่านต้วนโฉง ต่อมา กู้อ้าวเวยก็พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ในสมองก็ไม่มีแผนที่เคยพูดกับพวกเขาเลย นางแค่พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า: “ข้าจะยกเลิกการแต่งงานกับซ่านเซิ่งหาน บวกกับข้าหวังว่าจะได้ไปคลองลั่วส่วยเพื่อพิสูจน์ว่าความจริงเท็จของเรื่องอมตะ”
ซ่านเซิ่งหานมองกู้อ้าวเวยอย่างไม่อยากจะเชื่อ วันนี้นางควรจะตรวจชีพจรให้เสด็จพ่อ
“เรื่องของอมตะ ไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน……”
“ในโลกไม่มีลมที่พัดมาโดยไร้สาเหตุหรอก ในเมื่อคนบนโลกโหยหาสิ่งนี้ ก็ให้พวกเขาเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อพิสูจน์ความจริงเท็จ จะได้บอกกับลูกหลานได้” กู้อ้าวเวยเดินขึ้นไปหนึ่งก้าวช้าๆ: “นอกจากนี้ ฝ่าบาทท่านคิดว่า เหตุการณ์วุ่นวายของแคว้นชางหลานในวันนี้ตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับอมตะสามคำนี้เลยหรือเพคะ?”
พูดจบก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น ซ่านจินจื๋อมองเห็นสีหน้าที่จริงจังของกู้อ้าวเวย ก็พูดเสียงเบาว่า: “ในเมื่อเกี่ยวกับเรื่องอมตะ พวกเราก็จะทำให้เรื่องสงบแน่นอน”
“เจ้าคิดว่า ตระกูลซ่านไม่สนใจเรื่องนี้เพื่อที่จะได้ของที่ไม่มีมูลเหตุนี้งั้นเหรอ?” ซ่านต้วนโฉงเป็นคนนอก ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา มองกู้อ้าวเวยที่กล้าพูดคำนี้อย่างระวัง
พอได้ยินคำถามนี้ กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยืดตัวตรง ยิ้มอ่อนๆ พูดอย่างสงบเรียบเฉยว่า: “ข้าไม่คิดแบบนี้ แต่น้องชายของเจ้าและลูกชาย เพียงแค่ข้าแตกต่างก็รักข้างั้นเหรอ?”
“คิดอย่างละเอียดแล้ว ลูกหลานของพวกเราต่างรักชอบพอ คนรุ่นหลังของตระกูลหยูนกันทั้งนั้น”
พอกู้อ้าวยพูดจบ ซ่านเซิ่งหานกำหมัดแน่น สายตาเยือกเย็น
เขาไม่คิดเลยว่า แผนการครั้งนี้จะทุบลงที่ตัวเขาได้
และซ่านต้วนโฉงจากสายตาที่ระวังตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรู เขาเป็นราชาก็ต้องรักปกป้องคนใกล้ตัว แต่พอเผชิญกับคำถามที่บีบบังคับของกู้อ้าวเวย เขากลับตอบโต้กลับไม่ได้เลย
ตระกูลซ่านเป็นแบบนี้มาตลอด และเขา……ยิ่งไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ออกมาได้
ฮ่องเต้เงียบนับว่าเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว กู้อ้าวเวยไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกเจ็บปวดจะมาเร็วแบบนี้ ตอนนี้สายตาตรงหน้านางกลับเป็นความมืดมิด ขนาดความอบอุ่นบนมือยังหายไปหมดไม่เหลืออะไร
“เพราะข้าเป็นคนตระกูลซ่าน เจ้าเป็นคนตระกูลหยูน ดังนั้นข้าจะรักเจ้าไม่ได้ สมองเจ้ามีปัญหาหรือไง?” เสียงของซ่านจินจื๋อดังขึ้นหูซ้ายของนาง: “งั้นก็ให้ซ่านเซิ่งหานพาเจ้าไปคลองลั่วส่วย พอพิสูจน์เรื่องอมตะได้แล้ว ข้าจะพิสูจน์ด้วยตัวข้าทั้งหมดเอง”
“ข้าก็จะพิสูจน์ด้วยตัวเหมือนกัน เรื่องอมตะทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ” กู้อ้าวเวยพูด
สายตามองกัน ซ่านจินจื๋อมองออกว่านางไม่เชื่อใจมาก
ใครกันที่กำลังก่อเรื่อง